ตอนที่ 271 มีแผนอะไร? + ตอนที่ 272 ไม่ติดค้างต่อกัน!

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 271 มีแผนอะไร?

เฟิ่งจิ่วหยุดฝีเท้า มองไปยังผู้มาใหม่ด้วยความแปลกใจ “ฮุยหลาง? เจ้ามาทำอะไร?”

เมื่อคืนนายท่านเขามา วันนี้เจ้าหมอนี่มา พวกเขานายบ่าวสองสามคนไปมาเรือนแห่งนี้ตามใจชอบโดยไม่ยี่หระเลย!

ฮุยหลางเหลือบมองสาวน้อยชุดดำที่ใบหน้างดงามเย็นชารูปร่างเร่าร้อน คิ้วขมวดขึ้นน้อยๆ อย่างที่ไม่อาจสังเกต แอบคิดว่า ‘ภูตหมอมีนายท่านอยู่แล้ว แต่ยังมีสตรีโฉมงามเช่นนี้อยู่ข้างกาย แล้วจะให้นายท่านไปอยู่ตรงไหน?’

ทำไมนายท่านไม่ตำหนิเขาหน่อย หรือจะปล่อยไปเช่นนี้? อายุเขาเท่านี้ไม่กลัวว่าจะรับมือกับความเย้ายวนของสาวงามข้างกายไม่ไหวเลยรึ?

เขาละทิ้งความคิดในหัวไป มองเฟิ่งจิ่วในชุดแดงและเอ่ยว่า “ภูตหมอ ข้ามาส่งของแทนนายท่าน”

ขณะพูดเขาสาวก้าวไปด้านหน้า หยิบผังแปดทิศอันเล็กๆ ออกมาวางลงบนโต๊ะหิน บอกว่า “นี่คือกระดานฟ้าดินแปดทิศ เป็นของวิเศษชั้นดี ใช้ต่อสู้หรือเป็นพาหนะเหาะเหินก็ได้ ยังมีกริชหงส์นี่อีก นายท่านบอกว่าเจ้าชอบใช้กริช จึงส่งกริชหงส์มาให้เป็นพิเศษ กริชเล่มนี้ตัดเหล็กได้เหมือนดิน หนำซ้ำยังเป็นของวิเศษ หากเจอการต่อสู้อะไรเข้าจะช่วยเป็นแรงให้ภูตหมอได้อย่างแน่นอน”

เฟิ่งจิ่วมองของสองอย่างบนโต๊ะ ดวงตาเป็นประกาย มองที่ฮุยหลางแล้วถามว่า “ของชิ้นนี้มีค่าไม่น้อยเลยล่ะสิ?”

ฮุยหลางมุมปากกระตุก ชำเลืองมองเขา กล่าวอย่างแข็งกระด้าง “ของชิ้นนี้ไม่อาจประเมิณค่าได้ นายท่านบอกว่าให้เจ้าเก็บไว้ อย่าได้ขายต่อไป”

ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วก็เลิกคิ้วขึ้น “ไม่มีเหตุมีผลเลย ทำไมถึงเอาแต่ส่งของให้ข้า ซ้ำยังล้ำค่าเช่นนี้อีก? นายท่านเจ้ามีแผนอะไรกันแน่?”

ได้ยินคำพูดนี้ ฮุยหลางเบิกตาโต “เจ้า เจ้าไม่รู้?”

เป็นไปไม่ได้กระมัง! เขาไม่รู้ว่านายท่านชอบเขา? เช่นนั้นเวลานี้นายท่านกำลังทำอะไรอยู่ รักเขาข้างเดียว? เจ็บปวดอยู่ฝ่ายเดียวรึ?

นายท่านเขาเลิศเลอถึงเพียงนี้ หรือภูตหมอนี่จะไม่เห็นเสน่ห์อันไร้ที่ติของนายท่าน?

นึกถึงว่าช่วงนี้นายท่านจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่ภูตหมอกลับไม่รู้ใจนายท่าน เขาก็นึกเสียดายแทน ดูท่าทาง แม้แต่มือเล็กๆ ของเขานายท่านก็ยังไม่เคยจับเลยกระมัง? หากทำได้ เขาอยากทำให้ภูตหมอสลบแล้วแบกกลับไปจริงๆ

แต่ว่าถึงมีความคิดนั้น เขากลับไม่กล้าพอ สุดท้ายเจ้าเด็กภูตหมอนี่ก็ไม่ใช่คนที่รับมือได้ง่ายๆ หากไม่ระวังอาจทำชีวิตเล็กๆ ของตนจบสิ้นลงได้ทุกเมื่อ

ด้วยเหตุนี้หลังมองอีกฝ่ายอยู่แวบหนึ่ง ฮุยหลางสีหน้าเคร่งบอกว่า “นายท่านแค่สั่งข้ามาส่งของ ส่งถึงมือแล้วข้าก็ต้องกลับไป ขอตัวก่อน” สิ้นเสียงก็หันตัวจะจากไป กลับถูกเฟิ่งจิ่วเรียกไว้

“เดี๋ยวก่อน”

เขาหันกลับมา เอ่ยถามทั้งสีหน้าไม่เป็นมิตร “ยังมีอะไรอีก?”

“นำเจ้านี่ไปให้นายท่านเจ้าเถอะ! บอกเขา แม้ไม่สามารถรักษาพิษเหมันต์พันปีได้ถึงแก่น แต่ทุกเดือนเมื่อออกอาการให้เขาทานหนึ่งเม็ด มันจะกดไอเย็นไม่ให้วิ่งพล่านไปทั่วร่างได้” เธอหยิบยาเม็ดขวดนั้นยื่นให้ฮุยหลาง ให้เขานำไปส่งต่อ

“นี่ มันระงับพิษเหมันต์พันปีได้จริงรึ?” ฮุยหลางทั้งตื่นเต้นและเหลือเชื่ออยู่บ้าง ต้องรู้ไว้ว่าคนหอโอสถศึกษาอยู่เนิ่นนานยังไม่อาจปรุงยาระงับออกมาได้เลย ไม่นึกเลยว่าเขาจะทำสำเร็จ?

เฟิ่งจิ่วเอียงคอมองเขา “ทำไม? สงสัยในความสามารถข้ารึ?”

“เปล่าๆๆ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ภูตหมอเจ้าวางใจเถอะ ข้าจะส่งต่อเจ้าสิ่งนี้ให้นายท่านแน่นอน ขอบคุณมาก ขอตัวก่อน” เขาเก็บยาขวดนั้นไปด้วยความดีอกดีใจ หลังจากประสานมือคารวะก็แตะปลายเท้ากระโจนร่างออกไป

หากเป็นจริงดั่งคำพูดภูตหมอ ทุกๆ เดือนนายท่านก็ไม่ต้องทนรับความเจ็บปวดจากพิษเหมันต์อีกแล้ว! ช่างดีเหลือเกิน!

………………………………………………….

ตอนที่ 272 ไม่ติดค้างต่อกัน!

เฟิ่งจิ่วเก็บของสองอย่างนั้นขึ้นมา แล้วเดินหาวกลับเข้าห้องไปพักผ่อน ส่วนเหลิ่งซวงนั่งขัดสมาธิฝึกวิชาอยู่ในลานบ้าน ฉิวฉิวก้อนขนหนานุ่มนอนหมอบบนโต๊ะหินอย่างเกียจคร้าน

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เฟิ่งจิ่วที่หลับสนิทพลันลืมตาขึ้นมา เมื่อเห็นชายหนุ่มชุดคลุมสีดำนั่งอยู่ข้างเตียงก็ตบๆ หน้าอกถอนหายใจเบาๆ “ข้าตกใจแทบตาย! ท่านมาได้ยังไง?”

น้ำเสียงเธอไม่ดีนัก เพราะการปรากฏตัวที่ไม่มีการเตือนล่วงหน้าเช่นนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างยิ่ง

หนำซ้ำเพราะพลังของเขาลึกล้ำเกินหยั่งไป ขนาดเขามาถึงเธอยังไม่ทันรู้ตัวเลย

อาจเพราะได้รับเม็ดยาขวดนั้นที่เธอปรุงให้เขาโดยเฉพาะ เจ้าตำหนักยมราชจึงอารมณ์ดีมาก เห็นสาวน้อยตบอกถลึงมองมาอย่างไม่สบอารมณ์ จึงเลิกคิ้วเบาๆ มุมปากยกขึ้นน้อยๆ น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงแววขำขันที่ยากจะสังเกต

“เจ้าใจกล้าได้แค่นี้เองรึ?”

เฟิ่งจิ่วพลิกตัวลงจากเตียง ดึงกระชับเสื้อผ้าบนร่างพลางเดินออกไปนอกห้อง ถามว่า “ท่านมาทำอะไรอีก?”

เธอมาข้างโต๊ะและรินน้ำดื่ม เหมือนนึกอะไรได้จึงเปิดประตูมองออกไป เมื่อเห็นเหลิ่งซวงยืนอยู่ในลานบ้านโดนจี้จุดลมปราณไว้อย่างเห็นได้ชัด แม้แต่พูดก็ยังพูดไม่ออก อดไม่ได้ที่จะถอนใจ เดินออกไปด้านนอกแล้วช่วยนางคลายจุด

“นายท่าน เขา…”

“เอาเถอะ ทีหลังเห็นเขาไม่ต้องขวาง เจ้าขวางเขาไม่ได้หรอก เจ้าไม่ต้องคอยอยู่ตรงนี้แล้ว ไปก่อนเถอะ!” เธอโบกๆ มือ สื่อให้นางออกไปก่อน

“เจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงมองไปที่เจ้าตำหนักยมราช ก่อนจะหันตัวจากไป

เห็นนางนั่งลงในสวนลานบ้าน เจ้าตำหนักเดินออกมานั่งอยู่ตรงข้ามกัน มองนางแวบหนึ่ง ทำท่าทางหยิ่งผยองพลางกล่าวเสียงเข้ม “ข้าจะมาถาม เม็ดยาที่เจ้าช่วยปรุงให้ข้ามีอะไรต้องหลีกเลี่ยงหรือไม่?”

“อุ๊บ!”

ได้ยินคำพูดนี้ เฟิ่งจิ่วยังไม่ทันเอ่ยปาก ฮุยหลางกับอิ่งอีที่หลบอยู่บนต้นไม้ได้ยินแล้วหลุดหัวเราะอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ พอสิ้นเสียงถึงพบว่าไม่ค่อยเหมาะสมนัก จึงรีบร้อนปิดปาก ทว่าเสียงนี้หลุดออกมา สองคนนั้นที่ข้างโต๊ะหินในสวนก็ได้ยินแล้ว

เฟิ่งจิ่วเหลือบมองเจ้าตำหนักยมราช ก่อนจะมองไปบนต้นไม้ “ท่านพาลิ่วล้ออีกสองคนมาด้วยรึ?”

เจ้าตำหนักตอนนี้สีหน้าอึมครึมเล็กน้อย ดวงตาลึกล้ำกวาดมองสองคนนั้นอย่างเย็นเยือก “พวกเจ้ายังไม่ไสหัวกลับไปอีก?”

ฮุยหลางกับอิ่งอีเห็นเช่นนั้นก็ขานรับทันที จากนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าอยู่แอบดูต่อ

“แค่กๆ!”

เจ้าตำหนักยมราชกระแอมเบาๆ เหลือบมองนางและกล่าวอีกว่า “ยังมีอีกอย่าง ข้ามาเพื่อขอบคุณเจ้า”

ได้ยินเช่นนี้เธอก็โบกมือ หรี่ตาลงยิ้มพูดว่า “ไม่ต้องขอบคุณหรอกขอรับ ข้าได้ของรางวัล ช่วยท่านปรุงยาเม็ดนั่น พวกเราก็ถือว่าหายกันแล้ว ข้าจะได้ไม่ติดค้างอะไรท่านอีก”

ทว่า เจ้าตำหนักที่ได้ยินคำพูดนี้สีหน้ากลับดูไม่ได้ขึ้นมา ใบหน้าที่เดิมเคยผ่อนคลายยามนี้กลายเป็นตึงเครียดถมึงทึง เขามองใบหน้าอมยิ้มของนาง ขมวดคิ้วเอ่ยถามว่า “เจ้าไม่อยากสานสัมพันธ์กับข้าถึงเพียงนี้เชียว?”

เฟิ่งจิ่วมองเขาอย่างยากจะเข้าใจ “ทำไมข้าต้องสานสัมพันธ์กับท่านด้วย?”

ได้ยินคำพูดนาง เจ้าตำหนักเม้มริมฝีปาก ดวงตาลึกล้ำมองลึกไปที่นางอย่างลึกซึ้ง กำลังจะเอ่ยคำพูดที่เดิมเตรียมเอาไว้ แต่เห็นนางเป็นเช่นนี้จึงพูดอะไรไม่ออกสักคำ

เขาเม้มริมฝีปากส่งเสียงในลำคอพลางนั่งอยู่พักหนึ่ง จากนั้นลุกขึ้นยืนท่ามกลางสายตาที่สงสัยและไม่เข้าใจของนาง สะบัดแขนเสื้อจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย

เห็นเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเท้าคางกลอกตาเล็กน้อย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เวลาต่อมาก็ลุกขึ้นเดินไปด้านนอกเช่นกัน

…………………………