บทที่ 74

 

“สวัสดี เฟเรส…”

 

ตกใจหมด

 

“เจ้า ทำไมถึงได้สูง…ขนาดนี้เนี่ย”

 

เพราะพฤติกรรมไร้ความผิดชอบที่ออกจากพระราชวังกลางดึกกลางดื่นตามลำพัง เฟเรสเลยโดนลงโทษกักบริเวณ

 

ดังนั้นพวกเราก็เลยไม่ได้พบหน้ากันมาสักพักแล้ว

 

เพียงแค่เขียนจดหมายส่งหากันและกันเหมือนเมื่อสมัยก่อนเท่านั้น

 

“เห็นว่าอยู่ในช่วงวัยกำลังโตน่ะ”

 

ใช่แล้ว ก็คงจะเป็นช่วงวัยแตกหนุ่มนั่นแหละ

 

เพราะงั้นถึงได้ตัวสูงขึ้นพรวดพราด

 

เด็กที่เดิมทีก็ตัวสูงใหญ่อยู่แล้ว พอเข้าสู่ช่วงวัยแตกเนื้อหนุ่มอย่างเต็มตัวก็ยิ่งสูงมากขึ้นไปอีก

 

ถึงแม้จะใกล้วันเกิดอายุครบสิบสี่ปีแล้วก็เถอะ แต่เขาก็ยังเป็นแค่เด็กอายุสิบสามปีเท่านั้นเองแต่เฟเรสตัวสูงเท่าๆ กับสองแฝดที่หากยืนเรียงตามลำดับความสูง ก็คงจะต้องยืนท้ายแถวเพราะสูงที่สุดเลยละ

 

“ทำไอ้นี่หล่น”

 

เฟเรสส่งผ้าเช็ดหน้าให้เธอที่ยืนเงยหน้าเหม่อมองเขา

 

“อ๊ะ นี่ไม่ใช่ของข้าหรอก ของคนนั้น”

 

“…อ่า เหรอ”

 

เฟเรสมองไปยังเด็กผู้ชายคนที่เธอชี้

 

“อะ เจ้าชายลำดับที่สอง…เฮือก!”

 

เด็กผู้ชายคนนั้นโค้งคำนับอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเฟเรส แล้วก็หวาดกลัวขึ้นมา

 

เธอพยายามมองหน้าเฟเรสเพราะอยากรู้ว่าทำไมเด็กคนนั้นถึงได้กลัวขนาดนั้น แต่เพราะเรือนผมและแสงแดดที่ส่องลงมา ทำให้มองเห็นไม่ค่อยชัดเท่าไหร่

 

แต่ดูเหมือนจะไม่ได้มีเรื่องใหญ่อะไรนี่นา

 

ภายนอกดูเป็นเด็กขี้กลัวก็จริง แต่นี่ท่าทางนิสัยเองก็จะเป็นพวกขี้ขลาดด้วยสินะ

 

“เอาไปสิ”

 

“ไม่! มะ…ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ!”

 

เด็กผู้ชายโบกมือเป็นพัลวัน ปฏิเสธไม่รับผ้าเช็ดหน้าของตัวเอง เขาวิ่งหนีห่างไปไกลด้วยใบหน้าซีดเผือดเพราะความกลัว

 

“ทำไมเป็นงั้นล่ะเนี่ย”

 

“…ไม่รู้สิ”

 

“อยากไปห้องน้ำหรือไงนะ”

 

เธอเอียงคอด้วยความงุนงง ท่าทางเด็กคนนั้นจะรีบร้อนมากเสียจนเธอรู้สึกผิดที่จะรั้งตัวเอาไว้ แต่ก็ได้ยินเสียงพึมพำของเมโลนที่ยืนอยู่ข้างๆ

 

“คงจะอยากไปห้องน้ำนั่นแหละ ถึงเดิมทีจะไม่ได้อยากไปก็เถอะ”

 

“…ใคร”

 

เฟเรสมองเมโลนที่ยืนอยู่ข้างกายเธอพลางเอ่ยถาม

 

แต่บรรยากาศกลับดูแปลกพิกล

 

นัยน์ตาสีแดงสดคู่นั้นดูจะเข้มขึ้นเล็กน้อย

 

เพราะไม่ได้เห็นเสียนานหรือเปล่านะ

 

หรือเป็นเพราะเงาที่พาดผ่านลงมา

 

มันเป็นสีหน้าที่หากเธอไม่รู้จักนิสัยของเฟเรสเป็นอย่างดีแล้วละก็ คงจะคิดว่าเขากำลังทำตัว ‘เป็นปรปักษ์’ แน่

 

“ข้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของเทีย เมโลน ลอมบาร์เดีย และทางนี้ก็”

 

“คิลลีวู ลอมบาร์เดีย”

 

“อ่า…สวัสดี”

 

ว่าแล้วเชียวเธอมองผิดไปนี่เอง

 

ก็แค่รู้สึกแปลกหน้าเฉยๆ

 

ใบหน้าของเฟเรสกลับมาเป็นใบหน้าที่เธอรู้จักอีกครั้ง

 

พอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า จึงค่อยเห็นว่าพระอาทิตย์ที่ถูกเมฆบดบังเล็กน้อยเริ่มเผยโฉมออกมาให้เห็นแล้ว

 

“ข้าเฟเรส”

 

“รู้แล้ว”

 

คราวนี้กลับกลายเป็นบรรยากาศทางฝั่งของสองแฝดที่แปลกไป

 

ใบหน้ายามจับจ้องไปที่เฟเรสดูไม่พอใจเอาเสียเลย

 

“อะไรกัน ทั้งสองคนทำไมเป็นงั้นล่ะ”

 

เด็กน้อยผู้หวาดกลัวคนแปลกหน้าอุตส่าห์รวบรวมความกล้า เป็นฝ่ายแนะนำตัวเองก่อนแท้ๆ!

 

“คงไม่ได้คิดจะทำตัวเป็นเจ้าถิ่นหรอกใช่มั้ย”

 

“มะ…ไม่ใช่แบบนั้น!”

 

“พวกเราก็แค่!”

 

สองแฝดขึ้นเสียงสูงด้วยความเสียใจราวกับถูกโลกทั้งใบทรยศ

 

“ไม่เป็นไร เทีย ทั้งสองคนคงจะรู้สึกแปลกหน้าน่ะ ข้าเองก็เป็นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”

 

เฟเรสเอ่ยปลอบเธอ

 

“โว้ว!”

 

“เหอะ จริงๆ เลย!”

 

สองแฝดทุบอกตัวเอง

 

เธอถลึงตาจ้องทั้งคู่เขม็ง ในขณะเดียวกันก็ช่วยแนะนำลูกพี่ลูกน้องคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ตรงนั้นให้เฟเรสได้รู้จัก

 

“ทางด้านนี้ลาลาเน่ พี่สาวของเบเลซักน่ะ”

 

“…เบเลซักนั่น?”

 

“คงจะเคยพบน้องชายของหม่อมฉันแล้วสินะเพคะ”

 

“แค่ไม่กี่ครั้ง ครู่เดียวเท่านั้น”

 

เฟเรสพยักหน้าตอบ ลาลาเน่ได้แต่ยิ้มขมขื่น

 

“และทางนี้…เครนีย์ เคยพบกันแล้วครั้งหนึ่งใช่มั้ย”

 

เครนีย์แอบไปหลบอยู่หลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

 

ก็นะ สมควรที่จะกลัวอยู่หรอก

 

ครั้งก่อนที่พบหน้ากัน เฟเรสเล่นฟันพุ่มไม้ที่เครนีย์ซ่อนอยู่เสียกระเจิงนี่นา

 

“อย่างนั้นเหรอ”

 

ดูเหมือนว่าเฟเรสจะจำเครนีย์ไม่ได้

 

ฟีเรนเทียถอนหายใจแผ่วเบา ลูบหัวทุยของเครนีย์ ในขณะที่ช่วยอธิบายให้แทน

 

“น้องชายของอาสทัลลีอูไง แอบฟังพวกเราคุยกันเมื่อครั้งก่อนไม่ใช่เหรอ”

 

“…อาสทัลลีอู?”

 

“อืม เด็กตัวใหญ่ๆ ที่เกาะติดอยู่ข้างกายเบเลซัก”

 

“อ่า”

 

เฟเรสพยักหน้าเหมือนจะเพิ่งนึกออก ก่อนจะมองเครนีย์

 

“งื้อ”

 

เครนีย์ซุกหน้าหลบอยู่ข้างหลังเธอ

 

“สวัสดี ยินดีที่ได้รู้จักนะ เมื่อคราวก่อนขอโทษด้วย”

 

เฟเรสย่อตัวลงเล็กน้อยในขณะที่เอ่ยทักทาย

 

แต่มันก็ไม่มีประโยชน์

 

เครนีย์ยังคงกลัวและหวาดระแวงเฟเรสอยู่เหมือนเคย

 

“อืม ไปกินของอร่อยๆ กันเถอะ ของหวานๆ”

 

เธอชี้ไปที่น้ำพุช็อกโกแลตที่เห็นอยู่ไกลๆ พลางเอ่ยพูดชวนทุกคน

 

ถ้าได้ของหวานเข้าปากเสียหน่อย บางทีบรรยากาศน่ากระอักกระอ่วนนี่คงจะคลายตัวลงบ้าง

 

เธอคิดแบบนั้นในขณะที่ลากเครนีย์ที่ยังคงจับชายเดรสของเธอเอาไว้แน่น รวมถึงสองแฝด ลาลาเน่ และเฟเรส ให้เดินย้ายที่ไปพร้อมกัน