บทที่ 150

ทุกคนดูจะตกตะลึงที่เห็นถังหยินเต็มไปด้วยความโมโห ก่อนที่พวกเขาจะพากันก้มหน้าก้มตาลงกันอย่างรู้สึกผิด

แม้แต่ถังหยินเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาโกรธที่จางโจวตายไปหรือว่าโกรธเพราะหาร่างของอีกฝ่ายไม่เจอกันแน่ ทว่าในเวลานี้หัวใจของเขานั้นอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกคับแค้นใจอย่างถึงที่สุด

พวกต่างแดนมันโหดร้ายมากแบบนี้ คงไม่มีทางหาร่างของแม่ทัพจางเจอแน่

ชายหนุ่มสูดลมหายใจแล้วถาม “แม่ทัพจางมีครอบครัวไหม ?”

ไป่หยงพูดขึ้น “ฮูหยินจางเองก็ถูกสังหารไปแล้ว จึงเหลือแค่เพียงลูกสาวของเขาคนเดียวขอรับ และนางอายุ 9 ขวบ…”

ถังหยินยิ่งถอนหายใจด้วยความเศร้า เขากำหมัดแล้วพึมพำกับตนเอง “ถ้าไม่มีใครรับเด็กคนนี้ไปเลี้ยงล่ะก็ งั้นข้าจะรับไว้เอง”

ไป่หยงพยักหน้าให้เขา ทีแรกเขาคิดว่าจะรับเลี้ยงลูกสาวของแม่ทัพจางอยู่แล้ว แต่ถ้านายท่านใหญ่สั่งมาแบบนี้เขาก็ไม่ขัดข้อง ไม่ว่าจะยังไงจวนของแม่ทัพผู้ปกครองเขตก็ดีกว่าเรือนของเขาอยู่แล้ว “ก่อนที่เขาจะตาย เขาบอกว่าจะไม่ยอมให้ใครมาดูหมิ่นเกียรติของกองทัพเฟิงโดยเด็ดขาด”

ถังหยินถึงกับน้ำตาไหลที่ได้ยินแบบนี้ เขายกมือขึ้นมาปาดน้ำตาแล้วกล่าว “ต่อให้ไม่มีร่างก็ไม่เป็นไร แต่ต้องทำให้แน่ใจเขานั้นได้รับการประกอบพิธีอย่างสมเกียรติ !”

“น้อมรับบัญชาขอรับ ! ทว่านายท่าน ข้านั้นคิดว่าถ้าหากพวกเราได้กำลังเสริมจากทางมณฑลมาล่ะก็ ท่านแม่ทัพจางคงจะไม่ตายแบบนี้หรอก แต่พวกมันกลับไม่ยอมส่งมาให้เราเลย !” ชิวเจิ้นกล่าว

คำกล่าวนี้เหมือนกับราดน้ำมันเข้าใส่กองไฟ ทำให้ทุกคนแทบจะระเบิดอารมณ์โกรธออกมา

จูนัวทุบโต๊ะ “นายท่าน พวกเราเสี่ยงชีวิตสู้กันแทบตาย แต่หยูเฮอกลับเลือกที่จะกินนอนสบายอยู่คนเดียว ถ้าพวกเราไม่ฆ่าเขาวิญญาณของแม่ทัพจางคงจะอยู่ไม่สุขแน่ !”

“ให้พวกเราฆ่ามันเถิดนายท่าน”

“พวกเราต้องฆ่ามัน !”

ทุกคนกู่ร้องกันออกมา พร้อมกับถังหยินที่ทำหน้าตางงงวย เพราะหยูเฮอเป็นถึงขุนนางที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้อง ดังนั้นไม่ว่าจะมีความผิดยังไง พวกเขาก็ไม่สามารถลงมือจัดการทันทีได้หรอก !

ระหว่างที่เขากำลังลังเล หยวนยู่ก็พูดขึ้น “เจ้ากลัวราชสำนักจะลงโทษ ก็เลยไม่กล้าทำใช่ไหมเล่า? ถ้าเช่นนั้น ในเมื่อเจ้าไม่ทำ งั้นเดี๋ยวข้าจะไปจัดการมันให้เอง !”

พูดจบเขาก็เดินกลับออกไป

โครม ! ถังหยินทุบโต๊ะอย่างแรงแล้วลุกขึ้นชี้ไปยังหยวนยู่ “หยุดเดี๋ยวนี้นะ !”

ชายเลือดร้อนหยุดเดิน ก่อนหันกลับมามองเขาด้วยสายตาเย้ยหยั่น

ถังหยินเป็นแค่แม่ทัพประจำเขต การที่เขาสังหารเจ้าผู้ครองมณฑลแบบนี้มันย่อมเข้าข่ายกบฏแล้ว และไม่ใช่แค่ชีวิตของเขาจะตกอยู่ในอันตราย แต่จะรวมไปถึงทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเขาด้วย แต่ทว่าหยวนยู่นั้นก็แค่อยากจะเห็นว่าชายหนุ่มกล้าพอที่จะทำมันหรือไม่ก็เท่านั้น !

นี่คือจุดเปลี่ยนชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้

เขามองชิวเจิ้น และอีกฝ่ายก็รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่จึงได้ก้มหน้าต่อไป

ถังหยินรู้ตัวว่าการที่ชิวเจิ้นไม่มีข้อโต้แย้งแบบนี้ มันก็หมายความว่าให้เขาลงมือจัดการได้ในทันที

ว่าแล้วเขาก็พลันชักดาบออกมากวัดแกว่งไปมา ทำให้เก้าอี้ที่อยู่ด้านหลังแหลกกระจายเป็นชิ้น ๆ “ข้าจะเป็นคนจัดการมันเอง !”

คำประกาศของเขาทำให้ทุกคนตื่นเต้นอย่างมากและยอมติดตามชายคนนี้ไปตราบจนชีวิตจะหาไม่

หยวนจี้ส่ายหัว เพราะยังไงเสียเจ้าผู้ปกครองมณฑลก็ไม่ใช่คนธรรมดาที่จะฆ่าได้ง่ายดายเหมือนกับโยนผลไม้เข้าปากหรอกนะ เขารีบกล่าว “ใจเย็นก่อนสหายทั้งหลาย ไม่ว่าเขาจะชั่วร้ายอย่างไร พวกเราก็ไม่สามารถจัดการเขาได้ทันทีหรอกนะ พวกเราต้องทำตามขั้นตอน ด้วยการส่งเรื่องไปยังราชสำนัก…”

ชิวเจิ้นพูดแทรกขึ้นก่อน “ในช่วงเวลาวิกฤตแบบนี้ ใครเขาจะสนใจเรื่องกฎหมายกัน เราต้องจัดการคนขายชาติเสียก่อน !”

“คนขายชาติเหรอ ?” ไม่ใช่แค่หยวนจี้ที่ตะลึง ทุกคนในห้องก็เช่นกัน

ชายนักปราชญ์ถามอีกครั้ง “ใครกันที่ทำแบบนี้ได้ ?”

“ก็หยูเฮอไง !”

“แล้วเขาทำได้ยังไง…”

“ก็การที่เขาไม่ส่งกำลังเสริมมาหาพวกเรา นั่นก็เพราะว่าอีกฝ่ายได้รับสินบนจากพวกเบสซ่าไงเล่า !”

“รับสินบน ?”

ชิวเจิ้นหัวเราะออกมาแล้วกล่าวต่อ “แน่นอนว่าไม่มีหลักฐานหรอก แต่ถ้าเรากุเรื่องแล้วปลอมแปลงหลักฐานขึ้นมา แค่นี้ก็จัดการปิดปากหยูเฮอได้แล้ว ยิ่งผนวกกับที่ตอนนี้เมืองหยานกำลังโดนรุกรานอยู่ จึงไม่มีใครสนใจหรอกถ้าจะมีขุนนางตายไปสักคนน่ะ”

ทุกคนตะลึงงัน ไม่คิดว่าชิวเจิ้นจะคิดวางแผนไปไกลขนาดนี้แล้ว

ทางด้านถังหยินเอง เขาก็พยักหน้าเห็นด้วยกับแผนการ เพราะถ้าหากจะจัดการหยูเฮอ มันก็ต้องเป็นเวลานี้เท่านั้น !

เมื่อคิดได้แบบนั้น ชายหนุ่มก็เก็บดาบ ก่อนจะตะโกนบอกทุกคน “ไปพาทหารมา พวกเราจะไปที่ชุนโจวกันคืนนี้ !”

“น้อมรับบัญชา” ไป่หยง จูนัว กู่เยว่ หลีเว่ย และคนอื่น ๆ ตอบรับก่อนจะเดินออกไป

ในจุดนี้ ต่อให้หยวนจี้อยากจะหยุดก็ทำไม่ได้อีกต่อไปแล้ว คำพูดของชิวเจิ้นนั้นเล่นใหญ่เกินไป จนทำให้ถังหยินสามารถจัดการเตรียมทัพได้อย่างชอบธรรม !

ถังหยินทำตามใจตัวเองเสมอ และในคืนนั้นพวกเขาก็พาทหาร 4 หมื่นนายร่วมกับทหารม้ามุ่งหน้าไปยังชุนโจว ทว่าเพียงครึ่งทางเท่านั้น พวกเขาก็เจอหน้าของขุนนางของที่นั่นเข้าให้

พวกเขามาเพื่อส่งข้อความไปยังเมืองเฮิง ทว่าก็ต้องแปลกใจที่เห็นกองทัพปิงหยวนเข้ามากันแบบนี้

“เจ้ามาทำอะไรกัน ?”

“นายท่านให้มารวบรวมและเรียกรวมกองทัพของปิงหยวนน่ะขอรับ” พวกขุนนางไม่รู้เกี่ยวกับแผนของถังหยิน จึงตอบออกไปตามตรง

ในฐานะของเจ้าผู้ครองมณฑล ที่ไม่เคยคิดจะยุ่งเกี่ยวกับการสงครามในช่วงที่พวกเบสซ่ายังอยู่ แต่ทว่าเมื่อพวกมันหายไปแล้ว ก็พลันคิดจะทำการรวบรวมกองทัพขึ้นมาเพื่อที่จะตามไปไล่จัดการพวกที่ยังหลงเหลืออยู่ให้หายไปทั้งหมด เฮอะ !

หลังจากอ่านจดหมายของหยูเฮอ ถังหยินก็ยื่นมันให้กับชิวเจิ้นแล้วออกคำสั่ง “จับพวกเขาไว้ !”

“เอ๋ ข้าทำอะไรผิดหรือขอรับ ?”

พวกเขาตะลึงงันและไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่ทหารปิงหยวนจะเข้ามาจับตัวเขาไว้กดลงกับพื้น

“เจ้าสามารถปลอมลายมือเขาได้ไหม ?” ถังหยินถามสหายของเขา

“ง่ายมากเชียวละ”

ถังหยินพยักหน้าแล้วเดินทัพไปยังชุนโจวต่อ

ณ เมืองชุนโจว

ที่นี่มีกองทหารมากมายกำลังมารวมตัวกัน และเมื่อกองทัพของถังหยินมาถึง พวกเขาก็ได้รับการต้อนรับจากเจ้าเมืองเป็นอย่างดี

ชายหนุ่มพาพวกฉางกวง กลุ่มของเฉิงจิน และกลุ่มทหารม้าเข้าไปในเมืองก่อน โดยในระหว่างทางหยวนยู่ก็ได้เดินตามถังหยินไปอย่างเงียบเชียบ

ถังหยินถาม “นายท่านหยูอยู่ที่ไหน ?”

“ในจวนของเขาเองขอรับ นายท่านดีใจมากที่เห็นว่าท่านนำกองทัพใหญ่มาที่นี่ ดังนั้นพวกเราจึงได้เตรียมการต้อนรับพวกท่านเอาไว้เรียบร้อยแล้ว”

“เยี่ยมเลย”

จวนของผู้ว่ามณฑลนั้นใหญ่กว่าของถังหยิน 3 เท่า ทั้งยังมีตึกมากมายข้างในราวกับว่าพวกเขากำลังเดินอยู่ในวังก็ไม่ปาน ซึ่งนี่ก็ยังไม่นับรวมไปถึงลวดลายและศิลปะทุกอย่างที่ได้รับการตกแต่งอย่างประณีต บ่งบอกถึงการใช้ชีวิตของหยูเฮอได้เป็นอย่างดี

ถังหยินได้รับอนุญาตให้เข้าไปข้างในได้ ยกเว้นแต่กองทหารของเขาทั้งหมดที่ต้องรออยู่ข้างนอก

ดังนั้นชายหนุ่มจึงหันไปส่งสายตาให้กับคนของเขา บอกเป็นนัย ๆ ว่าให้รออยู่ข้างนอกก่อน เมื่อสบโอกาสก็ค่อยพากำลังพลเข้ามาทีหลัง ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินเข้าไปพร้อมกับพี่น้องฉางกวงทั้งสาม

ห้องโถงตรงหน้าในขณะนี้นั้นได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา ซึ่งมันก็เห็นได้ชัดเลยว่ามันไม่ได้ถูกตกแต่งมาเพื่อต้อนรับถังหยินเพียงคนเดียว

ผู้ว่ามณฑลนั่งอยู่ตรงกลาง และมีขุนนางมากมายรายล้อมเขาอยู่

เมื่อเห็นถังหยินเดินเข้ามา หยูเฮอก็โค้งหัวให้ “พวกเรากำลังรอท่านแม่ทัพถังอยู่เลย”