บทที่ 155: ความฝันอันคลุมเครือ

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 155: ความฝันอันคลุมเครือ

เมื่อได้ยินคำพูดของชาร์ล็อต โรเอลก็หันมองไปทางเด็กสาวที่นั่งอยู่บนเตียงตามสัญชาตญาณ ด้วยท่าทางที่เธอซ่อนตัวอยู่หลังหมอนอย่างเขินอายทำให้เขารู้สึกร้อนผ่าวในทันที

การตระหนักรู้ในตนเองเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนควรมี แต่โรเอลรู้สึกว่าชาร์ล็อตนั้นทำตัวเคร่งขรึมเกินไป หากมีการตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องความลามกคิดไม่ดี โดยกะทันหันล่ะก็ เธอคงจะเข้าข่ายผู้ต้องหาจนโดนจับไปแล้วแน่ ๆ

การนั่งอย่างเหนียมอายอยู่บนเตียง แต่งตัวแบบนั้น พูดออกมาด้วยสีหน้าแบบนั้น… เธอกำลังยั่วฉันอยู่รึเปล่าเนี่ย?

โรเอลจ้องไปที่ชาร์ล็อตด้วยสายตาที่แปลกไป ซึ่งก็ทำให้เด็กสาวสังเกตเห็นข้อผิดพลาดในท่าทางการแสดงออกของตนเองในทันที จึงรีบแก้ตัวด้วยความตื่นตระหนก

“ที่ข้าบอกว่า พวกเรานอนกันก่อนเถอะ ข้าไม่ได้หมายความถึงอะไรแบบนั้นหรอกนะ…”

“ใช่ ฉันรู้ …ฉันรู้ ฉันจะไปนอนที่โซฟา เธอเองก็รีบนอนซะ”

โรเอลลุกขึ้นเตรียมที่จะเดินออกจากห้องนอน แต่จู่ ๆ เขาก็ถูกรั้งเอาไว้ ทันทีที่เด็กชายหันกลับมาเขาก็เห็นมือของสาวน้อยผมสีน้ำตาลแดงที่รั้งชายเสื้อของเขาเอาไว้อยู่

“บนโซฟาเจ้าจะนอนเต็มอิ่มได้อย่างไรเล่า? ต…เตียงนี้กว้างพอสำหรับสองคน มันไม่เป็นอะไรหรอก ตราบใดที่เรานอนอยู่คนละฝั่ง!”

ถ้อยคำเหล่านั้นถูกพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน ด้วยที่เด็กสาวไม่เคยเห็นใครนอนบนโซฟามาก่อน มันจึงเกินกว่าจินตนาการของชาร์ล็อตที่จะให้อีกฝ่ายไปนอนบนโซฟา นอกจากนี้โรเอลยังเป็นถึงผู้สืบทอดของตระกูลแอสคาร์ด และคู่หมั้นของเธอ ทำให้มันยิ่งไม่เหมาะสมสำหรับชาร์ล็อตที่จะปล่อยให้เขานอนบนที่แบบนั้น

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงเหตุผลเปลือกนอก เหตุผลแท้จริงที่ชาร์ล็อตเลือกรั้งเขาไว้ เป็นเพราะนี่คือคำสั่งจากใจของเธอ

มีสองเหตุผลที่ชาร์ล็อตมาที่นี่ในวันนี้

ประการแรก เธอต้องการให้รางวัลแก่การทำงานหนักของโรเอลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา​ และให้เวลาเขาได้พัก

ประการที่สอง ชาร์ล็อตต้องการปลดปล่อยตัวเองจากพันธนาการที่ผูกมัดตัวเองไว้ ความปรารถนาที่ความรักคอยคุกคามเธอตั้งแต่ยังเด็ก

มันไม่ง่ายอย่างที่คิดสำหรับชาร์ล็อตที่จะต้องเผชิญกับบาดแผลในใจของตัวเอง หัวใจของเด็กสาวยังคงเจ็บปวดจากการสูญเสียและความผิดหวังครั้งใหญ่ที่เธอเคยได้รู้สึก แม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเย็นยะเยือกแค่ไหน แต่ก็ไม่มีลูกคนใดที่จะสามารถตัดสายสัมพันธ์กับมารดาของตนเองได้ง่าย ๆ การแสดงความแข็งแกร่งของเธอออกมาให้โรเอลเห็น จึงถือเป็นวิธีระบายอารมณ์และปลดปล่อยตัวตนของชาร์ล็อต

ทว่าเหนือความคาดหมาย มันกลับกระตุ้นความรู้สึกขุ่นเคือง และความเห็นอกเห็นใจของโรเอล เมื่อเขาฟักไข่ผีเสื้อประกายแสงราตรีที่งดงามที่สุดออกมา และช่วยยืนยันในเส้นทางที่เธอเดินเพียงลำพังมาตลอดหลายปี ทำให้ชาร์ล็อตรู้สึกราวกับว่าบางสิ่งที่ถูกปิดตายเอาไว้เป็นเวลานานในส่วนลึกของหัวใจได้ระเบิดออกมาจนไม่อาจระงับได้

มันคือความรู้สึกโดดเดี่ยวที่ชาร์ล็อตพยายามเก็บซ่อนตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันเป็นจุดอ่อนของเด็กสาวที่เธอพยายามปกปิดด้วยความแข็งแกร่งต่อหน้าคนอื่น มันคือหน้าต่างอันหนาวเหน็บของฤดูหนาวและเงาอันเดียวดายของฤดูร้อน

ทันทีที่ผีเสื้อตัวนั้นสยายปีกสีทองที่ประดับด้วยเครื่องหมายดอกกุหลาบออกมา ชาร์ล็อตก็รู้สึกราวกับว่าเธอได้รับการปลดปล่อย เพียงชั่วพริบตาในตอนนั้น เธอรู้สึกเหมือนโรเอลเป็นญาติคนสำคัญของเธอ เหมือนพวกเขาเป็นสหายที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี

แม้เหตุและผลของชาร์ล็อตจะช่วยเตือนสติเธอให้กลับมาสู่ความเป็นจริง แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจของเธอนั้น มันได้ถูกตราตรึงในส่วนลึกที่สุดของหัวใจเธอไปแล้ว

หากเป็นเมื่อก่อน ชาร์ล็อตคงไม่มีวันยอมค้างคืนในห้องเดียวกับโรเอลอย่างเด็ดขาด แต่ตอนนี้ความคิดที่จะให้เขานอนบนโซฟากลับทำให้เธอเจ็บปวดหัวใจอย่างอธิบายไม่ถูก

ชาร์ล็อตกำลังสูญเสียการควบคุมอารมณ์ของตนเองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เด็กสาวไม่เคยรับมือกับความรู้สึกอันไม่คุ้นเคยเหล่านี้ ซึ่งโรเอลเองก็กำลังประสบปัญหาในการระงับความรู้สึกของเขาเช่นกัน

อาจเป็นเพราะชาร์ล็อตรู้ว่าตนเองกำลังจะมาพบแม่ของเธอที่นี่ ชาร์ล็อตจึงเลือกที่จะแต่งตัวอย่างเปิดเผย เหมือนกับการประท้วงเชิงสัญลักษณ์ของเธอต่อจักรวรรดิออสทีนที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมและค่านิยมอันเป็นพิษของพวกเขา แต่ไม่ว่าจะกรณีใด มันก็ทำให้เสน่ห์อันเย้ายวนของเธออันตรายยิ่งกว่าเดิม

เพื่อที่จะคว้าชายเสื้อของโรเอล ชาร์ล็อตเลยต้องขยับหมอนไปข้าง ๆ แล้วก้มตัวไปข้างหน้า ทำให้ร่างกายของเด็กสาวเกือบจะอยู่ในท่าหมอบคลานอยู่บนเตียง ดวงตาสีมรกตมองช้อนขึ้นไปที่เด็กชาย ดึงดูดเขาเข้าไปหาเธอ

ดูเหมือนว่าเราจะดื่มแอลกอฮอล์มากไปหน่อย

โรเอลรีบหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองอย่างรวดเร็ว

แม้โรเอลจะคิดว่าตนเองมีภูมิคุ้มกันต่อผู้หญิงสวย ๆ หลังจากที่ได้เห็นอลิเซียและนอร่าวันแล้ววันเล่าในช่วงสามปีที่ผ่านมา แต่เขากลับไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอกของชาร์ล็อตเท่านั้น​ดวงตาอันบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเธอที่ขัดแย้งกับรูปลักษณ์อันเฉียบแหลมและชาญฉลาดตามปกติ แต่ก็มีพลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นกัน

ที่สำคัญที่สุด​ คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดของชาร์ล็อตเองก็กำลังกระตุ้นความปรารถนาอันดำมืดของ โรเอลอย่างฉุนเฉียว

ตระกูลโซโรฟยาเป็นตระกูลขุนนางขนาดใหญ่ที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่พวกเขาเลือกที่จะรับเอาคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดหลักสามประการมาใช้ ทว่าผู้ที่สืบสายเลือดไฮเอลฟ์ในระดับที่สูงกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาร์ล็อต​ ที่ผ่าน ‘การฟื้นคืนสายเลือดบรรพกาล’ มาแล้วจะรับเอาคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดเฉพาะตัวของตระกูลโซโรฟยามาแทน

คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดแห่งความภักดี

คล้าย ๆ กับคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดอื่น ๆ ในทวีปเซีย คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดแห่งความภักดีของตระกูลโซโรฟยา เติบโตขึ้นจากการปรับการกระทำของคน ๆ หนึ่งให้สอดคล้องกับแก่นสารของคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิด อย่างไรก็ตามเนื่องจากตระกูลโซโรฟยาเป็นชนชั้นปกครอง แนวความคิดเรื่องความภักดีสำหรับพวกเขาส่วนใหญ่จึงนำไปใช้กับครอบครัวและศรัทธาของตัวเอง

ทว่าสำหรับผู้หญิงในตระกูลโซโรฟยา ความจงรักภักดีมีความหมายที่ต่างออกไปเมื่อแต่งงาน จุดมุ่งหมายจะเปลี่ยนจากตระกูลโซโรฟยาโดยรวมไปเป็นครอบครัวที่พวกเธอสร้างขึ้นพร้อมกับคู่สมรส กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ พวกเธอจะทุ่มเทให้กับสามี ไม่ยอมรามือแม้จะต้องตาย พวกเธอดื้อรั้นจนถึงที่สุด

เอกลักษณ์นี้ได้กลายเป็นที่มาของโศกนาฏกรรมสำหรับหญิงสาวหลายคนของตระกูลโซโรฟยา แม้ว่าจะมีขุนนางมากมายในทวีปเซีย แต่เมื่อหญิงสาวของตระกูลโซโรฟยาเลือกคู่สมรสผิด พวกเธอก็จะผูกชีวิตเอาไว้กับความทุกข์ทน

นี่เป็นสาเหตุที่ชาร์ล็อตกลัวการแต่งงานมาก มันถือเป็นเส้นทางที่ไม่มีทางหนีสำหรับเธอ

โรเอลพอจะเข้าใจได้ถึงเหตุผลของเธอ แต่ในทางตรงกันข้าม คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดนี้ก็ยังกระตุ้นความปรารถนาของผู้ชายที่อยากจะครอบครองหญิงสาวด้วย ถ้าผู้ชายคนไหนสามารถจับหญิงสาวจากตระกูลโซโรฟยา ผู้ไร้เดียงสาและไม่เคยมีประสบการณ์กับความรักมาก่อนได้ เขาก็จะได้รับความรักที่ไม่มีหมดสิ้น

ความภักดีโดยสมบูรณ์ คำพูดนี้มีเวทมนตร์บางอย่างที่ทำให้จิตใจของโรเอลร้อนรุ่ม ในโลกวัตถุนิยมของแวดวงขุนนางที่ซึ่งความมัวเมาเป็นเรื่องปกติ การมีคู่ครองที่มีคุณธรรม อุทิศตนให้กับสิ่งหนึ่งเท่านั้นเป็นดั่งความฝัน

ในช่วงเวลาวิกฤตินี้ โรเอลที่หน้าแดงก่ำด้วยความเขินได้รีดเร้นพลังเวทของเขาออกมาอย่างรวดเร็ว และร่ายคาถาเวทสองอย่างใส่ตัวเองด้วยการโบกมือ

【สัตว์เลือดเย็น

แก้ไขระบบความคิดให้เต็มไปด้วยเหตุผล ลดโอกาสในการตัดสินใจโดยประมาทอย่างมาก เป็นเวลาชั่วขณะ】

【ผิวแข็งตัว

ทำให้ร่างกายแข็งกระด้างราวกับหิน ผลข้างเคียงก็ชัดเจน สิ่งที่แข็งทื่อไม่สามารถขยับตัวได้】

คาถาแรกเพื่อลดความร้อนรุ่มในใจ อีกคาถาก็เพื่อบังคับร่างกายของเขา ด้วยผลกระทบของคาถาเวททั้งสอง ร่างกายของโรเอลจึงสั่นเล็กน้อย เขาก้มหน้ามองชาร์ล็อตอีกครั้ง จากนั้นก็เข้าประชิดตัวเธอในทันที

“ร…โรเอล?”

เขาคว้าหมอนจากมือของชาร์ล็อตวางมันให้เข้าที่ ก่อนจะอุ้มสาวน้อยตรงหน้าขึ้นมาด้วยท่าเจ้าหญิง วางเธอลงบนเตียงอย่างเหมาะสม ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมเธออย่างอบอุ่น การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วมากจนชาร์ล็อตต้องตกตะลึง

“โรเอล นี่เจ้า…”

“หลับซะ”

“ต…แต่เจ้า…”

“ฟังฉัน หลับไปซะ”

“…”

โรเอลลูบหัวชาร์ล็อตเบา ๆ ขณะที่เขาพูดคำนั้นออกมา เด็กชายอ่อนโยนมากเสียจนชาร์ล็อตพบว่าตัวเองยอมจำนนต่อเขาโดยง่าย เด็กสาวดึงผ้าห่มขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อซ่อนใบหน้าครึ่งล่างของเธอ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเธอก็พยักหน้ารับ

เมื่อเห็นว่าชาร์ล็อตเชื่อฟังเขา โรเอลก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาดับเทียนข้างเตียงก่อนจะเคลื่อนร่างกายอันแข็งทื่อออกจากห้องอย่างเชื่องช้า

หลังจากที่โรเอลปิดประตูที่อยู่ข้างหลังลง เด็กชายก็คลายผลของคาถาเวททั้งสองที่ร่ายไว้ออก เรียกได้ว่าเขานั้นไม่เคยรู้สึกเหนื่อยทั้งร่างกายและจิตใจขนาดนี้มาก่อนเลย

“ยัยนั่นเป็นผู้หญิงที่รับมือยากจริง ๆ”

โรเอลเกาหัวขณะที่พึมพำกับตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟานุ่ม ๆ ในห้องรับรองพลางนึกถึงสถานการณ์อันย้อนแย้ง

“การที่คู่รักที่ได้รับรางวัลห้องที่ดีที่สุดจากการฟักไข่ผีเสื้อประกายแสงราตรีที่สวยงามที่สุด แยกจากกันแบบนี้ เดาว่าพวกเราไม่เหมือนใครแน่ ๆ ”

โรเอลพึมพำกับตัวเอง

ระหว่างที่หวนนึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวัน ภาพเด็กสาวผมสีน้ำตาลแดงก็ผุดขึ้นมาในจิตใจของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สติของเขาค่อย ๆ จางหายไป ก่อนที่โรเอลจะรู้สึกตัว เขาก็ผล็อยเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว

นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้วที่โรเอลไม่ได้เข้ามาในโลกความฝัน

คราวนี้เด็กชายพบว่าตัวเองกำลังเดินทางไปในโลกที่มีเพียงแสงสลัว จุดเริ่มต้นของเขาคือที่ราบสูงที่เต็มไปด้วยแอ่งโคลน ราวกับว่าเพิ่งผ่านฝนตกหนักมา มีความเขียวขจีกระจัดกระจายอยู่ทั่วผืนดิน มีต้นไม้เก่าแก่ที่มีกิ่งก้านยาวมากจนโค้งลงกับพื้นราวกับหนวดลึกลับ

เช่นเดียวกับครั้งแรกที่โรเอลมาถึงโลกแห่งความฝัน สติของเขาคลุมเครือเป็นอย่างมาก เด็กชายไม่สามารถนึกคิดถึงหลักการหรือเหตุผลได้ ราวกับว่าเขาเป็นเพียงหุ่นเชิด หรือบางทีเขาอาจจะคุ้นเคยกับที่ดินผืนนี้โดยสัญชาตญาณก็ได้ ร่างกายของเขาจึงเริ่มเคลื่อนไหวไปข้างหน้าด้วยตัวของมันเอง

น่าแปลกที่การเคลื่อนไหวของโรเอลแม่นยำมาก ราวกับว่ามันถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้ล่วงหน้าอย่างระมัดระวัง เท้าของเขาไม่เคยจมลงไปในแอ่งโคลนเลยแม้แต่ครั้งเดียว

โรเอลเดินไปเรื่อย ๆ เหยียบใบหญ้าที่เพิ่งเติบโต เช่นเดียวกับลำต้นอันอ่อนนุ่มของต้นไม้ที่ถล่มลงมา เวลาดูเหมือนจะเป็นแนวคิดที่ไม่มีอยู่จริงในที่นี้ ความรู้สึกเกี่ยวกับระยะทางของเขาเองก็ค่อย ๆ จางลงไปเช่นกัน

บางครั้งโรเอลจะพบกับก้อนหินขนาดมหึมาสูงตระหง่านเหมือนเนินเขาเล็ก ๆ บนพื้นดิน ก้อนหินเหล่านี้กลายเป็นจุดสังเกตที่ทำให้เขารู้สึกถึงความก้าวหน้าบ้างเล็กน้อย อย่างไรก็ตามไม่ว่าเด็กชายจะเดินไปนานสักแค่ไหน ท้องฟ้าก็ยังคงมืดสลัว ไม่มีร่องรอยการไหลเวียนของเวลาเลยแม้แต่น้อย

เด็กหนุ่มยังคงเดินอย่างไร้สติต่อไปเป็นระยะเวลานานไม่รู้จบ จนในที่สุดเขาก็มาถึงส่วนลึกของหุบเขา ข้างใต้เงาของหน้าผา​ เด็กชายพบว่าตัวเองยืนอยู่เบื้องหน้าหญิงสาวผมทองที่นั่งอยู่บนบัลลังก์สีทองอร่าม

หญิงสาวผมทองค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เผยให้เห็นนัยน์ตาสีส้มคล้ายกับลูกแมว

เด็กชายรู้สึกราวกับว่าศีรษะของตนถูกจุ่มลงไปในทะเลน้ำแข็งในทันใด ทำให้สติของโรเอลหวนกลับมาหาอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าเขาก็ได้รับการควบคุมร่างกายกลับมาอีกครั้ง

“ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครสามารถมาหาข้าถึงที่นี่ได้”

เสียงอันเยือกเย็นของหญิงสาวดังก้องอยู่ภายในหูของโรเอล น้ำเสียงของเธอเรียบเฉย​ แทบจะไม่มีความผันผวนทางอารมณ์เลยไม่แต่น้อย แต่คำพูดของเธอแสดงให้เห็นถึงความประหลาดใจ ทว่าไม่นานมันก็ถูกแทนที่ด้วยความผิดหวัง

“เด็กอย่างนั้นเหรอ?”

มันเป็นเสียงพึมพำที่ฟังดูไม่ต่างอะไรไปจากการถอนหายใจ เธอจ้องไปที่โรเอลด้วยความโมโห ดูเหมือนว่ารูปลักษณ์อันไร้เดียงสาของโรเอล จะไม่ทำให้เธอรู้สึกมั่นใจมากเท่าไหร่ แต่มันก็ยิ่งทำให้หญิงสาวเปี่ยมไปด้วยความสงสัย

“เจ้าเป็นคนที่มีอายุน้อยที่สุดเท่าที่เคยเข้ามาหาข้า ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นอัจฉริยะที่น่าทึ่งมากเลยสินะ แต่อัจฉริยะที่เกิดขึ้นในช่วงพันปีที่ผ่านมานั้นมีจำนวนมากมายไม่ต่างไปจากดวงดาวบนท้องฟ้านั่นแหละ น่าเสียดายที่ส่วนมากพวกเขามักจะมีอายุสั้น”

“พยายามเอาตัวรอดให้ได้ล่ะ แค่นั้นน่าจะทำได้ใช่ไหม? อย่างน้อย ๆ ก็รอดไปให้ได้จนกว่าพวกเราจะได้พบกันอีกครั้ง”

หลังจากพูดประโยคนั้น หญิงสาวก็หลับตาลงอีกครั้ง ส่งผลให้โรเอลหลับสนิทลงไปด้วยเช่นกัน