บทที่ 46.2 ข้าจะดูแลพวกเจ้าทั้งหมดเอง (2)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

ขณะนี้เย่โหลวเองก็ตกตะลึงไปเช่นกัน อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์? เจ้าเด็กเหลือขอนั่นเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์จริงหรือ!? ไม่ว่าเขาจะทะนงตัวและหยิ่งผยองเพียงใด เขาก็รู้ดีว่าอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์มีความสำคัญมาก ใครจะไม่รู้ว่าพวกเขาหายากและมีความหมายกับขุมอำนาจหรือกลุ่มอิทธิพลขนาดใหญ่เพียงใด! ในบรรดานักศึกษาทั้งหมดของโรงเรียนชั้นนำในอาณาจักรเฟยหลี่ คงจะเป็นเรื่องยากที่จะหาอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์สักคน! นอกจากนี้โจวเหว่ยชิงยังเป็นอาจารย์คัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลาง!

แม้ว่าเย่โหลวจะไม่แข็งแกร่งมากนัก แต่เขาก็ยังมีความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์ เขารู้ว่าโจวเหว่ยชิงไม่ได้พูดเกินจริงไปสักนิด

ก่อนหน้านี้กระดาษศาสตรามณียุทธ์ไม่ได้ถูกวางไว้บนโต๊ะด้วยซ้ำ เขาวาดมันขึ้นมาโดยตรง ทั้งยังไม่ใช้แบบร่างเป็นตัวช่วย! นี่ไม่ใช่สิ่งที่แม้แต่อาจารย์คัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางธรรมดาก็สามารถทำได้!

หลังจากชะงักอยู่นาน ในที่สุดเขาก็สามารถหอบหายใจต่อได้ เย่โหลวฉวยโอกาสที่บรรดาเสียงร้อง “ข้าเต็มใจ” ดังขึ้นเซ็งแซ่แอบย่องหนีไป เย่โหลวรู้ว่าวันนี้เขาเพิ่งจะก่อเรื่องใหญ่มาก…และเมื่อเขากลับไป เขาจะต้องเจอเรื่องวุ่นวายขนานใหญ่แน่ๆ แต่ถึงกระนั้นเขาก็รู้ดีว่าตนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นกับพี่ใหญ่ของเขาฟังโดยเร็วที่   สุด…ถ้าไม่อย่างนั้นเรื่องทุกอย่างอาจจะเลวร้ายไปมากกว่านี้!

“แปะๆๆ…” เสียงปรบมือดังขึ้น โจวเหว่ยชิงหันกลับไปดูก็เห็นว่าเป็นกลุ่มอาจารย์ชุดดำที่เย่โหลวเป็นผู้นำมา คนที่ปรบมือคืออาจารย์คนหนึ่งที่มีอายุประมาณ 50 ปี เขาน่าจะเป็นผู้นำกลุ่มอาจารย์ และในสายตาของเขายังแสดงออกถึงความชื่นชมอย่างไม่ปิดบัง

“เด็กน้อย เจ้าชื่ออะไร?” อาจารย์คนนั้นยิ้มน้อยๆ ขณะถาม แต่แม้ว่าเขาจะมีใบหน้ายิ้มแย้ม โจวเหว่ยชิงก็ยังสัมผัสได้ถึงรัศมีความกดดันที่น่าขนลุกจากตัวเขา ด้วยประสาทสัมผัสที่เฉียบแหลมของโจวเหว่ยชิง เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าชายที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้มีพลังเหนือกว่าเขา

“คำนับท่านอาจารย์ ข้าชื่อโจวเหว่ยชิง” โจวเหว่ยชิงกล่าวอย่างสุภาพ ท่าทางหึกเหิมเร่าร้อนที่เขามีอยู่เมื่อครู่หายวับไปหันที เขากลายเป็นเด็กหนุ่มที่ดูไร้เดียงสาและซื่อสัตย์ คนอื่นๆ ได้แต่มองหน้ากัน คนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาดูเหมือนจะแตกต่างจากเพื่อนผู้หยิ่งผยองคนนั้น คนที่สามารถกำราบติงเฉินด้วยลูกเตะเมื่อก่อนหน้านี้ เพื่อนคนนี้เปลี่ยนสีหน้าเร็วยิ่งกว่าพลิกหนังสือจริงๆ!

โจวเหว่ยชิงฉลาดมาก เขารู้ว่าต้องทำอะไรและพูดอะไรต่อหน้าบุคคลแต่ละคน  ถ้าเขาพยายามต่อต้านอาจารย์ในโรงเรียนโดยไม่มีเหตุผล นั่นก็ถือว่าเขาเป็นคนโง่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาไม่มีพลังและความแข็งแกร่งพอที่จะทำเช่นนั้นได้…แม้ว่าเขาจะสามารถทำเช่นนั้นได้ เขาก็ยังคงต้องเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ต่อไปอีกนาน เพื่อความสงบสุขของซ่างกวนปิงเอ๋อร์และตัวเขาเอง เขาไม่สามารถทำให้อาจารย์เหล่านี้ขุ่นเคืองได้ การทุบตีนักเรียนคนอื่นนั่นก็ยังคงถือว่าเป็นเรื่องระหว่างนักเรียนด้วยกัน แต่ถ้าหากเขาแสดงความหยิ่งผยองต่อหน้าอาจารย์…นั่นก็จะกลายเป็นอีกเรื่องโดยสิ้นเชิง…ไม่ว่าความสามารถของเขาจะยิ่งใหญ่แค่ไหน โรงเรียนก็คงทนความเอาแต่ใจของเขาไม่ได้

อาจารย์ที่มีอายุ 50 ปีผู้นั้นยิ้มและเอ่ยว่า “ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่านักเรียนใหม่ของปีนี้จะมีความสามารถมากมายขนาดนี้…และยิ่งไปกว่านั้น…อาจารย์คัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลาง…ดี…ดีมาก…แต่ว่า…”

ในขณะที่เขาพูดคำว่า ‘แต่ว่า’ ทันใดนั้นเขาก็เห็นสีหน้าของโจวเหว่ยชิงเปลี่ยนไป…เป็นสีหน้าเศร้าโศกและอดทนอดกลั้น เขาพลันคร่ำครวญด้วยเสียงสะอื้น “อาจารย์…ท่านมาพอดีเลย! ข้ากำลังจะตามหาอาจารย์เพื่อรายงานเรื่องไม่เป็นธรรมของข้า…ท่านต้องให้ความยุติธรรมสำหรับพวกเรานักเรียนปี 1 ผู้อ่อนแอด้วยนะขอรับ! ในฐานะเด็กใหม่ ทั้งๆ ที่พวกเราเพิ่งจะเข้ามาในโรงเรียนแห่งนี้…แต่เราก็ถูกพวกรุ่นพี่รังแกเอาเสียแล้ว ก่อนหน้านี้มีพวกรุ่นพี่มาล้อมข้าไว้แล้วก็ยังจู่โจมข้าอีก นอกจากนี้ยังมีรุ่นพี่ชนชั้นสูงพวกนั้น…เขาบอกว่าถ้าข้าไม่ยอมจำนนให้พวกเขา…ข้าจะไม่สามารถอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ต่อไปได้…พวกเขาให้ข้าคุกเข่าขอร้องจนกว่าพวกเขาจะพอใจ ข้าพยายามปกป้องตัวเองทว่ากลับบังเอิญไปโดนรุ่นพี่หลายคนที่อยู่รอบๆ ตัวข้า…เฮ้อ…นั่นเป็นความผิดของข้าจริงๆ อย่างไรก็ตาม…ถ้า…ถ้าข้าไม่ลงมือทำ…บางทีตอนนี้ข้าอาจจะเป็นคนที่นอนกึ่งตายอยู่บนพื้นนั่นก็เป็นได้ อาจารย์ ข้าแค่อยากเรียนในโรงเรียนแห่งนี้อย่างสงบสุข ตั้งใจศึกษาและเรียนรู้ในสิ่งที่ทำได้…เพื่ออุทิศตนใช้ความสามารถที่มีเพียงน้อยนิดให้เป็นเกียรติแก่โรงเรียน…โรงเรียนของพวกเรายังอยู่ภายใต้อำนาจของอาจารย์ใช่หรือไม่…? ท่านต้องปกป้องพวกเราเหล่านักเรียนสามัญชนที่อ่อนแอ! ไม่เช่นนั้น ในอนาคตจะมีสามัญชนคนไหนที่อยากเข้าร่วมโรงเรียนทหารขององค์จักรพรรดิอีก?”

ขณะที่โจวเหว่ยชิงพูดเช่นนั้น เขาก็ร้องไห้ออกมาพร้อมกับน้ำตาไหลพรากๆ…แน่นอนว่าไม่มีใครบอกได้ว่าเขากำลังร้องไห้จริงๆ หรือไม่เพราะเขาเอาแต่เช็ดดวงตาด้วยแขนเสื้อ…

ประโยชน์ของคนสองหน้าคืออะไร? เพื่อใช้กลับขาวเป็นดี? โจวเหว่ยชิงกำลังแสดงทักษะการเล่นละครที่น่าทึ่งต่อหน้านักเรียนคนอื่นๆ

มีนักเรียนอย่างน้อยกว่าร้อยคนได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถจับคู่โจวเหว่ยชิงที่พวกเขาเห็นทั้ง 2 แบบได้ คนที่เป็นทั้งเพื่อนผู้เหี้ยมโหดและหยิ่งผยอง กับลูกแกะตัวน้อยที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าวว่าตนเป็น        ‘เพียงสามัญชนที่อ่อนแอ’ การจะเปลี่ยนสีหน้าและท่าทางการพูดจาแบบนั้นต่อหน้าพยานจำนวนมากเช่นนี้  นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้แล้ว! คนๆ นั้นต้องมีผิวหนังที่หนามากอย่างไม่น่าเชื่อ!

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์หน้าแดงเถือกและก้มหน้าลงด้วยความอับอาย เธอไม่สามารถมองไปที่โจวเหว่ยชิงได้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเป็นคนจิตใจดี เธออาจจะกระโดดขึ้นป่าวประกาศแล้วว่าเธอไม่รู้จักเพื่อนคนนี้!

นักเรียนที่อยู่รอบข้างต่างตกตะลึง หัวใจของพวกเขาดังก้องด้วยประโยคเดียวกัน อะไรนะ? แบบนี้ก็ได้เหรอ?!

อนิจจา สิ่งที่นักเรียนเหล่านี้รู้…อาจารย์อาจไม่ได้รู้ด้วยเสมอไป สิ่งที่พวกอาจารย์เห็นก็คือโจวเหว่ยชิงได้สร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ และตะโกนบอกนักเรียนสามัญชนคนอื่นๆ ว่าเขาจะดูแลทุกคนโดยไม่จำเป็นต้องชดใช้คืน อีกทั้งยังบอกว่าจะไม่ให้คนอื่นมารังแกเพื่อนร่วมห้องได้ ความจริงแล้วอาจารย์สามัญชนหลายคนมีต้นกำเนิดจากครอบครัวธรรมดาเหมือนกัน มีเพียงอาจารย์ชนชั้นสูงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีชาติกำเนิดสูงส่ง ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการแสดงความสามารถอันน่าทึ่งของโจวเหว่ยชิงในการสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ เมื่อรวมถึงชื่อเสียงที่ไม่ดีของเย่โหลวก่อนหน้านี้…อาจารย์ส่วนใหญ่จึงเชื่อคำพูดของโจวเหว่ยชิงเกือบทั้งหมด

การร้องไห้ปฏิเสธด้วยเสียงสะอื้นของโจวเหว่ยชิงนั้นเป็นแผนที่คิดไตร่ตรองมาอย่างดีแล้ว คำพูดของเขามีวาทศิลป์อย่างมาก ไม่เพียงแต่สามารถปรักรำ ‘ความโหดร้าย’ ของรุ่นพี่หลายๆ คนที่อยู่รอบตัวเขาได้แล้ว เขายังสามารถยอมรับข้อผิดพลาดของตัวเองด้วยท่าทางใสซื่อบริสุทธิ์และกล่าวขอโทษอย่างจริงใจ โดยปกติเมื่ออาจารย์สอนนักเรียน พวกเขามักจะพูดว่า…การทำผิดไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรู้ความผิดพลาดของตนเองและเรียนรู้จากมัน

การยอมรับผิดเป็นก้าวแรกของการเรียนรู้ และด้วยท่าทางของโจวเหว่ยชิงตอนนี้…ใครจะปฎิเสธได้ว่าเขาไม่ได้เป็นเช่นนั้น? ในสายตาของอาจารย์ทั้งหลาย เขามีความชอบธรรมในการป้องกันตัวอย่างเต็มที่ อีกทั้งตอนนี้เขายังขอให้เหล่าอาจารย์ปกป้องเขาที่อยู่ในฐานะฝ่ายที่อ่อนแอกว่าอย่างใสซื่อบริสุทธิ์

ที่สำคัญที่สุดคือสิ่งที่โจวเหว่ยชิงพูดนั้นเป็นความจริงทั้งหมด แท้จริงแล้วคือเย่โหลวที่เริ่มก่อนและสั่งให้พวกรุ่นพี่รังแกเขา หากไม่ใช่เพราะพลังของเขาเหนือกว่าพวกนั้น ผู้ที่จะถูกทุบตีก็คงเป็นโจวเหว่ยชิงเอง…ดังนั้นข้อได้เปรียบของเขาคือไม่มีใครสามารถสามารถทักท้วงคำพูดของเขาได้ เห็นได้ชัดว่าการศึกษาเล่าเรียนกับมู่เอินเป็นเวลาหลายปีนั้นไม่ได้เปล่าประโยชน์ เมื่อเทียบกับสองปีก่อน ตอนนี้ อ้วนน้อยโจวโตขึ้นมากแล้ว…จากคำพูดของมู่เอิน…เด็กน้อยคนนี้เติบโตจากพวกขี้โกงธรรมดาๆ กลายเป็นคนเหลี่ยมจัดระดับสูง!

เมื่อได้ยินคำพูดของโจวเหว่ยชิง ใบหน้าของอาจารย์อายุ 50 ปีก็มืดลง…สายตาของเขากวาดไปยังนักเรียนโดยรอบ…โดยเฉพาะกลุ่มรุ่นพี่ที่ยืนอยู่หลังติงเฉิน

“ดูเหมือนว่าปัญหาจะร้ายแรงมาก! นี่คือสิ่งที่นักเรียนชนชั้นสูงกำลังทำอยู่หรือ? กลั่นแกล้งนักเรียนสามัญชนถึงขนาดนี้? แม้แต่น้องใหม่ พวกเจ้าก็ยังไม่เว้น? ทุกคนยังมีความละอายในฐานะรุ่นพี่อยู่หรือไม่? พวกเจ้ากลับไปที่ห้องเพื่อไตร่ตรองถึงการกระทำของตัวเอง แต่ละคนจะต้องเขียนรายงานการสำนึกผิดของตัวเองมาให้ข้า หลังจากนั้นก็ไปยืนที่สนามหลักเพื่อเป็นการลงโทษ…หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า…พวกเจ้าก็ห้ามใครออกไปก่อน”

รุ่นพี่สามัญชนคนอื่นๆ รู้สึกเสียใจและรู้สึกผิดในใจ! อนิจจา พวกเขาไม่กล้าที่จะตำหนิอาจารย์และรีบแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว

อาจารย์พูดต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “จะปล่อยให้สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อไปไม่ได้…ดูเหมือนว่าโรงเรียนของเราจะต้องผ่านการเคาะสนิมเล็กน้อย มิฉะนั้นในอนาคตจะไม่มีผู้มีความสามารถที่แท้จริงมาเรียนที่โรงเรียนของเราแน่ ทุกคนกลับไปที่ที่นั่งของเจ้าได้แล้ว โรงเรียนจะจัดการกับเหตุการณ์นี้เองหลังพิธีเปิด”

ท่าทางดุดันของอาจารย์ผู้นี้สร้างความหวาดกลัวให้กับนักเรียนทุกคนโดยเฉพาะพวกรุ่นพี่ที่คุ้นเคยกับเขา ทุกคนจึงรีบกลับไปที่นั่งของตนโดยไม่ส่งเสียงใดๆ

โจวเหว่ยชิงก็เตรียมที่จะกลับไปที่ที่นั่งของเขาเช่นกัน แต่ทว่าเขากลับถูกอาจารย์คนนั้นเรียกไว้ก่อน ตรงกันข้ามกับท่าทางที่ดุร้ายและจริงจังที่เขาเคยมีก่อนหน้านี้ อาจารย์ที่มีกลิ่นอายน่าเกรงขามผู้นั้นกลับมีรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า เขาก้าวเข้ามาไม่กี่ก้าว จากนั้นก็ตบไหล่โจวเหว่ยชิงพลางพูดว่า “เป็นผู้ชายต้องกล้าหาญ! เจ้าไม่ควรซึมเศร้าเพราะพ่ายแพ้ให้กับความอยุติธรรมใดๆ และควรกลับมาเผชิญหน้ากับมันอย่างเข้มแข็ง ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะจัดการสิ่งที่เกิดขึ้นเอง…นี่คือโรงเรียนทหารของราชวงศ์เฟยหลี่ ไม่ใช่สวนหลังบ้านของใครบางคน ดังนั้นโรงเรียนจะรับรองความปลอดภัยให้กับนักเรียนทุกคนแน่นอน อย่างไรก็ตาม กฏไม่อนุญาตให้นักเรียนต่อสู้กันในโรงเรียน ดังนั้นเจ้ายังคงต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลของนักเรียนที่เจ้าทำให้เขาบาดเจ็บโดยไม่ตั้งใจด้วย”

เมื่อได้ยินคำพูดของอาจารย์ผู้นี้…นักเรียนรอบข้างก็แทบจะสำลักน้ำลายตนเอง “อะไรนะ? เศร้าสร้อย? พ่ายแพ้? กลับมาต่อสู้อย่างเข้มแข็ง?? เพื่อนผู้โหดเหี้ยมคนนี้ คนที่เกือบจะเตะจ้าวมณีสวรรค์ระดับปฐมขั้นสูงสุดตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว…ถ้าเขากลับมาต่อสู้อีกครั้ง กลุ่มคนที่เหลือพวกนั้นจะยังอยู่ได้อีกหรือ?? นอกจากนี้…นี่กลายเป็นอาการบาดเจ็บโดยบังเอิญได้อย่างไร? นั่นคือการโจมตีที่โหดเหี้ยมอำมหิตชัดๆ! อาจารย์ถึงกับคิดว่าแค่จ่ายค่ารักษาพยาบาลก็เป็นการลงโทษเขาได้อย่างเหมาะสมแล้ว? เรื่องนี้กลับกลายเป็นว่าโจวเหว่ยชิงผู้ไร้ยางอายนั้นคือคนที่ต้องทนทุกข์กับความอยุติธรรม? ทันใดนั้นนักเรียนที่อยู่รอบๆ ทุกคนต่างก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วน

โจวเหว่ยชิงไม่สนใจพวกเขา ในขณะนี้ใบหน้าของเขายังคงเต็มไปด้วยความซาบซึ้งจนน้ำตาไหล…“ ขอบคุณท่านอาจารย์มากขอรับ ท่านมีเมตตาและยุติธรรมจริงๆ แน่นอนว่าข้าย่อมต้องแบกรับสิ่งที่ข้าควรรับผิดชอบ รุ่นพี่ติงเฉินก็ไม่ได้เป็นฝ่ายผิดเพราะเขาแค่ฟังคำสั่งจากคนอื่น ข้าจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่าทำขวัญให้เขาแน่นอน อาจารย์ ข้าขอทราบชื่อท่านได้ไหม?…การที่ข้ามาโรงเรียนแห่งนี้และพบกับท่านในวันนี้…ข้ารู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนแห่งนี้จริงๆ…ราวกับที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของบ้านข้า”

เมื่ออาจารย์ได้ยินคำพูดของโจวเหว่ยชิง รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็กว้างขึ้น…เขาพยักหน้าให้โจวเหว่ยชิงและกล่าวว่า “ข้าชื่อเสี่ยวฉือ เป็นหัวหน้าอาจารย์หรือคณบดีของที่นี่ ในอนาคตหากเจ้าพบกับความอยุติธรรมเช่นนี้อีก เจ้าก็สามารถมาหาข้าได้ ห้องทำงานของข้าอยู่ที่ชั้น 3 ของอาคารเรียนหลักปีกตะวันตก”

“ขอบคุณท่านอาจารย์เซียว เป็นเรื่องดีจริงๆ ที่มีอาจารย์ที่ยุติธรรมเช่นท่านในโรงเรียนแห่งนี้ อย่างน้อยข้าก็จะมั่นใจและสามารถมีสมาธิกับการเรียนได้ ในอนาคตข้าจะพยายามสร้างเกียรติประวัติให้กับโรงเรียนและกลายเป็นนักเรียนดีเด่นให้ได้อย่างแน่นอน”

เสี่ยวฉือหัวเราะเต็มเสียงและพูดว่า “เอาล่ะ เจ้าควรกลับไปที่นั่งของเจ้าเช่นกัน พิธีเปิดกำลังจะเริ่มแล้ว” โจวเหว่ยชิงไม่ได้ประจบประแจงเขาทันที แต่คำพูดแต่ละคำของเขากลับแฝงคำชมไว้…เป็นนักเรียนที่โดดเด่น….อีกทั้งยังเก่งและขยันขันแข็ง…เช่นนี้อาจารย์คนไหนบ้างจะไม่ชอบเขา!

………………………………