ตอนที่ 196 เปิดไพ่ตายหมดแล้ว

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนที่ 196 เปิดไพ่ตายหมดแล้ว

“ลงมือได้ ? ”

ซือถูเจิ้นผิงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย พลางกวาดตามองเหล่าผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงแล้วเอ่ยว่า “พวกเจ้าคิดดีแล้วหรือที่จะสู้กับข้า ? ”

“ท่านบุกเข้ามายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงของข้า อีกทั้งยังละโมบอยากได้ของศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงของเรา ทำเช่นนี้เห็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงของเราเป็นของเล่นหรือเยี่ยงไร ? ”

สวีฉิงเทียนตะโกนออกมา ก่อนจะรีบประสานมือทำท่ามุทรา

ขณะเดียวกันเหล่าผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงเองก็รีบทำท่ามุทราเช่นกัน

วินาทีต่อมารอบกายของทุกคนก็เปล่งประกายระยิบระยับ พลังปราณมหาศาลโหมกระหน่ำ ก่อนระเบิดพลังแข็งแกร่งเหลือคณาออกมา

มินานหลังจากที่ตราประทับค่ายกลของพวกเขาถูกสร้างขึ้นจนสำเร็จ

ท้องฟ้าเหนือดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิง ก็มีพลังฟ้าดินอันน่าสะพรึงกลัวโหมกระหน่ำ เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นกลางอากาศ

ในวินาทีที่ตราประทับค่ายกลผสานกัน

ตราประทับค่ายกลที่เจิดจ้าและแฝงพลังอันรุนแรง พลันเกิดเสียงดังกึกก้องขึ้น ก่อนจะประกอบกันเป็นค่ายกลที่มีพลังอันน่ากลัว ปกคลุมซือถูเจิ้นผิงเอาไว้และพร้อมจะบดขยี้ได้ทุกเมื่อ

“สารเลว ! ”

เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังปราณมหาศาลที่ปกคลุมรอบกาย

ซือถูเจิ้นผิงมิเพียงแต่มิสนใจ ทว่ากลับหัวเราะเสียงเย็น “ความสามารถเช่นพวกเจ้าคิดจะบดขยี้ข้าเยี่ยงนั้นหรือ ฝันไปเสียเถอะ ! ”

ซือถูเจิ้นผิงพูดเย้ยหยันออกมาก่อนจะเพ่งสมาธิ ทันใดนั้นพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งภายในร่างกายก็เกิดการเคลื่อนที่ รอบกายมีพลังปราณและจิตกระบี่น่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมา

วินาทีนี้เขายืนตระหง่านอยู่กลางอากาศ ราวกับกระบี่ที่ทรงอำนาจเล่มหนึ่ง

“ตูม ! ”

“ตูม ! ”

“ตูม ! ”

“ตูม ! ”

เมื่อไอกระบี่อันดุดันและทรงอำนาจทะยานขึ้นฟ้า

ก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทันใดนั้นด้านบนศีรษะของซือถูเจิ้นผิง ก็เกิดคลื่นพลังแผ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพียงพริบตาก็ขยายออกไปไกลหลายสิบลี้

แค่จินตนาการดูก็รู้แล้วว่าปรากฏการณ์เช่นนี้น่ากลัวเพียงใด

หลังจากไอกระบี่อันดุดันทะยานขึ้นฟ้า ค่ายกลสะกดที่เหล่าผู้อาวุโสแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงสร้างขึ้นก็แตกสลายตามไปด้วย

“สูด ! ”

ทันใดนั้นเหล่าผู้อาวุโสแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงก็ต้องสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ พลางถอยหลังไปหลายสิบจั้งอย่างยากที่จะต้านทาน แต่ละคนมีท่าทางราวกับพบศัตรูตัวฉกาจ

มิหนำซ้ำค่ายกลสะกดนั้นยังเป็นค่ายกลที่พวกเขาร่วมพลังกันสร้างขึ้นมา

ทว่าบัดนี้ค่ายกลกลับถูกทำลายลงอย่างง่ายดาย

ทำให้พวกเขาต่างก็ถูกพลังสะท้อนกลับมิมากก็น้อย

“ท่านเป็นใครกันแน่ ? ”

สวีฉิงเทียนที่สีหน้าซีดเผือดเอ่ยถามชายชราลึกลับตรงหน้า ด้วยท่าทางเคร่งเครียด

บอกเลยว่าเวลานี้สวีฉิงเทียนมิอาจข่มใจให้สงบลงได้

‘ระดับถ้ำสวรรค์ ! ’

‘มิผิดแน่ ! ’

‘อีกฝ่ายมีตบะบารมีระดับถ้ำสวรรค์อย่างแน่นอน!’

‘น่าเหลือเชื่อ ! ’

‘ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก ! ’

หากจะพูดให้ถูกก็คืออย่างน้อยคงอยู่ในขั้นท้ายของระดับถ้ำสวรรค์แล้ว และเกือบถึงระดับมหายานในตำนานก็ว่าได้

ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นผู้บำเพ็ญเพียรวิถีกระบี่อีกด้วย

คงมิต้องพูดถึงการที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิง ได้ล่วงเกินยอดฝีมือเช่นนี้เข้าอีก

เพราะสิ่งที่เขาคาดมิถึงยิ่งกว่านั้นก็คือ เหตุใดยุคนี้จึงยังมีผู้แข็งแกร่งในวิถีกระบี่เช่นนี้อยู่อีกเล่า

ส่วนซือถูเจิ้นผิงยังคงมีท่าทีมิแยแสใด ๆ

เขาชี้ไปยังภาพอักษรพู่กันด้านล่างและเอ่ยขึ้นอีกครา “ให้ข้ายืมภาพอักษรพู่กันภาพนั้นซะ มิฉะนั้นข้าจะมิเกรงใจอีก”

“ข้าขอเตือนพวกเจ้าอีกครา นับแต่ข้าบำเพ็ญเพียรมา นี่ถือเป็นคราแรกที่ข้ามีความอดทนมากถึงเพียงนี้”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น

“อักษรพู่กันภาพนั้นเป็นของศักดิ์สิทธิ์ประจำดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงของเรา จะให้คนอื่นยืมง่าย ๆ ได้เยี่ยงไรกัน ! ”

สวีฉิงเทียนมีสีหน้าเข้มขึ้น พร้อมกับตอบกลับไปอย่างมิเกรงใจ

ใช่แล้ว ภาพอักษรพู่กันที่ผู้อาวุโสเย่มอบให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิง มิเพียงแค่เจ้าสำนักเช่นสวีฉิงเทียนเท่านั้น แม้แต่ศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงก็ถือว่าเป็นสุดยอดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของสำนักเช่นกัน

การบีบบังคับเพื่อเอาของศักดิ์สิทธิ์จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงเช่นนี้ เท่ากับมิเห็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงอยู่ในสายตาชัด ๆ

การกระทำที่วางอำนาจเช่นนี้ จะอ่อนข้อให้ได้เยี่ยงไร ?

ยิ่งไปกว่านั้นเวลานี้ยังเรียกว่าเข้าตาจนอีกด้วย

ต่อให้เจ้าจะเป็นยอดฝีมือที่อยู่ขั้นท้ายของระดับถ้ำสวรรค์ แต่หากเข้าตาจนจริง ๆ ก็ยังพออนุโลมอัญเชิญของศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้อาวุโสเย่มอบให้ออกมาได้

สวีฉิงเทียนคิดเช่นนั้นแล้ว ก็ตะโกนเสียงดังก้องขึ้นว่า “ศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงทุกคนจงฟัง ประสานพลัง สร้างค่ายกลกระบี่จื่อชิง”

“พวกเราน้อมรับคำสั่งท่านเจ้าสำนัก ! ”

ทันใดนั้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงก็มีเสียงตอบรับดังกึกก้องไปทั่ว

มินานบนจัตุรัสหน้าตำหนักหลัก ต่างเต็มไปด้วยศิษย์และผู้อาวุโสมากมายของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงที่มารวมตัวกันอยู่ที่นี่

ขณะเดียวกัน พวกเขาก็ได้ปลดปล่อยกระบี่ประจำกายตัวเองออกมา มือทั้งสองข้างสร้างตราประทับกระบี่

ทันใดนั้นแสงสีเขียวมากมายก็ลอยวนขึ้น กระบี่โบราณที่มีไอกระบี่รุนแรงทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า พริบตาก็แปรเปลี่ยนเป็นมังกรกระบี่อันแข็งแกร่งขึ้นตัวหนึ่ง

เทียบกับที่เห็นที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนก่อนหน้านี้แล้ว มังกรกระบี่ตรงหน้าตัวนี้แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่กว่ามากทีเดียว

ขณะเดียวกัน

“ตึ้ง ! ”

เสียงพิณเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

เสียงพิณนี้พิสดารยิ่งนัก

แม้เป็นเพียงเสียงดนตรีแต่กลับแฝงพลังปราณประหลาดบางอย่างเอาไว้ สามารถช่วยเสริมพลังให้แก่ค่ายกลกระบี่ได้อีกด้วย

ทันใดนั้นมังกรกระบี่อันแข็งแกร่งตัวนี้ก็ทะยานขึ้น

ทุกที่ที่มังกรเคลื่อนตัวผ่านจะเกิดการสั่นสะเทือนขึ้น กลายเป็นเปลวเพลิงสว่างไสวแทบจะปกคลุมไปทั่วท้องนภา

ในตอนนั้นเองสวีฉิงเทียนก็ได้ชักกระบี่โบราณ ที่มีแสงระยิบระยับลอยวนทั่วทั้งด้าม และแผ่ไอโบราณออกมา

ใช่แล้ว !

กระบี่เล่มนี้ก็คือกระบี่ประจำกายของบรรพจารย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงรุ่นแรก

กระบี่เทพจื่อชิง !

เป็นสมบัติโบราณของแท้ !

“ค่ายกลป้องภูผา จงตื่นขึ้นเดี๋ยวนี้ ! ”

สวีฉิงเทียนตะโกนขึ้น พร้อมกับเปิดค่ายกลป้องภูผาของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงออก

เพื่อต่อกรกับยอดฝีมือที่มีจุดประสงค์ร้ายตรงหน้า เขาจะชักช้ามิได้อีกแล้ว

“ตูม ! ”

“ตูม ! ”

“ตูม ! ”

“ตูม ! ”

หลังจากเสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นเป็นระลอก

ทั่วทุกทิศทุกทางของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิง พลันเกิดลำแสงที่ห่อหุ้มเอาไว้ด้วยพลังปราณอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เวลานี้กระบี่เทพจื่อชิงในมือของสวีฉิงเทียนเองก็มีแสงสีม่วงเปล่งออกมาเช่นกัน ลวดลายโบราณเปล่งประกายวิบวับ จิตกระบี่มหาศาลพวยพุ่งออกมาภายในพริบตา

ค่ายกลกระบี่จื่อชิง !

เสียงพิณลึกลับ !

ค่ายกลป้องภูผา !

กระบี่เทพจื่อชิง !

เมื่อเห็นว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงได้เปิดไพ่ตายทั้งหมดแล้ว

สีหน้าดูแคลนเมื่อครู่ของซือถูเจิ้นผิงก็ค่อย ๆ เลือนหายไป และอดมิได้ที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา

“ดีมาก ทั้งหมดนี้คุ้มค่าที่ข้าจะชักกระบี่แล้ว ! ”

มุมปากของซือถูเจิ้นผิงโค้งขึ้น ก่อนเอ่ยต่อว่า “ข้ามิได้ชักกระบี่มานับพันปีแล้ว กระบี่ที่ชักออกมาในวันนี้ ผู้บำเพ็ญเพียรวิถีกระบี่ทั่วหล้าจะต้องจดจำข้าเอาไว้”

หลังสิ้นเสียงซือถูเจิ้นผิงก็เพ่งสมาธิ ก่อนที่กระบี่สัมฤทธิ์เล่มหนึ่งจะปรากฏขึ้นในมือ

กระบี่สัมฤทธิ์เล่มนี้แม้ดูแล้วจะมีร่องรอยของสนิมเกาะ แต่กลับเต็มไปด้วยความโบราณ ทว่าไอสังหารที่ปรากฏขึ้น แปรเปลี่ยนเป็นจิตกระบี่ที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจ ก่อนแผ่ออกมาภายในพริบตา

ขณะเดียวกันประกายกระบี่สีเขียวขนาดใหญ่พลันทะยานขึ้น กระจายไปทั่วกลุ่มเมฆบนท้องฟ้า เกิดเป็นปรากฏการณ์ที่งดงามตระการตา

นอกจากนี้ยังมีร่องรอยความดุดันของวิถีกระบี่แฝงอยู่อีกด้วย

เหล่าผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีที่สัมผัสได้ถึงความแตกฉานอันน่ากลัวในวิถีกระบี่ของซือถูเจิ้นผิง

ทำให้พวกเขาอดสงสัยมิได้

ต่อให้เป็นค่ายกลกระบี่จื่อชิง ที่มีเสียงพิณชิงเสวียนคอยช่วย รวมทั้งกระบี่เทพจื่อชิงที่มีค่ายกลป้องภูผาสนับสนุน จะสามารถต้านทานยอดฝีมือท่านนี้ได้จริงหรือ ?

เพราะหากยอดฝีมือท่านนี้สามารถหยุดยั้งการโจมตีทั้งหมดของพวกเขาได้ เช่นนั้นพวกเขาจะต้องถูกพลังสะท้อนกลับอย่างแน่นอน

จากนั้นก็จะไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้ใด ๆ ได้อีก

นั่นหมายความว่าจะสูญเสียการควบคุมทั้งหมด

เช่นนั้นการลงมือครานี้จะต้องทำให้ยอดฝีมือท่านนี้ยอมถอยไปให้ได้

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สวีฉิงเทียนและผู้อาวุโสที่มีตบะแก่กล้าก็สื่อสารกันทางสายตา

วินาทีต่อมาเขาก็ได้สะบัดแขนเสื้อหนึ่งครา ภาพอักษรพู่กันที่ลอยอยู่ด้านล่างก็ถูกม้วนเก็บทันที

ในตอนนั้นเองซือถูเจิ้นผิงก็ได้ชักกระบี่ออกมา !