ตอนที่ 166 ศัตรูคือใคร?

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

“เอาสิ ถ้านายยืนนิ่งๆ ให้ฉันซัดนายสักหลายท่าก็ได้แล้ว” หยวนเฉินเพิ่งจะพูดจบก็พุ่งเข้ามา เตรียมสั่งสอนเจ้าเด็กที่ชอบพูดจาพล่อยๆ คนนี้ให้หนักๆ

“นั่นก็ไม่ได้ ถ้าถูกอัดก็จะเจ็บนะ…” เซี่ยอี๋อุทานขึ้นมา หันหลังวิ่งหนีไปด้วยความตกใจกลัว ในตอนที่หยวนเฉินกำลังจะโจมตีโดนเขา ทันใดนั้นเขาก็หันหน้ากลับมาและกระโดดขึ้นฉับพลัน มือขวาที่เดิมทีว่างเปล่า ไม่รู้ว่ากุมกระบองยางอันหนึ่งไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาฟาดลงไปที่ศีรษะหยวนเฉินแรงๆ ด้วยพลังมหาศาลราวกับผ่าขุนเขา

การตอบโต้กลับของเซี่ยอี๋กะทันหันและรวดเร็วมากเกินไป การเคลื่อนไหวโดยไม่คาดฝันนี้ทำให้หยวนเฉินตกตะลึงในใจยกใหญ่ เขาไม่กล้าโจมตีเซี่ยอี๋ต่อ รีบหยุดฝีเท้าลง มือขูกระบองสั้นไว้เหนือหัวฝืนรับกระบวนท่าของเซี่ยอี๋ไว้ โชคดีที่ปฏิกิริยาตอบสนองของเขารวดเร็ว ไม่อย่างนั้นเขาคงถูกเซี่ยอี๋ลอบโจตีได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม ต่อให้เป็นแบบนี้ หยวนเฉินยังคงเสียเปรียบมากอยู่ดี เซี่ยอี๋ตั้งใจโจมตีแบบไม่ตั้งใจ ส่วนหยวนก็เฉินรับกระบวนท่าของเขาอย่างฉุกละหุก การโจมตีนี้ทำให้เขาถอยหลังติดต่อกันสามสี่ก้าว ความเจ็บปวดอึดอัดกระเพื่อมในหน้าอก ก่อนจะอดอ้าปากกระอักเลือดสดๆ ออกมาไม่ได้…

“ไอ้เวร!” หยวนเฉินกดหน้าอก ตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว

“วิธีการโจมตีแบบนี้ต่ำช้าน่ารังเกียจมากเกินไปแล้ว!” โทสะผุดขึ้นบนใบหน้าของจางจิงอัน ทีมพวกเขาไม่เคยเสียเปรียบแบบนี้มาก่อน

เซี่ยอี๋คล้ายกับฟังไม่เข้าใจ เขากล่าวด้วยใบหน้างุนงงว่า “ไอ้หยา ทำไมรุ่นพี่กระอักเลือดล่ะ? หรือจะบอกพวกเราว่า ขอแค่พยายามก็จะได้รับผลเหรอ?” หน้าของเซี่ยอี๋เปล่งประกายขึ้นมาทันที และพูดด้วยความตื้นตันใจว่า “ฮือๆๆ รุ่นพี่ช่างดีเหลือเกิน ช่วงเวลาสำคัญยังไม่ลืมสั่งสอนพวกเรา ถึงขนาดที่ไม่สนใจว่าค่าตอบแทนคือการได้รับบาดเจ็บอีก…”

“หุบปากซะ! ฉันจะฆ่าแกให้ได้!” ดวงตาทั้งสองข้างของหยวนเฉินแดงฉาน เขารู้สึกว่าตัวเองถูกมดในสายตาเขาหยอกเล่น เขาสัมผัสได้ถึงความอัปยศ รู้สึกว่าเกียรติยศของตัวเองถูกคนเหยียบย่ำใต้ฝ่าเท้าอย่างหนักหน่วง เขาต้องการแก้แค้น ต้องการเลือดของอีกฝ่ายมาล้างความอัปยศของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่ในใจเขามีความปรารถนาในการฆ่าคนอย่างรุนแรง…

หลิงหลานที่อยู่ไม่ไกลขมวดคิ้ว เธอสัมผัสจิตสังหารของเด็กปีสิบได้อย่างชัดเจน เพราะว่าไม่สามารถยอมรับความแข็งแกร่งของคนที่คิดในใจว่าอ่อนแอกว่าตัวเอง ก็เลยเลือกทำลายทิ้งเหรอ? นี่นับว่าเป็นความอัปลักษณ์อย่างหนึ่งของสันดานมนุษย์หรือเปล่า?

หลิงหลานมองไปที่เซี่ยอี๋ที่ยังคงหัวเราะคิกคักราวกับไม่รู้สึกถึงจิตสังหารของหยวนเฉิน มุมปากก็เผยรอยยิ้มออกมา “ฉันนึกมาตลอดว่าฉันซ่อนความสามารถได้ลึกพอแล้ว ไม่นึกเลยว่ายังมีคนที่ซ่อนได้ดีกว่าฉันอีก…โลกนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ…”

“หยวนเฉิน อย่าละเมิดกฎ…” จางจิงอันสัมผัสจิตสังหารของหยวนเฉินได้เช่นเดียวกัน จึงเอ่ยปากเตือนออกมา

“หัวหน้า วางใจได้ ฉันจะจัดการเรื่องนี้อย่างสมบูรณ์แบบ” ขอเพียงไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายยอมแพ้ขอความช่วยเหลือ ต่อให้เผลอลงมือฆ่าฝ่ายตรงข้าม ทางสถาบันก็ไม่สามารถลงโทษเขาได้เหมือนกัน “หัวหน้า พวกนายออกไปก่อนชั่วคราวก็ได้” เขาไม่อยากให้มีคนพูดพร่ำตอนเขาฆ่าคน ต่อให้เป็นหัวหน้าทีมก็เหมือนกัน

จางจิงอันมองหยวนเฉินอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง แล้วก็เอ่ยว่า “ก็ได้…” เขาพูดจบก็พุ่งตัวออกจากสถานที่แห่งนี้ไป พวกสือฉือมองหยวนเฉินที่อยู่ด้านล่างแวบเดียว ก็ตามจางจิงอันจากไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไร

เมื่อพวกจางจิงอันจากไปแล้ว เซี่ยอี๋ที่เดิมทีมีรอยยิ้มเต็มเปี่ยมอยู่บนใบหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมาโดยพลัน เขากล่าวกับเสี่ยวหมิงในชุดขาวที่อยู่ด้านหลังว่า “นายรีบออกไปจากที่นี่ซะ…”

“ไม่ได้ ฉันทิ้งนายจัดการเขาคนเดียวไม่ได้ พวกเราสู้ด้วยกันเถอะ” เสี่ยวหมิงในชุดขาวทำหน้าเด็ดเดี่ยว เขาคิดว่าพวกเขาสองคนร่วมมือกันย่อมมีโอกาสชนะมากกว่าคนเดียว

“ขอร้องล่ะ นายได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้วนะ ยังจะสู้ยังไงได้อีก? นอกจากนี้ พอนายไม่อยู่แล้ว ฉันก็หนีได้ง่ายขึ้นนะ การหนีคือเรื่องถนัดที่สุดของฉัน อย่ามาถ่วงแข้งถ่วงขาฉันน่า” เซี่ยอี๋อดกลอกตาไม่ได้ บางครั้งมีน้ำใจมากเกินไปก็เป็นปัญหาเหมือนกัน

“จริงเหรอ?” เสี่ยวหมิงในชุดขาวเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

“จริงอยู่แล้วสิ…รีบๆ ไปเร็วเข้า…” ใบหน้าเซี่ยอี๋เต็มไปด้วยความรังเกียจ โบกมือให้เสี่ยวหมิงในชุดขาวที่อยู่ด้านหลังอย่างหมดความอดทนราวกับไล่แมลงวัน

เสี่ยวหมิงในชุดขาวเหลือบมองเซี่ยอี๋อย่างไม่วางใจแวบหนึ่งก่อนจะพบว่าเซี่ยอี๋มีความคิดแบบนี้จริงๆ เขากัดฟันและออกไปจากที่ตรงนี้

เมื่อรู้ว่าเสี่ยวหมิงในชุดขาวจากที่นี่ไปแล้ว ใบหน้าที่เดิมทีดูเคร่งเครียดของเซี่ยอี๋ก็ผ่อนคลายลงทันที “ไอ้หยา ตัวปัญหาไปกันหมดแล้ว ตอนนี้เราก็มาเล่นสนุกกันเถอะ…” เมื่อไม่มีคนจ้องแล้ว เขาถึงค่อยใช้ท่าไม้ตายออกมาได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะปิดบังความสามารถไว้หลายปีขนาดนี้ทำไมล่ะ…นอกจากนี้เขาเองก็ไม่ยินดีปล่อยคนที่คิดจะฆ่าเขาไปด้วยเหมือนกัน เขาไม่ใช่คนดีนี่นา

หยวนเฉินเอ่ยอย่างน่าขนลุกว่า “ใช่แล้ว เล่นสนุกจริง…” เขากล่าวจบก็พุ่งเข้าไปฉับพลัน!

อีกทางด้านหนึ่ง หลังจากที่จางจิงอันพาลูกทีมห้าคนรุดหน้าไปได้ห้าร้อยหกร้อยเมตรแล้ว สือฉือก็เอ่ยเตือนว่า “คนพวกนั้นก็อยู่ข้างหน้า เดี๋ยวก็จะถึงแล้ว” พวกคนที่เขาพูดคือพวกทีมนักเรียนปีเจ็ดห้องบีที่พวกเขาไล่ตามตั้งแต่ตอนแรก

“จูฉี ชิงหมิง คนพวกนั้นให้พวกนายจัดการ!” จางจิงอันไม่อยากให้ตัวเองลงมือกับคู่ต่อสู้แบบนี้เลย

“สือฉือ นายไปเป็นกองหนุน!” จางจิงอันส่งสือฉือเข้าไปไม่ใช่เพราะกลัวจูฉีกับชิงหมิงทำพลาด แต่กลัวว่าคนในทีมนั้นจะหนีรอดไปได้สักคนสองคน จางจิงอันชอบจับทีเดียว ไม่ชอบให้มีปลาหลุดรอดจากแห

“ได้ หัวหน้า!” ทั้งสามคนรับคำสั่งด้วยกัน จากนั้นก็วิ่งตะบึงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

“หัวหน้า แล้วฉันล่ะ?” ลูกทีมที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวกลัดกลุ้ม ทุกคนต่างมีเรื่องให้ทำ เหลือเขาคนเดียวที่ไม่มีอะไรให้ทำเลย

“หลัวฉยง นายสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องหรือเปล่า? ฉันรู้สึกมาตลอดเลยนะว่ามีคนกำลังมองพวกเราอยู่ แต่ฉันกลับหาอีกฝ่ายไม่เจอ” จางจิงอันเผชิญหน้าลูกทีมที่เหลือเพียงคนเดียว แล้วบอกความกังวลในใจเขาออกมา

“หัวหน้า เป็นพวกอาจารย์จับตามองพวกเราอยู่หรือเปล่า?” สิ่งที่หลัวฉยงคิดเป็นอย่างแรกคือเรื่องนี้ ความสามารถของอาจารย์บางคนน่าเกรงกลัวมาก พวกเขายิ่งเรียนลึกขึ้น ความกลัวที่มีต่ออาจารย์เหล่านั้นก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น

“นี่ก็มีความเป็นไปได้เหมือนกัน ดังนั้นฉันถึงพาพวกนายออกมาจากตรงที่หยวนเฉินอยู่ไง ถ้าหากความสนใจของอาจารย์อยู่ตรงนั้น พวกเราตรงนี้ก็จะไม่รู้สึกอะไร…แต่ว่าสัมผัสนี้ตามฉันมาตลอด ต่อให้ฉันส่งจูฉีกับชิงหมิงไปแล้ว มันก็ยังรั้งอยู่ที่นี่…” จางจิงอันกล่าว ทันใดนั้นเขาก็ร้องเอ๊ะขึ้นมา “สัมผัสหายไปแล้ว….”

หลังจากนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว “แย่แล้ว สือฉือเกิดเรื่องแล้ว” กลิ่นอายของสือฉือไม่ได้ถูกปกปิดไว้เลยสักนิด ความเป็นไปได้แบบนี้ก็คือ เขาเสียสติไปแล้ว

“โดนโจมตีแล้ว? เป็นศัตรูของเราเหรอ?” หลัวฉยงกล่าวด้วยความตกใจ

 “เป็นศัตรูอยู่แล้วสิ พวกอาจารย์ไม่ลงมือกับสือฉือหรอก” สีหน้าของจางจิงอันย่ำแย่มาก เขาถูกศัตรูคนหนึ่งตามเขามาโดยไม่รู้ตัว และเขาแบ่งกำลังออกไปหลายครั้ง ติดกับของอีกฝ่ายโดยไม่ได้ตั้งใจ

หลิงหลานซุ่มตัวอยู่ข้างๆ สือฉือที่ซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้อย่างเงียบเชียบ จากนั้นก็ซัดหนึ่งฝ่ามือใส่อีกฝ่ายให้สลบก่อนที่เขาจะตื่นตกใจ เธอวางอีกฝ่ายไว้บนต้นไม้อย่างระมัดระวัง ก่อนจะกดปุ่มยอมแพ้ขอความช่วยเหลือของอีกฝ่ายเงียบๆ

จูฉีกับชิงหมิงที่อยู่ด้านล่างไม่รับรู้เรื่องนี้เลยสักนิดเดียว เวลานี้พวกเขากำลังทำหน้าตื่นเต้นมองดูร่างคนทั้งหมดที่ปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าพวกเขา นี่เป็นทีมปีเจ็ดห้องบีที่กลับมาเตรียมพร้อมซุ่มโจมตีพวกเขาเพื่อช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมตัวเอง

ในหว่างนิ้วของหลิงหลานปรากฏเข็มน้ำแข็งเรียวเล็กสุดขีดสองเล่มอย่างไร้ที่มาที่ไป เธอสะบัดข้อมือแรงๆ ที่หนึ่ง เข็มน้ำแข็งถูกซัดเข้าใส่ตรงหลังคอของจูฉีกับชิงหมิงอย่างไร้สุ้มไร้เสียง ทั้งสองคนตัวสั่นอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกเหมือนกับมีไอเย็นโจมตีด้านหลังคอ อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกนี้เข้ามาวูบเดียวแล้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยและเงียบเชียบรวดเร็ว ทำให้พวกเขาเข้าใจผิดว่านี่เป็นการคิดไปเอง

เข็มน้ำแข็งเรียวเล็กไม่ได้ทำให้พวกเขาสองคนได้รับบาดเจ็บ และก็ไม่ได้มีผลเสียที่ตามมาอะไรให้กับพวกเขา เพียงแต่ ความสามารถของพวกเขาจะถูกไอเย็นจำกัดไว้สามสี่ส่วนภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง นี่เป็นโอกาสที่หลิงหลานมอบให้กับทีมปีเจ็ดกลุ่มนั้น สุดท้ายพวกเขาจะคว้าเอาไว้ได้หรือไม่ ทั้งหมดก็ต้องดูความพยายามของปีเจ็ดกลุ่มนั้นแล้ว

หลิงหลานทำทุกอย่างนี้เสร็จก็ออกไปจากที่แห่งนี้แล้วมาถึงจุดที่จางจิงอันรอคอยอยู่

“นายมาแล้ว!” จางจิงอันสัมผัสได้ว่าตัวเองถูกจ้องมองอีกครั้งก็เอ่ยปากพูดขึ้น เขาคิดจะหลอกฝ่ายตรงข้าม

ส่วนหลัวฉยงก็มองไปรอบๆ ด้วยใบหน้าตึงเครียดท่ามกลางเสียงพูดของจางจิงอัน ให้ตายสิ เขาสัมผัสไม่ได้เลยว่ามีคนเข้ามาใกล้ หรือว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นเหมือนกับเซี่ยอี๋ มีความสามารถด้านการซ่อนตัวโดยเฉพาะ? เขาไม่เชื่อว่าความสามารถของนักเรียนปีเจ็ดจะสูงกว่าเขามากนัก

“สมกับเป็นอันดับหนึ่งของปีสิบจริงๆ!” เสียงเย็นชาดังขึ้นราวกับว่ามันดังขึ้นข้างหูของพวกเขา และก็คล้ายกับอยู่ห่างไกลสุดขีด จางจิงอันคิดจะอาศัยเสียงนี้หาตำแหน่งของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ทว่าเสียงนี้กลับดังคลุมเครืออยู่ข้างกาย

“อึก…”   หลัวฉยงส่งเสียงอึดอัดราวกับถูกบีบอยู่ในลำคอ จางจิงอันกระโจนเข้าใส่ตรงตำแหน่งของหลัวฉยงโดยไม่คิดเลยสักนิดเดียว แต่ก็เห็นว่าตรงนั้นว่างเปล่าไม่มีใครสักคน

จางจิงอันยืนอยู่ที่นั่น หน้าผากหลั่งเหงื่อเย็นๆ ออกมา ฝ่ายตรงข้ามลงมือแล้ว เขาสูญเสียลูกทีมหนึ่งคนไปชั่วพริบตา แต่กลับคว้าเงาของอีกฝ่ายไม่ได้เลย ถึงขนาดที่ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายเป็นใครมาจากไหน ปีเจ็ดมีปีศาจระดับนี้ปรากฏตัวออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่? หรือว่าอาจารย์นิสัยเลวร้ายสักคนกำลังล้อเล่นกับเขาอยู่?

เวลานี้หลิงหลานปรากฏตัวขึ้นตรงตำแหน่งที่เดิมทีวางสือฉือไว้ เธอวางหลัวฉยงลงตรงนั้นเช่นเดียวกันก่อนจะกดปุ่มยอมแพ้ขอความช่วยเหลือ หลังจากนั้นก็หายตัวไปอีกครั้ง

หลิงหลานหายตัวไปได้ไม่นาน ร่างเงาสองสายพลันปรากฏตัวขึ้นบนต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น เมื่อเห็นเด็กหนุ่มชุดแดงสองคนอยู่บนกิ่งไม้ก็อุทานว่า “เด็กปีสิบห้องเอ…”

หนึ่งในนั้นค้อมกายสำรวจด้านข้างคอของทั้งสองคนที่แขวนอยู่บนกิ่งไม้ “สลบไปแล้ว!”

“อาการบาดเจ็บเป็นยังไงบ้าง?” อีกคนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความกังวล

“วิธีการของคู่ต่อสู้ล้ำเลิศมาก สองคนนี้ถูกฝ่ามือซัดใส่หนึ่งทีจนสลบในตอนที่ไม่ได้เตรียมการป้องกันไว้ และไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย” คนที่ตรวจสอบในตอนแรกทำการตรวจสอบสาเหตุที่ทั้งสองคนหมดสติต่อ

“หมายความว่า ฝ่ายตรงข้ามซัดพวกเขาจนสลบ แล้วก็กดปุ่มยอมแพ้ขอความช่วยเหลืออีกเพื่อให้พวกเรามาเอาพวกเขาไปเหรอ?” อีกคนเอ่ยด้วยความประหลาดใจแกมยินดี

“ดูเหมือนจะใช่…” คนตรวจสอบรู้สึกยินดีเช่นเดียวกัน เมื่อพบนักเรียนที่มีความสามารถแข็งแกร่งย่อมรู้สึกยินดีจริงๆ แต่ที่น่าดีใจยิ่งกว่านั้นคือคุณธรรมของนักเรียนคนนี้ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ อาจารย์ทุกคนต่างหวังว่านักเรียนของสถาบันจะมีคุณธรรมทั้งความรู้ ความสามารถโดดเด่นในทุกๆ ด้าน

“นักเรียนปีเจ็ดไม่ได้อ่อนแอขนาดที่เราคิดไว้…” เดิมทีพวกอาจารย์คิดว่าคราวนี้ปีเจ็ดต้องพ่ายแพ้ในการต่อสู้ประจัญบานครั้งนี้โดยไม่ต้องสงสัย ตอนนี้ดูแล้วยังเร็วเกินไปที่จะสรุปผล

………………………………..