ตอนนี้บนเกาะเล็ก มีแปดคนได้รับชัยชนะ เดิมทียังมีอีกสองคน กำลังต่อสู้ เมื่อได้ยินเสียงเทียนฉี่ จึงรีบหยุดลงทันที

ใบหน้าทั้งสองคน มีรอยยิ้มขึ้นมาพร้อมกัน คิดไม่ถึงว่าพยายามมานาน จะได้ทะลุระดับพร้อมกัน ถือว่าไม่เลวจริงๆ

ทั้งสิบคนยืนอย่างมั่นคง เหล่าครูปล่อยพลังปราณออกมาพร้อมกัน ใส่เข้าไปในหินล่างเท้า

แสงค่ายกลลึกลับแต่ละแสง สว่างวาบขึ้นมา เสียงระเบิดดังสนั่น เกาะเล็กด้านล่างเริ่มเคลื่อนตัว ราวกับจิ๊กซอว์ เกาะเล็กๆ ที่แยกออกจากกัน กลับมาเป็นประสานกันอีกครั้ง

พื้นดินที่ลอยขึ้นมา กลับลงไปสู่พื้นดิน พื้นหินที่เละเทะเพราะการต่อสู้ ตอนร่วงลงไปสู่พื้นดิน กลับมาเป็นเหมือนเดิมโดยอัตโนมัติ

นักเรียนใหม่เห็นภาพนี้ ไม่มีใครไม่ตกใจ ส่วนนักเรียนเก่า ไม่มีความรู้สึกอะไร เพราะอย่างน้อย พวกเขาเคยเห็นแล้วครั้งหนึ่ง

อาจารย์ทั้งเก้าคนกับท่านผอ. ลอยลงมาจากท้องฟ้าช้าๆ

เก้าอี้และโต๊ะขนาดใหญ่สิบตัว ร่วงลงมาบนพื้น อาจารย์ทุกคน ยืนเป็นสองด้านอย่างพร้อมเพรียง

อีกเดี๋ยวรอครูเลือกศิษย์ คนที่อยู่ในร้อยอันดับแรก เดินมาข้างหน้าสิบก้าว เขียนว่าพวกนายจะเข้าคณะไหน แล้วส่งให้ครู ให้ครูแต่ละคนพิจารณารับเอง ยี่สิบคนแรก เดินขึ้นมาข้างหน้ายี่สิบก้าว เลือกเป็นศิษย์ของครูได้

เมื่อนักเรียนใหม่ทั้งหมดได้ยิน ก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที

นักเรียนในร้อยอันดับแรก คือคนที่ชนะได้สองครั้งเท่านั้น ส่วนนักเรียนที่ไม่อยู่ในร้อยอันดับแรก ก็แอบเคียดแค้น ถ้าตัวเองโชคดีสักหน่อย เจอคู่แข่งอ่อนแอสักหน่อย หรือไม่ก็ถ้าพละกำลังของตัวเองแข็งแกร่งกว่านี้ คงเลือกคณะได้แล้ว ไม่ต้องรอให้อาจารย์มาเลือก

แน่นอนว่าพวกเขาเทียบกับพวกชนะรอบหนึ่งไม่ได้ นักเรียนใหม่ที่ไปเรือนซีเซียง ก็มีเยอะมาก คนพวกนั้น ต้องรอให้ฝั่งนี้เลือกเสร็จ จึงจะถึงตาพวกเขา น่าสงสารถึงขนาดที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะมองดู

นักเรียนห้าสิบคนแรก ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น รับพู่กันและหมึก มาจากครู เริ่มเขียนคณะที่ตัวเองอยากเข้า

นี่เป็นคำถามที่ยากมาก ถ้านักเรียนเลือกไม่ดี ถึงเข้าไปได้ แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น การเข้ามาในห้าสิบอันดับแรก ได้อย่างยากลำบาก คงไร้ความหมายไปเลย

แต่ถ้าเลือกดีเกินไป มีคู่ต่อสู้เยอะ จนเข้าไปไม่ได้ จะทำยังไง

คนพวกนี้กำลังคิดว่าจะเลือกคณะไหน ส่วนนักเรียนสามสิบคนแรก กำลังคิดว่าจะเลือกครูที่ปรึกษาคนไหน

มีคนบางส่วน รู้เกี่ยวกับคณะเป็นอย่างดี หรือไม่ก็เคยสอบถามมา มีคนที่เลือกไว้ในใจแล้ว แต่คนบางส่วน ไม่รู้ว่าจะเลือกใครดี แค่ดูว่าคนไหนค่อนข้างเก่ง ก็เลือกคนนั้น

ส่วนสิบคนแรก ต่างมีสีหน้าตื่นเต้น

พวกเขามีโอกาสทำความรู้จักอาจารย์ทั้งเก้าคน ถ้าครั้งนี้อาจารย์ทั้งเก้าคนถูกใจ ได้รับโอกาสอบรมสั่งสอนจากอาจารย์ด้วยตัวเอง คงไม่มีอะไรดีกว่านี้แล้ว

ลู่ฝานก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่น่าเสียดาย เขาไม่ได้ดีใจขนาดนั้น สิ่งที่เขาอยากเห็นคือ คนไหนเป็นอาจารย์ของคณะหนึ่งเดียว

ทั้งสิบคนเดินขึ้นมา สายตาของนักเรียนเก่าคนอื่น พากันจ้องมาที่พวกเขา

เรื่องที่คนกลุ่มไหน จะมาเป็นศิษย์น้องของตัวเอง คนพวกนี้ไม่สนใจเท่าไรนัก กลับกัน การที่สิบคนนั้นจะเข้าคณะไหน ทำให้พวกเขาสนใจยิ่งกว่า เพราะคนพวกนี้ มีโอกาสที่จะเป็นคู่ต่อสู้ในสถาบันของพวกเขา

เดินมาข้างหน้าร้อยก้าว มายืนตรงหน้าอาจารย์ทั้งเก้าและท่านผอ.พอดี

ท่านผอ.กวาดตามองทั้งสิบคน เขาเห็นอารมณ์ต่างๆ เช่น ตื่นเต้น ดีใจ นี่เป็นอารมณ์ปกติของมนุษย์ ท่านผอ.ไม่ได้สนใจ กลับกัน สีหน้าแน่วแน่และสุขุมของลู่ฝาน กลับทำให้เขาสนใจเด็กคนนี้ โดดเด่นจนไม่เหมือนใครจริงๆ

ท่านผอ.ยิ้มแล้วพูดว่า “ยินดีต้อนรับสู่สถาบันสอนวิชาบู๊ พวกนายสามารถบอกชื่อตัวเอง กับอาจารย์คณะต่างๆ ได้”

ท่านผอ.เพิ่งพูดจบ นักกระบี่คนหนึ่ง ที่ยืนอยู่ซ้ายสุด ตะโกนขึ้นมาก่อนเพื่อน

“ผมชื่อมู่ซั่ว ผมใช้กระบี่เป็น เชี่ยวชาญวิชากระบี่น้ำลอย ผมอยากเข้าคณะกระบี่ ผมอยากเรียนรู้วิชากระบี่ที่ลึกล้ำที่สุด”

มู่ซั่วดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก หน้าแดงไปหมด อาจารย์เสวียนเจินของคณะกระบี่ ไม่เคยเจอคนหนุ่มที่มีพลังแบบนี้มานานแล้ว

เสวียนเจินพยักหน้า พูดว่า “โอเค นายเข้าคณะกระบี่ของฉัน ผ่านสองปีไป นายมายอดเขากระบี่หัก ฉันจะให้นายได้เห็นวิชากระบี่สุดลึกล้ำ แต่นายจะเรียนรู้ได้หรือไม่ นั่นเป็นเรื่องของนายแล้ว”

มู่ซั่วคุกเข่าสองข้างลงบนพื้น พูดกับเสวียนเจินว่า “ท่านอาจารย์ โปรดรับการบูชาจากศิษย์”

เสวียนเจินอึ้งไป เขายังไม่พูดว่าจะรับเป็นศิษย์เลย ไอ้เด็กนี่รู้จักพูดประจบจริงๆ

เสวียนเจินส่ายหน้า กวักมือให้มู่ซั่วลุกขึ้น แล้วพูดว่า “ตอนนี้ไม่ต้องพูดเรื่องรับเป็นศิษย์ก่อน ถ้านายเรียนรู้วิชากระบี่ของฉันได้ ฉันจะรับนายเป็นศิษย์”

มู่ซั่วพูดเสียงดัง “ผมเรียนรู้ได้แน่นอนครับ”

เสวียนเจินพยักหน้า บอกให้มู่ซั่วไปยืนอีกด้านหนึ่งได้

นักเรียนเก่าคนอื่น เห็นการแสดงออกของมู่ซั่ว จึงแอบถกเถียงกัน “หน้าไม่อายจริงๆ แต่กระบวนท่าของเขาสุดยอดมากจริงๆ”

“เฮ้อ ถ้าตอนนั้นฉันหน้าไม่อายแบบนี้ คงดีไปแล้ว”

“นายเหรอ ตอนนั้นนายอยู่ในสิบอันดับแรกหรือเปล่า”

……