บทที่ 259 ยามว่างชมบุปผา แม้แต่ลมยังมึนเมากับความงามของดอกไม้ไปกับผม / บทที่ 260 ผู้ชายมีเงินแล้วจะเลว โดย Ink Stone_Romance
บทที่ 259 ยามว่างชมบุปผา แม้แต่ลมยังมึนเมากับความงามของดอกไม้ไปกับผม
เหล่าผู้บริหารระดับสูงนิ่งอึ้ง
เลขาสาวนิ่งเงียบ
ในความเงียบสงัด เหมือนว่าจะมีลมหนาวยะเยือกวูบหนึ่งพัดผ่าน…
เมื่อกี้…BOSS ของพวกเขา…ถูกผู้ชายจีบอย่างนั้นเหรอ?
สวี่อี้ที่อยู่ข้างกายซือเยี่ยหานมองเยี่ยหวันหวั่นในคราบชายหนุ่มตรงหน้า แทบจะกระอักเลือดออกมา
แม้ว่าเขารู้นานแล้วว่าเยี่ยหวันหวั่นแต่งตัวเป็นผู้ชาย แต่อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะทำได้ถึงขนาดนี้
ทั้งๆ ที่ยังเป็นใบหน้างามสุดยอดนั้น ก็แค่เปลี่ยนสไตล์การแต่งหน้า ทรงผมรวมถึงเสื้อผ้า แต่ความรู้สึกที่ให้กลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งยังไม่มีความไม่เข้ากันเลยแม้แต่น้อย
เยี่ยหวันหวั่นในคราบผู้หญิงสวยก็สวยอยู่ ทว่าดูอ่อนแอ เก็บกด ถึงขนาดเลือนลางไม่เป็นความจริง แต่เยี่ยหวันหวั่นในคราบผู้ชายให้ความรู้สึกเย่อหยิ่งและอวดดี ราวกับความเจิดจ้าที่เก็บกลั้นมานานพรั่งพรูออกมาอย่างกะทันหัน อีกทั้งไม่ว่าจะอยู่ในเพศไหน ก็ทำให้คนอื่นไม่อาจถอนสายตาไปได้…
แน่นอนว่า ทั้งหมดนี้ล้วนไม่ใช่ประเด็นสำคัญ!
ประเด็นสำคัญคือ ตอนนี้เธออยู่ในคราบผู้ชาย ในสายตาของทุกคนเธอคือผู้ชายคนหนึ่งนะเฮ้ย!
ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง เธอถือดอกไม้พูดกับผู้ชายอีกคนหนึ่งแบบนี้คือกำลังเล่นลูกไม้อะไร?
เขาไม่ต้องเดาก็รู้ว่าสมองของคนพวกนี้จะคิดเลอะเทอะไปถึงไหน
เยี่ยหวันหวั่นผู้หญิงคนนี้ครั้งนี้ล้อเล่นกันแรงเกินไปแล้ว นายท่านไม่มีทางเล่นด้วยแน่ ไม่มีทางเล่นด้วยเด็ดขาด! ไม่แน่ว่าอาจจะไล่ตะเพิดเธอกลับไป!
สวี่อี้กำลังคิดเช่นนี้ จากนั้นก็เห็นใบหน้าเยียบเย็นของนายท่านผู้สูงส่งเย็นชาของพวกเขา มอง “ชายหนุ่ม” ที่อยู่ตรงข้ามด้วยสายตาเย็นชา แล้วรับดอกกุหลาบในมือของ “ชายหนุ่ม” ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก…
สวี่อี้ตกตะลึง
แม่เจ้าเขาเห็นอะไรเข้าเนี่ย!
นายท่าน! เสียสติไปแล้วเหรอ!
มองเห็นนายท่านของตัวเองรับดอกกุหลาบอันร้อนแรงช่อนั้นจากมือเยี่ยหวันหวั่น ใจของสวี่อี้เหมือนกับเพิ่งเผชิญพายุมา
เสียง “ปัง” ดังลอยมา เป็นเสียงรายงานบัญชีกองโตในมือผู้อํานวยการฝ่ายบัญชีหล่นลงบนพื้น ส่วนเลขาสาวคนนั้นที่เมื่อครู่นำทางเยี่ยหวันหวั่นเข้ามา หากเบิกตาโตกว่านี้ละก็ ลูกตาคงหลุดออกมาแล้ว
นายท่าน…ไม่เล่นแบบนี้สิครับ…
เรื่องพระเจ้าโจวโยวจุดสัญญาณไฟหยอกล้อเจ้าแห่งรัฐยังไม่น่ากลัวเท่านายท่านเลย!
นายท่าน…นี่นายท่านจะให้ผมเก็บกวาดเรื่องนี้อย่างไร?
ผู้ดูแลบางคนที่แตกสลายเค้นสมองอย่างหนักเพื่อจัดการปัญหาให้นายท่านของตัวเอง รีบกล่าวอธิบายกับกลุ่มคนที่ได้แข็งเป็นหินไปแล้ว “อะแฮ่มๆ…ท่านนี้…ท่านนี้เป็นเพื่อนของ BOSS ลูกหลานชาวจีนที่ประเทศ M โตที่ต่างประเทศ นิสัยค่อนข้างร่าเริง ชอบล้อเล่นน่ะครับ…เฮอะ…เฮอะๆ…”
ทุกคนหันหน้ามองกัน…เป็น…แบบนี้เหรอ? มีคนกล้าล้อเล่นกับ BOSS แบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย?
ที่จริงแล้วเยี่ยหวันหวั่นมีความคิดที่อยากแก้แค้นอยู่หน่อยๆ แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงก็คือ ซือเยี่ยหานจะรับดอกไม้จากเธอต่อหน้าทุกคนจริงๆ แม้แต่ตัวเธอเองยังตกใจมาก
ทว่า ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า ซือเยี่ยหานคนนี้ที่หน้านิ่งราวภูเขาน้ำแข็งหมื่นปีก็ไม่เปลี่ยน ถือดอกกุหลาบสีแดงสดดั่งเลือดในอ้อมกอด ภายใต้ความขัดแย้งอันสุดโต่ง ภาพนี้ช่างมีพลังสั่นสะเทือนจนดวงตาพร่าพราย
หากวันหนึ่งเธอได้เป็นนายหญิงจริงๆ ยังคิดอยากจะสร้างห้องทองซ่อนเอาไว้…
“มีอะไรหรือ?” เห็นเยี่ยหวันหวั่นเอาแต่จ้องตัวเองนิ่ง นัยน์ตาเรียบนิ่งของซือเยี่ยหานจึงมองไปด้วยความสงสัย
เยี่ยหวันหวั่นถึงได้ดึงสติกลับมาจากภาพงานฉลองอันงดงามตรงหน้า ทว่าสายตายังคงไม่ถอนออกจากตัวของซือเยี่ยหาน นัยน์ตาใสดั่งกระจกมองเขาอย่างไม่คิดจะปิดบัง เอ่ยขึ้นเนิบๆ “ไม่มีอะไร ยามว่างชมบุปผา แม้แต่ลมยังมึนเมากับความงามของดอกไม้ไปกับผม…ก็แค่มองเพลินไปหน่อย”
ทุกคนในเหตุการณ์ “…”
ผู้ช่วยสวี่ คำอธิบายของเธอเมื่อกี้พูดจริงหรือเปล่าเนี่ย?
สวี่อี้ ทำงานนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว…
…………………………………………..
บทที่ 260 ผู้ชายมีเงินแล้วจะเลว
เมื่อออกจากตึกบริษัท ท่าทางหล่อเหลามาดเท่ของเยี่ยหวันหวั่นพลันแฟบลงราวกับลูกโป่งถูกปล่อยลม
“เบบี๊ พวกเราคุยกันหน่อยได้ไหม?” เยี่ยหวันหวั่นลองถามหยั่งเชิง
นิ้วซึ่งเห็นข้อกระดูกชัดเจนของซือเยี่ยหานกำลังสัมผัสกลีบดอกไม้สีแดงที่มีหยดน้ำเกาะในอ้อมกอด “คุยเรื่องอะไร?”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยอ้อมแอ้ม “คุยกันว่า…พวกเรา…นัดกันใหม่วันหลังเถอะนะ?”
เป็นอย่างที่คิด ซือเยี่ยหานได้ยินแล้วสีหน้าแทบจะเปลี่ยนเป็นเย็นชาในพริบตา
เยี่ยหวันหวั่นรีบอธิบาย “ฉันไม่ได้จะเบี้ยวนัดคุณนะ ตอนแรกฉันเตรียมจะเลี้ยงดินเนอร์ใต้แสงเทียนสุดโรแมนติกสักมื้อหนึ่ง ผลสุดท้ายฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเงินออมก้อนสุดท้ายของฉันใช้ซื้อดอกไม้ช่อนี้ไปแล้ว…”
เฮ้อ ทำเท่ซะจนได้เรื่องจริงๆ!
ได้ยินว่าเธอใช้เงินก้อนสุดท้ายซื้อดอกไม้ช่อนี้ สีหน้าของซือเยี่ยหานถึงได้เหมือนอ่อนโยนลงบ้าง
ไม่รู้เยี่ยหวันหวั่นนึกอะไรขึ้นได้ ดวงตาเป็นประกาย พูดต่อไปว่า “แต่ถ้าคุณยินดีที่จะเลี้ยงฉัน งั้นก็ได้อยู่นะ ถ้าคุณให้เงินฉันเลย นั่นจะยิ่งใช้ได้ขึ้นไปอีก!”
ซือเยี่ยหานบอก “กลับบ้าน”
เยี่ยหวันหวั่นเงียบปาก
เบบี๋เอ๋ย ดูจากอีคิวของคุณ ชีวิตนี้อย่าได้คิดจะจีบผู้หญิงคนอื่นอีกเลย…
คำตอบที่ถูกต้องในสถานการณ์แบบนี้ควรจะเป็นโยนบัตรเครดิตใส่หน้าเธอ ให้เธอเอาไปใช้ตามอำเภอใจไม่ใช่เหรอ?
ซือเยี่ยหานคงจะเดาได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงเหล่มองเธอ เอ่ยด้วยใบหน้าเรียบเฉยว่า “ผู้ชายมีเงินแล้วจะเลว”
เยี่ยหวันหวั่นพลันรู้สึกหมดคำพูด
เธอหลงนึกว่าเธอเข้าถึงบทบาทมากพอแล้ว ที่นี่ยังมีคนที่เข้าถึงบทบาทมากกว่าเธอเสียอีก
ปีศาจไม่เสียแรงที่เป็นปีศาจ รสนิยมกว้างขวางราวทะเลที่รองรับแม่น้ำร้อยสาย แม้แต่เธอในคราบผู้ชายก็ยังรับได้โดยไร้ซึ่งความกดดัน…
…
ตกกลางคืน คอนโดหรูแห่งหนึ่งในเมืองหลวง
ที่นี่คือที่พักพนักงานซึ่งโกลบอลเอ็นเตอร์เทนเม้นท์จัดไว้ให้นักแสดงในสังกัด
ด้วยเพราะข้อมูลที่พักหลายแห่งของหานเซี่ยนอวี่ถูกเปิดเผยออกมาด้วยเจตนาร้าย ด้านนอกประตูจึงมีนักข่าวล้อมอยู่แน่นขนัด เขาจึงย้ายกลับมาที่นี่
เวลานี้ ไฟทุกดวงในห้องยังคงส่องสว่าง ห้องรับแขกกว้างขวางเงียบสงัด มีเพียงเสียงโทรทัศน์ที่ดังอยู่
หานเซี่ยนอวี่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกับโทรทัศน์ ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้แสงจากหน้าจอแอลซีดีซีดขาวแสดงถึงอาการป่วย
โทรทัศน์กำลังฉายภาพข่าวบันเทิง ภาพพื้นหลังเป็นคฤหาสน์ที่เขาอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้
ฝูงชนที่กำลังเกรี้ยวกราดล้อมอยู่เต็มหน้าประตู นักข่าวหญิงคนหนึ่งกำลังรายงานข่าว “ในอีกไม่กี่วันศาลจะเปิดพิจารณาคดีที่หานเซี่ยนอวี่กระทำอนาจารเด็กผู้หญิง เนื่องจากคดีนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรง จึงเป็นคดีที่ประชาชนคนทั่วไปต่างให้ความสนใจค่ะ
คุณจ้าวบิดาของเด็กหญิงผู้เป็นเหยื่อบอกว่าอีกสองวันจะเปิดงานแถลงข่าวเพื่ออธิบายและชี้แจงรายละเอียดคดี
ที่ที่พวกเราอยู่ตอนนี้คือที่พักในปัจจุบันของหานเซี่ยนอวี่ แต่ว่าประตูของที่นี่ปิดแน่นหนาอยู่ตลอดนะคะ จนถึงตอนนี้โกลบอลเอ็นเตอร์เทนเม้นท์และหานเซี่ยนอวี่เองยังไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบเลยค่ะ
พวกเรารู้จากพ่อของเด็กมาค่ะว่าหานเซี่ยนอวี่เคยติดต่อเขาเป็นการส่วนตัว ขอจ่ายเงินเพื่อให้เขาถอนคำฟ้องและพูดโกหกต่อหน้าสื่อ แต่โชคร้ายที่พ่อของเด็กปฏิเสธ
จากไอดอลมากความสามารถกลายเป็นผู้ร้ายเลือดเย็นกระทำอนาจารเด็กผู้หญิง แล้วยังปฏิเสธไม่ยอมรับผิด ความจริงแบบนี้ช่างสร้างความเจ็บปวด…”
ในมือของผู้จัดการเฟยหยางมีเม็ดยาหลายเม็ด เขาเทน้ำแก้วหนึ่งยกมา มองไปทางหานเซี่ยนอวี่ที่อยู่บนโซฟาอย่างเป็นห่วงพลางเอ่ยเกลี้ยกล่อม “เซี่ยนอวี่ อย่าดูข่าวพวกนี้เลย นายลืมที่หมอกำชับไว้ไปแล้วเหรอ? ช่วงนี้ให้นายวางใจพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ไม่ต้องดูต้องฟังอะไรทั้งนั้น เกิดอะไรขึ้นฉันจะบอกนายเอง…”
…………………………………..