ตอนที่ 167 คนที่ถูกขัง

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

หลุมยักษ์ด้านหน้านี้มีความลึกมากเกินไป มองลงไปไม่เห็นก้นหลุม แม้ยันต์ตัวเบาอาจช่วยให้พวกเขาไปถึงก้นหลุมได้ หยวนเจียงไม่มีวิธี ทำได้เพียงหยิบอาวุธวิเศษออกมา พร้อมท่องคาถา ทันใดนั้นอาวุธวิเศษกลายเป็นอาวุธขนาดใหญ่ลอยอยู่ตรงหน้า

“ทุกคนขึ้นมาเถอะ ข้าจะพาลงไป” หยวนเจียงพูด

ทุกคนไม่ได้รีรอ เดินขึ้นไปทันที ก่อนจะลอยลงไปตามตำแหน่งที่เยี่ยยวนชี้ เมื่อพวกเขาลงไปถึงบริเวณราวสามร้อยจั้งนั้น พบว่ามีพลังวิญญาณเข้มข้นลอยออกมาจาก…กองหินตรงหน้า อีกทั้งยังมีกลิ่นอายวิญญาณเจือปนอยู่ วิญญาณตัวเดียวภายในเมืองเหมือนจะถูก…ทับไว้

-_-|||

ทุกคนมองไปทางอวิ๋นเจี่ยว ทำอย่างไรดี

อวิ๋นเจี่ยวปากกระตุกเล็กน้อย ทำอย่างไรได้ขุดสิ! โทษอาจารย์ปู่ได้เหรอ?

“ชายแก่ ท่านพกยันต์ทลายดินมาใช่ไหม” นางนวดขมับเบาๆ ด้วยความปวดหัว

“อืม” ไป๋อวี้มองกองหินด้านหน้าอย่างนิ่งอึ้ง ก่อนจะพยักหน้า “มี…มีสองสามใบ”

อวิ๋นเจี่ยวถึงได้ถอนหายใจ พร้อมจัดแจงขึ้น “ท่านแจกให้คนละใบ จากนั้นไปจัดการกองหินตรงนั้น อาจารย์อาหยวนช่วยดูหินบริเวณรอบด้านไม่ให้กลิ้งตกลงมา ข้าจะวางข่ายพลังคุ้มกันป้องกันหินตกหล่น ส่วนอาจารย์ปู่…” นางชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมองคนที่ทำหน้าเรียบเฉย จากนั้นหยิบถุงขนมออกไปให้ “อาจารย์ปู่เหนื่อยแล้ว พักผ่อนก่อนแล้วกัน”

ทันทีที่พูดจบ ชายแก่และหยวนเจียงต่างสูดลมหายใจเข้า มองไปยังคนบางคนด้วยใจเต้นตุบตับ

เยี่ยยวนกลับผงะไป จากนั้น…รับขนมมาอย่างไม่ลังเล “ได้!”

ไป๋อวี้ “…”

หยวนเจียง “…”

อาจารย์ปู่ (อาจารย์) ตัวปลอม!

○| ̄|_

เมื่อไม่มีเยี่ยยวน ผู้เปรียบเสมือนอาวุธสังหารร้ายแรงแล้ว ทั้งสามคนเก็บกวาดได้อย่างรวดเร็ว ไม่ถึงหนึ่งเค่อ ข่ายพลังคุ้มกันก็สว่างขึ้น บริเวณตรงกลางของกองหินเพียงหนึ่งเดียวที่มีกลิ่นอายของวิญญาณนั้นปรากฏแสงของข่ายพลังสีขาว ก่อนจะกลายเป็นครึ่งวงกลม ดันเอาหินบริเวณรอบด้านออกไป กลายเป็นพื้นที่ราบเรียบกว้างราวห้าหกเมตร ทันใดนั้นก้นหลุมสว่างขึ้นไม่น้อย

ทุกคนมองเห็นวิญญาณที่ถูกฝังอยู่ในนั้น ไม่ใช่เถิงสี แต่เป็นชายหนุ่มอายุราวสามสี่สิบปี ท่าทางเหมือนสลบไป สภาพของอีกฝ่ายอนาถอย่างมาก บนตัวนอกจากเศษดินแล้ว ยังเต็มไปด้วยบาดแผลลึกมากมาย เสื้อผ้าของเขากระจัดกระจาย มือเท้าหักไปด้านหลังด้วยท่าทางแปลกประหลาด เขานั่งคุกเข่าลงกับพื้น รอบตัวมีโซ่สีแดงมัดเอาไว้

เมื่อพินิจดูถึงได้พบว่านั่นไม่ใช่โซ่ แต่เป็นยันต์ที่ประกอบขึ้นจากคำสาป ราวกับสลักไว้บนตัวของอีกฝ่าย

“โซ่กลืนกินวิญญาณ!” หยวนเจียงอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว

อวิ๋นเจี่ยวและชายแก่เดินตามเข้าไป มองดูชายคนนั้น พบว่าอีกฝ่ายไม่เหมือนกับวิญญาณธรรมดาที่เป็นร่างโปร่งใส แต่เขากลับมีร่างจริง

“ร่างสามหยิน?!” อวิ๋นเจี่ยวผงะไปเล็กน้อย “เขาคือยมราชเมืองซิวหลิง!”

หยวนเจียงและไป๋อวี้ก็ตกตะลึง ผู้ที่สามารถฝึกฝนจนได้ร่างสามหยิน พลังคงจะอยู่ในระดับสูง หากในเมืองผีก็คงจะมีแต่ยมราช เพียงแต่ยมราชของเมืองทำไมถึงถูกขังไว้ที่นี่ อีกทั้งท่าทางอ่อนแอของเขา คงจะไม่ใช่แค่วันสองวันแล้ว

“อาจารย์อาหยวน ท่านสามารถใช้พลังเทพบีบโซ่กลืนกินวิญญาณบนตัวเขาออกมาได้ไหม” อวิ๋นเจี่ยวถาม โซ่กลืนกินวิญญาณเป็นคำสาปชั้นสูงที่ใช้พลังวิญญาณประกอบขึ้น ใช้พลังเทพบีบออกจะดีที่สุด

“ข้าลองดู!” หยวนเจียงพยักหน้า เอื้อมมือไปแตะบนหน้าผากของอีกฝ่าย จากนั้นใช้พลังเทพแก้คำสาป เห็นเพียงแต่ฝ่ามือของเขาประกายแสงสีขาวออกมา ก่อนที่คำสาปสีแดงบนตัวของยมราชซิวหลิงจะเริ่มถดถอยไป

เพียงแต่ถดถอยไปค่อนข้างช้า เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยาม คำสาปสีแดงนั้นถอยออกจากมือขวาของอีกฝ่ายเท่านั้น อวิ๋นเจี่ยวขมวดคิ้วแน่น ตรวจดูอาการบาดเจ็บของอีกฝ่าย จากนั้นดึงเข็มเงินออกมาลงมือวางข่ายพลัง

นาทีถัดมา พลังเทพที่ผลักดันอย่างเชื่องช้าของหยวนเจียงราวกับถูกน้ำหลาก ไหลเข้าสู่ร่างกายของอีกฝ่ายอย่างไร้สิ่งกีดขวาง คำสาปสีแดงเหล่านั้นก็ถดถอยไปจนหมดสิ้น ไม่ถึงชั่วครู่ร่างของยมราชซิวหลิงล้มลงบนพื้นทันที

“ออกแล้ว!” หยวนเจียงโล่งอก ก่อนจะเหลือบมองคนบนพื้น คิ้วของเขาขมวดมุ่น ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสงสัย “โซ่กลืนกินวิญญาณสามารถรั้งแค่ร่างของเขา ทำไมเขาถึงไม่ถอดวิญญาณออกจากร่างแล้วหนีไป” แม้แต่หานซูเองก็ยังละทิ้งร่างสามหยิน ถึงได้เหลือเสี้ยววิญญาณเอาไว้

“เพราะว่าอันนี้!” อวิ๋นเจี่ยวชี้ไปยังด้านหลังของอีกฝ่าย

หยวนเจียงผงะ มองตามทิศทางที่นางชี้ เมื่อครู่มือของทั้งสองข้างของอีกฝ่ายพับอยู่ด้านหลังทำให้มองไม่เห็น แต่ตอนนี้เขาพบว่า ตำแหน่งบริเวณด้านหลังของหัวใจนั้นมีตะปูสีขาวเล่มหนึ่งตอกอยู่ อีกทั้งตะปูนั้นยังประกายแสงสีเงินจางๆ มันทะลุเข้าร่างกายไปจนถึงจุดตันเถียนของอีกฝ่าย “ตะปูสลายวิญญาณ!”

เขาอุทานออกมา สีหน้ายิ่งดำทะมึน มิน่าวิญญาณของเขาถึงได้อยู่ในร่าง ไม่ใช่เขาไม่อยากออกมา แต่เพราะถูกตอกไว้ในร่างด้วยตะปูสลายวิญญาณ ตะปูสลายวิญญาณและโซ่กลืนกินวิญญาณแตกต่างกัน มันคืออาวุธ! อาวุธสำหรับควบคุมวิญญาณโดยเฉพาะ

โซ่กลืนกินวิญญาณและตะปูสลายวิญญาณ คนที่กักขังยมราชซิวหลิงคือใครกันแน่

“ศิษย์หลาน สิ่งนี้สามารถเอาออกมาได้หรือไม่” หยวนเจียงถาม ตะปูสลายวิญญาณอยู่ในร่างกายอีกฝ่ายนานมากเท่าไหร่ วิญญาณของอีกฝ่ายจะสลายไปมากเท่านั้น ที่ยมราชสลบก็เป็นเพราะเหตุนี้

“ยุ่งยากเล็กน้อย” อวิ๋นเจี่ยวครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้น “ข้าจะใช้เข็มเงินควบคุมผลกระทบของตะปูสลายวิญญาณต่อร่างวิญญาณของเขา จากนั้นคงต้องใช้เวลาเอาออกมา”

พูดจบนางหยิบเข็มเงินขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะลงเข็มอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงครึ่งเค่อก็ตัดขาดความเชื่อมโยงระหว่างตะปูสลายวิญญาณและร่างวิญญาณ แสงสีขาวบนตะปูเงินก็ดับลงไป คนที่อยู่บนพื้นฟื้นขึ้นมา

“ฟื้นแล้ว” อวิ๋นเจี่ยวเก็บเข็ม

คนบนพื้นเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ “เจ้า…พวกเจ้าคือ? ทำไมข้า…” เขายังคงฉงนอยู่ ในดวงตาเต็มไปด้วยความขุ่นมัว ราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ ดวงตาของเขาเบิกกว้างทันที “มันอยู่ไหน? อยู่ไหน! รีบรั้งเขาไว้ เขาไม่…”

เขาทำท่าจะลุกขึ้นยืน แต่แขนขาของเขายังไม่หายดี เพิ่งลุกขึ้นก็ล้มลงไป หัวฟาดพื้นเสียงดัง หยวนเจียงรีบรั้งคนเอาไว้ “ท่านยมราชซิวหลิง! ท่านบาดเจ็บหนักมาก ตอนนี้อย่าเพิ่งขยับ”

“พวกเจ้าคือใคร?” เขาผงะไป ก่อนจะกวาดตามองทุกคน จากนั้นสายตาจับจ้องไปยังหยวนเจียง “ท่านเป็นคนของสวรรค์!”

“ข้าคือหยวนเจียง” หยวนเจียงกำลังคิดจะแนะนำทีละคน เขาแนะนำอวิ๋นเจี่ยวและไป๋อวี้ โดยข้ามอาจารย์ของตนไป “สองท่านนี้คือศิษย์หลานข้า”

ยมราชมองหยวนเจียงด้วยความตกตะลึง “ท่าน…ท่านคือท่านเทพหยวนเจียง!” ชื่อเสียงของผู้อารักขาทั้งห้าของสวรรค์ เขาในฐานะที่เป็นยมราชก็เคยได้ยินมาบ้าง

หยวนเจียงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะถามต่อ “เหตุใดท่านยมราชซิวหลิงถึงถูกขังไว้ที่นี่ เมืองหลวงนี้ทำไมถึงกลายเป็นเช่นนี้ได้”

“เมืองหลวง!” ยมราชตะลึง “เมืองหลวงเป็นอย่างไร”

“เมืองหลวงของซิวหลิงในตอนนี้กลายเป็นเมืองร้าง นอกจากท่านแล้วไม่มีวิญญาณอื่น!”

“อะไรนะ!” เขาตกตะลึงอย่างมาก คิดจะลุกขึ้น แต่ก็ล้มลงไปอีกครั้ง พร้อมทั้งหัวโขกไปหาทางอวิ๋นเจี่ยว

ทุกคน “…”

ไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้จริงๆ !