บทที่ 147 ขอถามสวรรค์ จะทำลายข้าได้หรือไม่

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 147 ขอถามสวรรค์ จะทำลายข้าได้หรือไม่

เมื่อได้ฟังคำสนทนาของเจ้ากระบี่กับมารดาเถาแล้ว เสิ่นเทียนก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจนอยากหนีออกมา

พูดมาตั้งนาน นี่ก็คือความรักต่างสายพันธุ์ของผู้ฝึกกระบี่น้อยกับเถาน้อยตอนยังเยาว์วัย จากนั้นผู้ฝึกกระบี่น้อยหรืออาจารย์ของเขาอาจจะยอมรับการอยู่กับปีศาจไม่ได้ ดังนั้นเลยบังคับแยกสองคนจากกัน

จากนั้นเถาน้อยเกิดความแค้นเพราะความรัก แค้นทั้งเผ่าพันธุ์มนุษย์ จากนั้นก็กลายเป็นปีศาจชั่วสังหารแต่มนุษย์หรือ

สวรรค์ นี่มันบทพล็อตเดิมๆ และยังห่วยแตกอีกต่างหาก!

ได้คนเขียนบทไก่อ่อนขนาดไหนถึงได้ออกมาเป็นบทเช่นนี้

ถ้าไม่ใช่เพราะสู้สองคนนี้ไม่ได้ เสิ่นเทียนคงต้องออกไปคุยเรื่องชีวิตกับพวกเขาหน่อย

มุมมองความรักของโลกบำเพ็ญเซียนล้าหลังจริงๆ พูดไปพูดมากลายเป็นคนพวกนั้นในเมืองหมอกลับแลต้องเจอกับหายนะที่ไม่ได้เป็นคนก่อ!

พวกเจ้าเคยคิดถึงผู้บริสุทธิ์เหล่านั้นหรือไม่ โดยเฉพาะความรู้สึกของพวกคนโสดที่เป็นผู้บริสุทธิ์น่ะ

เสิ่นเทียนพูดแขวะอย่างบ้าคลั่งในใจ แต่ตัวเขากลับหมอบอยู่ข้างหลังหินอย่างมั่นคง

ตลก ต่อให้รู้ว่าเจ้าสองคนนี้คือทำทีเย็นชาใส่กันเพราะมุมมองความรักบิดเบี้ยว แต่มุมมองความรักบิดเบี้ยวไม่ได้หมายความว่ากำลังรบของพวกเขาจะบิดเบี้ยวด้วย นั่นคือคนใหญ่คนโตระดับจุดสูงสุดหลอมรวมเทพเชียว

โดยเฉพาะมารดาเถาลวี่จี ตอนนี้ฝ่าด่านเคราะห์แล้ว หากสำเร็จจะกลายเป็นผู้อริยะในระดับฝ่าด่านเคราะห์ เป็นสุดยอดฝีมือเลิศล้ำ

เจ้าจะกระโดดออกไปพูดกับนางว่า ‘มุมมองความรักของเจ้ามันโง่มาก’ หรือ

นางแค่ฟาดเถามาทีเจ้าก็เป็นเศษเนื้อแล้ว

แม้เสิ่นเทียนจะรู้สึกว่าตนหน้าตาหล่อเหลา ลวี่จีก็คงไม่ถึงขนาดฟาดตนตายหรอก แต่ถ้าเกิดนางเห็นเสิ่นเทียนโผล่มา แล้วหันมารักมาเกาะแกะเขาล่ะจะทำอย่างไร

ถึงจะบอกว่ามีฐานะสูงส่งในเซียนหญิงสามพันท่าน แต่มุมมองความรักรุนแรงเกินไป

ปีศาจเช่นนี้ เสิ่นเทียนไม่ชอบมากจริงๆ

หืม เหตุใดข้าถึงคิดอะไรไร้สาระอีกแล้ว

…….

เสิ่นเทียนข้างหลังหินกำลังชมละครอย่างออกรส

อีกด้านหนึ่ง เจ้ากระบี่สุริยะฟ้ากับมารดาเถาลวี่จีกำลังเปิดฉากต่อสู้กันอย่างเป็นทางการ

ทั้งหุบเขาสั่นสะเทือน เถาวัลย์ที่หนากว่าเสาพุ่งออกมาจากทุกมุมของหุบเขา เขย่าผืนปฐพีแม่น้ำและขุนเขา

ก่อนหน้านี้เสิ่นเทียนเจอเถาจองจำเซียนระดับดวงจิตดรุณสูงร้อยจั้งก็คิดว่าตัวใหญ่ยักษ์แล้ว แต่ตอนนี้เห็นร่างจริงของมารดาเถาลวี่จี เถาวัลย์ทุกเส้นมีขนาดเกินกว่าหลายร้อยจั้ง

อีกทั้งเถาวัลย์ของนางยังไม่ใช่สีเขียวอมดำ แต่เอนไปทางสีเขียวมรกตมากกว่า

เถาวัลย์แต่ละเส้นเป็นประกายระยิบระยับเหมือนแกะสลักขึ้นจากหยกแข็ง ภายใต้แสงตะวันร้อนแรงร่างแปลงของเจ้ากระบี่สุริยะฟ้า ทำให้มันเปล่งประกายวาววับ

“ในเมื่อหลงผิดกู่ไม่กลับ วันนี้ข้าต้องจัดการเจ้า!”

นัยน์ตาเจ้ากระบี่สุริยะฟ้าเผยประกายตัดเยื่อใยเสี้ยวหนึ่ง กระบี่ยาวข้างหลังออกจากฝักทันที

เพียงชั่วครู่เดียว ขอบเขตปราณกระบี่ร้อนแรงขนาดมหึมาปกคลุมทั้งหุบเขา สลายหมอกวิญญาณไปเยอะมาก ก่อนปรากฏดวงตะวันยักษ์ขึ้นกลางฟ้าดินอีกครั้ง ส่องสะท้อนกระบี่เทพกว้างและใหญ่นั้นในมือเจ้ากระบี่สุริยะฟ้า

“สวรรค์ไร้ที่สิ้นสุด ปราณกระบี่ผลาญฟ้า!”

เจ้ากระบี่สุริยะฟ้ากลายเป็นตะวันดวงใหญ่ กระบี่ยาวในมือยิงปราณกระบี่ออกไปร้อยจั้ง เข้าปะทะกับมารดาเถาลวี่จี ปราณกระบี่ตัดสลับไปมา

แต่ไม่นานเขาก็พบความจริงที่ทำให้เขาตกใจกลัว นั่นคือกระบี่ของเขาสู้มารดาเถาลวี่จีไม่ได้

ประกายคมกริบของกระบี่ใหญ่ในมือเจ้ากระบี่สุริยะฟ้าฟันขุนเขาขาดได้สบายๆ หนึ่งกระบี่ตัดแม่น้ำทะเลร้อยจั้งขาด ทว่าเมื่อฟันเถาวัลย์ของมารดาเถาลวี่จี กลับทิ้งไว้เป็นรูลึกๆ หลายฉื่อเท่านั้น

บาดแผลลึกหลายฉื่อนี่ฟังดูน่ากลัว แต่สำหรับเถาวัลย์ร้อยจั้งแล้วไม่มีค่าให้เอ่ยถึงเลย กระทั่งถือว่าเป็นแค่บาดแผลผิวนอก ยังฟันไม่ขาดถึงครึ่งเถาวัลย์ด้วยซ้ำ

ทว่ากลับมีเสียงคำรามด้วยโมโหของมารดาเถาลวี่จีดังขึ้นกลางหุบเขา “นี่เจ้าทำร้ายข้ารึ! ดี นับจากวันนี้ไปข้ากับเจ้าตัดขาดกัน ข้าจะให้เจ้าดูข้าเซ่นไหว้โลหิตทั้งเมืองหมอกลับแล!”

เถาวัลย์ยักษ์ตวัดใส่เจ้ากระบี่สุริยะฟ้าไม่หยุด แต่เจ้ากระบี่สุริยะฟ้าก็ต้านเอาไว้ได้อย่างทุลักทุเล ทว่าต่อให้เป็นคนที่มีพลังบำเพ็ญต่ำอย่างเสิ่นเทียนก็ยังมองออกว่าเจ้ากระบี่สุริยะฟ้าเสียเปรียบกว่า

เพราะขอบเขตไอกระบี่ของเขาถูกเถาวัลย์ยักษ์กดให้เล็กลง ไม่อาจโจมตีสวนกลับได้

มารดาเถาลวี่จีแค่นยิ้ม “สุริยะฟ้า มีเรื่องหนึ่งที่ข้าไม่เคยบอกเจ้า เจ้าคิดว่าข้าเป็นเพียงเถาจองจำเซียนธรรมดารึ เจ้าผิดแล้ว ความจริงข้าคือเถากลืนกินเซียนต่างหาก!

ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ทุกครั้งที่ประมือกันข้าก็อ่อนให้เจ้ามาตลอด! แต่วันนี้ข้าจะไม่เสแสร้งแล้ว ข้าจะแบไพ่ในมือให้ดู เจ้ารับการโจมตีข้าไม่ไหวหรอก!”

เมื่อกล่าวจบ มารดาเถาลวี่จีก็ตวัดเถาวัลย์ยักษ์ฟาดใส่เจ้ากระบี่สุริยะฟ้าจนกระเด็นไปหลายร้อยจั้ง

“นี่คือกำลังรบของเจ้ารึ เจ้าจะใช้พลังอันน่าหัวร่อเช่นนี้มาปกป้องพี่น้องเผ่ามนุษย์ที่เจ้าว่ารึ”

มารดาเถาลวี่จีหัวเราะเยาะไม่หยุด “ข้าจะบอกเจ้าให้แล้วกัน สุริยะฟ้า เจ้าปกป้องใครไม่ได้ทั้งนั้น!”

เถาวัลย์ระยิบระยับราวกับมรกตพลันออกแรงฟาดกระบี่ใหญ่ในมือเจ้ากระบี่สุริยะฟ้าลอยไป จากนั้นเถาวัลย์เล็กๆ สี่เส้นก็แทงมวลอากาศตรึงแขนขาของเจ้ากระบี่สุริยะฟ้าไว้

เพียงชั่วครู่เดียว เจ้ากระบี่สุริยะฟ้าระดับหลอมรวมเทพก็ถูกขึงไว้กลางอากาศอย่างแน่นหนา

ตอนนี้เถากลืนกินเซียนลำดับเก้าในรายนามไม้วิญญาณได้แสดงอานุภาพอันโหดเหี้ยมที่สุดแห่งยุคออกมาแล้ว!

……..

ร่างเงาผู้หญิงปีศาจปรากฏขึ้นอีกครั้ง นางมองเจ้ากระบี่สุริยะฟ้าเชิงเย้าหยอก ทั้งยังส่งเสียงหัวเราะเยาะตลอด

“เจ้าคือความภูมิใจของเผ่ามนุษย์หรือ ข้าคือเถากลืนกินเซียน เป็นพฤกษาเซียนสูงสุดที่กลืนกินเซียนแท้จริงได้ เจ้าคิดว่าข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้เจ้าจริงๆ หรือ คิดว่าข้าถูกเจ้าควบคุมไว้ในที่ราบหมอกลับแลมาหลายพันปีจริงๆ หรือ

น่าหัวร่อ ข้าแค่ซ่อนความสามารถ ไม่อยากถูกผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงของเผ่ามนุษย์พบก็เท่านั้นเอง เจ้าเป็นแค่ฉากบังหน้าปิดหูปิดตาคนอื่นของข้าก็เท่านั้น!

นับจากวันนี้ไป ข้าจะกลายร่างอย่างแท้จริง จะออกจากพันธนาการผืนปฐพีได้อย่างสมบูรณ์ ในเมื่อเจ้าไม่ยินดีจะครองคู่กับข้า ข้าก็จะสูบกินเจ้าแล้วค่อยไปหาคนอื่นต่อ!

คิกๆ เมื่อไม่นานมานี้ข้าเจอบุรุษรูปงามยิ่งคนหนึ่งพอดี รอฝ่าด่านเคราะห์เสร็จแล้วค่อยไปจับเขามา ข้าจะทำอะไรกับเขาก็ได้ ข้าจะให้เจ้าดูด้วย เจ้าจะทำอะไรข้าได้”

มารดาเถาลวี่จียืนอยู่กลางฟ้าดินด้วยความโอหัง ตอนนี้เมฆเคราะห์เริ่มมีสายฟ้าผ่าลงมาแล้ว นั่นคือเคราะห์สังหารน่าสะพรึงที่มาพร้อมกับอานุภาพแห่งฟ้าดิน และเมื่อเจาะจงไปที่สิ่งมีชีวิตทรงพลังจะยิ่งน่าสะพรึงกว่าเดิม

เถากลืนกินเซียนเป็นพฤกษาเซียนระดับสูงสุดในสิบอันแรกของรายนามไม้วิญญาณ มีวิชาอย่างกลืนกินและทะลวงน่ากลัวอย่างยิ่ง

เพราะเคราะห์อัสนีของมันก็แข็งแกร่งที่สุดเช่นกัน เคราะห์อัสนีแรกก็คืออัสนีเทพพยัคฆ์ขาวธาตุทองลำดับเจ็ดในตำนาน

อัสนีเทพพยัคฆ์ขาวธาตุทองลำดับเจ็ดนี้ไม่ใช่อัสนีเทพที่ศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะรวมออกมาได้ แต่มันคืออัสนีเทพพยัคฆ์ขาวธาตุทองลำดับเจ็ดสวรรค์ประทานที่รวมขึ้นจากกฎแห่งสวรรค์

ความแกร่งของอานุภาพมันเหนือกว่าอัสนีเทพพยัคฆ์ขาวของจางอวิ๋นซีไปไกลโข

และธาตุทองลำดับเจ็ดก็เป็นปฏิปักษ์กับพฤกษาวิญญาณธาตุไม้ที่สุด!

อัสนีเทพพยัคฆ์ขาวธาตุทองลำดับเจ็ดผ่าลงมาสายหนึ่ง เหมือนกับกระบี่สวรรค์ฟันลงมาจากสวรรค์เก้าชั้น

มารดาเถาลวี่จีสะบัดเถาวัลย์รอบตัวอย่างบ้าคลั่ง กลายเป็นแส้ยาวมรกตฟาดโจมตีเข้าไป

ชิ้ง~!

เหมือนกับกระบี่เทพออกจากฝัก แตกละเอียดราวกับกระจก

แส้ยาวมรกตนั้นถูกอัสนีเทพธาตุทองลำดับเจ็ดฟันขาดสะบั้น อัสนีเทพครึ่งหนึ่งที่เหลือยังคงมีอานุภาพไม่ลดลง ก่อนจะผ่าลงร่างมารดาเถาลวี่จีอย่างรุนแรง

ปรากฏบาดแผลน่ากลัวขึ้นบนเถาวัลย์ยักษ์ ของเหลวเข้มข้นสีขาวขุ่นไหลออกมาจากในนั้น

นั่นคือของเหลวของเถากลืนกินเซียน แฝงไว้ด้วยพลังที่เปี่ยมล้นยิ่ง แม้แต่กับผู้ฝึกบำเพ็ญระดับหลอมรวมเทพก็ยังมีคุณประโยชน์มหาศาล

มารดาเถาลวี่จีหัวเราะเยาะ “กฎแห่งสวรรค์ลำเอียงไปทางเผ่ามนุษย์พวกเจ้าจริงๆ มีทางลัดมาโดยกำเนิด แต่ปีศาจอย่างพวกข้าอยากจะกลายร่างบ้าง อานุภาพแห่งเคราะห์สวรรค์ก็แกร่งขึ้นเป็นสิบเท่าเลยรึ

เหอะๆ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าจะใช้เผ่ามนุษย์มาเซ่นไหว้ ข้าอยากรู้นักว่าสวรรค์จะทำลายข้าได้หรือไม่!”

……………………..