ตอนที่ 251 ตั้งแต่วินาทีนั้นเริ่มขึ้น ของทั้งหมดในร้านนี้ก็เป็นของฉันเรียบร้อยแล้ว
“จริงด้วย เธอจะเหมาซื้อของทั้งร้านได้ยังไงกัน คุณลองคิดดูสิ เธอเป็นพี่สาวของคุณผู้หญิงเฉินเชียนโหรว เธอไม่มีเงิน เรื่องนี้คุณผู้หญิงเชียนโหรวจะไม่รู้ได้ยังไง”
“ใช่ เมื่อกี้คุณผู้หญิงหลินก็กล้าเสนอเงื่อนไขให้คนที่แพ้คุกเข่า ถ้าไม่มั่นใจว่าเธอไม่มีความสามารถนั้น เธอจะทำแบบนั้นได้ยังไงล่ะ”
“คุณผู้หญิงเฉินเชียนโหรวซื้อของพวกเราตั้งเยอะขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าเท่ากับช่วยพวกเราโฆษณาไปในตัวหรอกเหรอ นอกซะจากว่าบริษัทนั้นโง่มากเต็มที ถึงจะทวงถามความรับผิดชอบจากคุณ”
หลังจากได้ยินหลายๆ คนพูดแบบนี้ สีหน้าของผู้จัดการร้านก็ค่อยๆ ดีขึ้นมาถนัดตา
สิ่งที่พวกเธอพูด ฟังดูมีเหตุผลอยู่เหมือนกัน
ยิ่งไปกว่านั้น คนนึงเป็นข่าวฉาวโฉ่ อีกคนอ่อนโยนใจกว้าง แถมยังเป็นดาราที่กำลังมีชื่อเสียงในตอนนี้ ต่อให้นายใหญ่มา อย่างไรก็ไม่มีทางเลือกอยู่ข้างคุณหนูใหญ่หรอก
ขณะนั้นเอง ทางด้านแคชเชียร์จู่ๆ เสียงเร่งเร้าอย่างหมดความอดทนและไม่พอใจของหลินเฟยเฟยก็ดังขึ้น
“รูดเลยสิ ยืนอึ้งอยู่ทำไม รีบๆ ให้ฉันดูหน่อยสิว่าผู้อุปภัมภ์ทางการเงินที่ไม่ได้เรื่องคนนั้นของเธอจะให้เงินเธอได้สักเท่าไหร่กัน”
ผู้จัดการร้านหันไปมอง ก็พบว่าแคชเชียร์คนนั้นกำลังมองมาที่เธอด้วยสีหน้าลังเล “ผู้จัดการคะ…รูด…รูดเลยเหรอคะ”
ผู้จัดการร้านเหลือบไปมองคนด้านข้างที่ยังคงท่าทางสุขุมเยือกเย็นไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งสิ้น สีหน้าของเธอพลันปรากฎท่าทางดูหมิ่นออกมาให้เห็น
“รูดเลย”
“…งั้นจะให้คิดเงินเท่ากับราคาของทั้งร้านเลยใช่ไหมคะ”
หลินหลินเฟยเฟยหัวเราะเยาะ “เธอก็มองนางสูงเกินไปแล้ว แค่รูดเล่นๆ ไม่กี่ล้านก็คงจะเกินวงเงินบัตรเธอแล้วด้วยซ้ำมั้ง”
เฉินฝานซิงพูดอย่างเย็นชา “รูดเลย คิดเงินให้ฉันตั้งแต่ที่ฉันบอกว่าฉันจะซื้อของทั้งหมดในร้านนี้เลย”
“จำคำพูดที่ผู้จัดการร้านของเธอเคยพูดก่อนหน้านี้เอาไว้ให้ดีด้วย ฉันถามเขาสองครั้งแล้วว่า ในสายตาของพวกคุณ ไม่มีลูกค้าที่มาก่อนหรือมาหลัง ใครมีกำลังพอที่จะซื้อของของพวกคุณ ต่อให้เขายังไม่จ่ายเงิน พวกคุณก็จะขายให้เธอใช่ไหม แล้วคำตอบที่คุณให้ฉันก็คือ ‘ใช่’ เพราะงั้น ตั้งแต่วินาทีที่ฉันบอกว่าฉันจะซื้อของทั้งหมดในร้านของคุณ ของทั้งหมดในร้านก็เป็นของฉันเรียบร้อยแล้ว”
ผู้จัดการร้านขมวดคิ้วมุ่น พลางคาดการณ์เอาว่าเธอไม่มีทางจะซื้อของทั้งหมดได้จริงๆ จึงตอบกับพนักงานที่แคชเชียร์ในทันที “รูดเลย”
แคชเชียร์กลืนน้ำลายอึกอึก ตั้งเจ็ดสิบล้านเลยนะ จะทำแบบนี้…
เธอตื่นเต้นจนทำบัตรหล่นลงพื้น
เวลานี้ หลินเฟยเฟยก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “เฉินฝานซิง ตอนนี้ฉันน่ะ แค่หนึ่งนาที…ไม่สิ แค่หนึ่งวินาทีก็ทนรอต่อไปไม่ไหวแล้ว ฉันอยากจะเห็นสภาพน่าเวทนาของเธอตอนคุกเข่าแทบใจจะขาดแล้วจริงๆ…”
ทว่าขณะนั้นเอง กลับมีคนสามคนเบียดผู้คนจากด้านนอกประตูเข้ามาในร้าน
คนแรก เป็นชายสวมชุดสูทรองเท้าหนัง รูปร่างสูงโปร่งวัยประมาณสี่สิบกว่า
ด้านหลัง ตามมาด้วยเลขาและผู้ช่วยอีกสองคน
“ผู้จัดการฉี คุณมาได้ยังไงคะ”
สีหน้าของผู้จัดการร้านเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือก่อนจะรีบตรงดิ่งไปที่หน้าประตูทันที
พนักงงานทุกคนในห้างนี้ต่างก็รู้ดี ผู้จัดการฉีเป็นคนที่บริษัทแม่ส่งมา เพื่อรับหน้าที่เป็นผู้จัดการทั่วไปฝ่ายปฏิบัติของห้างแห่งนี้
น้อยมากที่เขาจะปรากฏตัวขึ้นในที่แบบนี้ ในสายตาของพวกเขา ผู้จัดการฉีก็คือบุคคลที่อยู่สูงเกินเอื้อม การได้เจอกับเขาสักครั้ง นับเป็นโชคและเกียรติอันยิ่งใหญ่
วันนี้บังเอิญจริงๆ ที่ได้เจอกับคนสำคัญแบบนี้
ระหว่างเผชิญหน้ากับการประจบประแจงของผู้จัดการร้าน ผู้จัดการฉียังคงมีท่าทีเฉยชาอย่างเห็นได้ชัด
ตอนที่ 252 คืนให้ฉันแบบไม่ขาดแม้แต่สตางค์เดียว
ขณะนั้นเอง ก็มีใครคนหนึ่งวิ่งตามหลังมาติดๆ สีหน้าร้อนรนกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด
“ผู้อำนวยการเหลียง คุณมาได้ยังไงคะ ดูสิคะ ช่างบังเอิญจริงๆ ผู้จัดการฉีก็อยู่ด้วย”
ผู้จัดการร้านรีบเข้าไปต้อนรับด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแสนหวาน ท่าทางกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก
ผู้อำนวยการเหลียงเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการขายของบริษัทเธอ ปกติแล้วน้อยครั้งมากที่เขาจะมาที่นี่
ทว่าผู้อำนวยการเหลียงกลับจ้องเธอเขม็งด้วยความดุดัน ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด “เกิดอะไรขึ้น”
ผู้จัดการร้านตกใจจนสะดุ้ง พลางหันไปมองกลุ่มคนที่มามุงดู ก่อนจะรีบอธิบาย
“ก็แค่เจอลูกค้าคนหนึ่งมาหาเรื่องน่ะค่ะ…เป็นแค่ปัญหาไร้สาระเท่านั้นเองค่ะ…”
“ปัญหาไร้สาระงั้นเหรอ ผู้อำนวยการเหลียง นี่ไม่ใช่ปัญหารไร้สาระ”
ผู้จัดการฉีที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ด้านข้างด้วยสีหน้านิ่งขรึมมาตลอด จู่ๆ ก็พูดขึ้นอย่างเยือกเย็น
สิ้นเสียงพูดของเขา ผู้ช่วยที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ก้าวมาด้านหน้าแล้วยื่นเอกสารส่งให้กับผู้อำนวยการเหลียงทันที
“ผู้อำนวยการเหลียง พนักงานร้านคุณบริการแย่ ทำพฤติกรรมดูหมิ่นลูกค้า เลือกปฏิบัติกับลูกค้าอย่างไม่ยุติธรรม ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของทางห้างเราอย่างรุนแรง ขอเชิญคุณพาพนักงานของคุณออกไปจากห้างแห่งนี้ให้เร็วที่สุด ที่ตรงนี้ของร้านคุณ พวกเราจะหาร้านใหม่มาแทนเอง”
“อะ…อะไรกัน”
ผู้อำนวยการเหลียงตะลึงงัน หลังจากที่เขาได้รับโทรศัพท์จากผู้จัดการฉีก็รีบมายังจุดเกิดเหตุทันที โดยที่ยังไม่ได้ถามรายละเอียเรื่องราวให้รู้เรื่อง แล้วจู่ๆ ก็ได้รับแจ้งผลลัพธ์แบบนี้
“คุณผู้หญิงเฉิน ขอประทานอภัยด้วยที่ทำให้คุณลำบาก”
เฉินฝานซิงเพียงแค่หันไปพยักหน้าให้เขาน้อยๆ
ส่วนผู้จัดการร้านกลับหน้าซีดขาวอย่างเฉียบพลัน
สองขาอ่อนแรงจนรู้สึกทรงตัวไม่อยู่
เฉินเชียนโหรวเมื่อเห็นเหตุการณ์กลับตาลปัตรอย่างรวดเร็ว ทั้งยังเห็นท่าทางเคารพนอบน้อมของผู้จัดการฉีที่มีต่อเฉินฝานซิง ก็ขมวดคิ้วมุ่นในทันที
ขณะเดียวกัน ก็มีเสียงแหลมเล็กของหลินเฟยเฟยดังขึ้นมาจากทางฝั่งแคชเชียร์อย่างกะทันหัน “อะไรนะ เรียบร้อยแล้ว? หมายความว่ายังไง”
ทุกคนต่างก็หันไปมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณแคชเชียร์
พนักงานสาวยังคงอยู่ในอาการตกตะลึง “ก็คือ หมายความว่ารูดบัตรชำระเงินสำเร็จแล้วค่ะ ตอนนี้ ของทุกอย่างเป็นของคุณผู้หญิงท่านนี้หมดแล้วค่ะ”
“อะไรนะ สำเร็จแล้ว?” เสียงของหลินเฟยเฟยเล็กแหลมยิ่งกว่าเดิม สีหน้าเหยเกสุดขีด
ผู้จัดการร้านใจเต้นตึกตัก รีบวิ่งไปที่แคชเชียร์อย่างซวนเซ
“พระเจ้า นี่เหมาของทั้งร้านได้หมดจริงๆ ด้วย”
“คุณพระ อยู่มาตั้งนานเพิ่งจะเคยเจอ”
“จริงหรือเปล่าเนี่ย”
“อย่างนั้นร้านนี้ก็คงจะรับทรัพย์หนักเลยล่ะสิ”
ผู้อำนวยการเหลียงได้ยินแบบนี้ ในใจก็แอบรู้สึกดีใจอยู่ไม่น้อย
เหมาอัญญมณีทั้งร้านจนหมดแล้ว?
ถ้างั้นก็คงจะทำเงินได้ไม่น้อย
แต่ทว่า หลังจากที่ผู้จัดการร้านได้เห็นบัตรใบนั้น เลือดฝาดบนใบหน้าก็ไหลกลับเข้าไปในทันที
ขาทั้งสองข้างอ่อนแรง จนล้มลงไปกองกับพื้น
“อะไรกัน”
“เกิดอะไรขึ้น”
“คงจะดีใจจนบ้าไปแล้วล่ะมั้ง”
ผู้คนที่อยู่หน้าประตูพากันชะเง้อคอดูเหตุการณ์ภายในร้าน
หลินเฟยเฟยเหลือบตาไปมองบัตรที่เธอกำอยู่ในมือ
ก็แค่บัตรสีเขียวธรรมดาธรรมดาใบหนึ่ง ไม่ใช่ทั้งบัตรโกลด์ หรือซิลเวอร์โกลด์ แล้วก็ไม่ใช่แบล็คการ์ดด้วย
สำเร็จแล้วอย่างนั้นเหรอ
จะเป็นไปได้ยังไง
ยัยแพศยานั้นมีเงินเยอะขนาดนั้นได้ยังไง
ผู้จัดการร้านเกาะขอบแท่นแคชเชียร์ไว้แน่น ก่อนจะค่อยๆ ปีนขึ้นมาอย่างยากลำบาก
ปากของเธอไม่เหลือเลือดฝาดอยู่แม้แต่น้อย ริมฝีปากสั่นกึกๆ อยู่พักใหญ่กว่าจะเปิดปากพูดออกมาได้ “…คุณหนูเฉิน…”
เฉินฝานซิงปรายตาไปมองเธอด้วยความเย็นชาปราดหนึ่ง “กรุณาหุบปาก ตอนนี้ฉันไม่อยากฟังคุณพูดแม้แต่คำเดียว…”
เฉินฝานซิงมองผู้จักการร้านที่นั่งอยู่บนพื้นด้วยสายตาเหยียดหยาม พลางแสยะยิ้มมุมปากอย่างเหี้ยมโหด
“คงคิดสิว่า วันนี้ภายในระยะเวลาสั้นๆ คุณก็ทำยอดได้ยี่สิบกว่าล้าน โบนัสก้อนโตอยู่ใกล้แค่เอื้อม การเลื่อนตำแหน่งและเพิ่มเงินเดือนอยู่ตรงหน้านี่เองแล้ว ใช่ไหมล่ะ”