ตอนที่ 103: กลุ่มทหารรับจ้างอัคนี
“น้องชาย ที่นั่งแถวนี้เต็มหมดแล้ว ข้าขอนั่งข้าง ๆ เจ้าได้หรือไม่ ? “
ในขณะนั้นมีเสียงดังกังวานมาจากด้านหลังของเจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉินหันหน้าไปดูต้นเสียง เขาเห็นชายวัยกลางคนที่มีรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า เขายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของเจี้ยนเฉินและมองเขาด้วยท่าทางที่มีมารยาท
ชายวัยกลางคนดูเหมือนจะมีอายุประมาณ 40 ปีและสวมเสื้อคลุมสีฟ้า อย่างไรก็ตามสำหรับดวงตาที่เฉียบคมของเจี้ยนเฉิน เสื้อคลุมนี้ทำจากผ้าเนื้อหยาบและจัดเป็นผ้าราคาถูก เขาไม่มีอะไรโดดเด่นเลยนอกจากผมสีดำสั้น แม้ว่ารอยยิ้มของเขาจะดูจริงใจก็ตาม
เจี้ยนเฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “โรงเตี้ยมเต็มแล้ว ข้าคงไม่สามารถนั่งในห้องนี้คนเดียวได้ มานั่งด้วยกันเถิด ! “
“ขอบใจน้องชายมาก” ชายอีกคนหัวเราะขณะที่เขาป้องมือเข้าด้วยกัน จากนั้นเขาก็ดึงเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลง
” น้องชาย ข้าขอสุรากาหนึ่งและเนื้อม้าที่ดีที่สุดมาสักชิ้น ! ” ชายคนนั้นสั่งอาหาร
” ได้ขอรับ ท่านลูกค้าโปรดรอสักครู่ ! ” เสี่ยวเอ้อตอบกลับ
เจี้ยนเฉินจ้องชายวัยกลางคนข้างหน้าเขาสักพักก่อนที่จะละสายตาจากเขาและหันกลับมามองอาหารของตัวเอง
ชายวัยกลางคนมองเจี้ยนเฉินและหัวเราะเบา ๆ “น้องชายชื่ออะไร?”
” เจี้ยนเฉิน ! ” เขาตอบทั้ง ๆ ที่อาหารเต็มปาก ดังนั้นคำพูดที่ออกมาจึงเป็นเสียงอู้อี้มาก
” เจี้ยนเฉิน หืม ช่างเป็นชื่อที่น่าพอใจ” ชายวัยกลางคนมองเจี้ยนเฉินแล้วถามว่า “น้องเจี้ยนเฉิน ข้าเดาว่าเจ้าก็เป็นทหารรับจ้างด้วยเช่นกัน”
เขาพยักหน้า “ถูกต้อง แต่เนื่องจากข้าไม่ค่อยแข็งแกร่ง ข้าจึงเป็นทหารรับจ้างระดับต่ำที่สุด”
ระดับของทหารรับจ้างสอดคล้องกับความแข็งแกร่งและคะแนนของภารกิจที่ทำ ทหารรับจ้างระดับต่ำสุดโดยทั่วไปมักเป็นเซียนมือใหม่ อย่างไรก็ตามมีผู้บ่มเพาะหลายคนที่ยังไม่รวมตัวกับอาวุธเซียนในหมู่ทหารรับจ้างระดับ D แม้ว่าชายวัยกลางคนจะดูเป็นคนนิสัยดี แต่เจี้ยนเฉินก็ไม่กล้าเปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงกับเขา
ชายผู้นั้นหัวเราะโดยไม่มีเจตนาแอบแฝง “น้องชาย เจ้าคงอายุไม่ถึง 20 ปี ในเมื่อเจ้าประสบความสำเร็จในการรวมพลังเข้ากับอาวุธเซียน ศักยภาพของเจ้าน่าจะไร้ขีดจำกัด” คำพูดของชายคนนั้นจริงใจ หลังจากที่เขาพูด เขาก็ถอนหายใจยาว ” เมื่อคิดย้อนกลับไป ข้ามีอายุ 25 ปีตอนที่ข้าหลอมรวมกับอาวุธเซียนครั้งแรกและตัดผ่านมาจนเป็นเซียน น้องชายพึ่งจะอายุ 20 ปีและเป็นเซียนแล้ว มันช่างน่าทึ่ง ข้าไม่คิดว่ามันจะไกลเกินไปเจ้าก็จะได้เป็นเซียนปฐพีผู้มีพรสวรรค์อีกคนในอนาคต” เมื่อเขาพูดคำคำว่า ‘เซียนปฐพี’ ใบหน้าของชายคนนั้นดูค่อนข้างคาดหวัง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจี้ยนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะมองชายวัยกลางคนอีกครั้ง ในขณะที่เขามีความประทับใจที่ดีกับชายคนนี้ มันก็ยังคงไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
การหลอมรวมอาวุธเซียนตอนอายุ 25 ปีอาจกล่าวได้ว่าค่อนข้างปานกลางภายในทวีปเทียนหยวน บุคคลประเภทนี้อย่างมากที่สุดจะถูกจำกัดให้เป็นเซียนระดับสูง และหากไม่มีโอกาส พวกเขาจะไม่สามารถตัดผ่านไปสู่การเป็นเซียนปฐพีได้
ท้ายที่สุดแล้วในช่องว่างระหว่างเซียนระดับสูงและเซียนปฐพีก็มีเกณฑ์ที่ยากมาก มันยากถึงขั้นที่ว่าการหลอมอาวุธเซียนเป็นแสนครั้งยังง่ายกว่า นี่เป็นเพราะการตัดผ่านจากเซียนระดับสูงไปเป็นเซียนปฐพี หากไม่ระวัง พวกเขาก็จะต้องเจอกับสิ่งที่ร้ายแรง ในกรณีที่รุนแรงน้อยกว่า พวกเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียการบ่มเพาะจนกลายเป็นคนพิการ ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด พวกเขาจะสูญเสียชีวิตของตัวเองไม่มีวันได้หวนกลับมา
เกณฑ์ที่แยกระหว่างเซียนปฐพีกับเซียนระดับสูงคือการที่คนหนึ่งต้องเลือกระหว่างความเป็นกับความตาย มีคนจำนวนมากที่มีความสามารถระดับปานกลางที่กลายเป็นเซียนระดับสูงแต่ไม่สามารถตัดผ่านเพื่อเป็นเซียนปฐพีได้ อีกหลายคนถึงกับเสียชีวิตเพราะพยายามที่จะตัดผ่าน
อัตราความสำเร็จของการตัดผ่านเป็นเซียนปฐพีนั้นมีเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น
เจี้ยนเฉินรู้อยู่ก่อนแล้วเกี่ยวกับข้อมูลนี้ ไม่ว่าจะเป็นจากหอหนังสือของสำนักคากัตหรือหอหนังสือของคฤหาสน์เจียงหยาง เขาก็ได้อ่านรายละเอียดทั้งหมด
“น้องชาย ข้าคิดว่าเจ้ายังไม่ได้เข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างเลย” ชายวัยกลางคนยิ้มพลางถามเจี้ยนเฉิน
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หัวใจของเจี้ยนเฉินก็พุ่งสูงขึ้นเมื่อเขารู้ว่าชายคนนั้นกำลังจะเอ่ยอะไร แต่เขาพยักหน้าตอบ “ถูกต้องแล้ว ! “
“น้องชาย ทำไมเจ้าไม่เข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีของข้าล่ะ? แม้ว่าจำนวนคนในกลุ่มของเราจะไม่มากนัก แต่ทหารรับจ้างในกลุ่มก็ค่อนข้างมีนิสัยดีและเป็นมิตร” เขาพูดอย่างกระตือรือร้น
เจี้ยนเฉินเงียบเมื่อฟังชายคนนั้น เขาไม่เคยคิดที่จะเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างมาก่อนเนื่องจากในความคิดของเขาการเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างเป็นเพียงภาระที่จะจำกัดอิสระของเขา มันจะทำให้อัตราการฝึกฝนของเขาหยุดนิ่งเนื่องจากหนทางเดียวที่เขาสามารถฝึกฝนได้อย่างรวดเร็วก็คือการใช้แกนอสูร แกนอสูรนั้นจำเป็นอย่างยิ่งและปริมาณที่ต้องการก็มหาศาลเช่นกัน ถ้าเขาจะเข้าไปในเทือกเขาสัตว์อสูรด้วยตัวเอง กำไรที่เขาได้รับจะเป็นของเขาเอง และมันก็จะเพียงพอกับอัตราการใช้
อย่างไรก็ตามหากเขาเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้าง มันจะเป็นการง่ายกว่าที่จะฆ่าสัตว์อสูรโดยเสียค่าใช้จ่ายในการแบ่งจำนวนแกนอสูรกับทั้งกลุ่มซึ่งจะเป็นปัญหาได้ง่าย ถ้าเจี้ยนเฉินเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้าง เขาต้องไปหาสัตว์อสูรคนเดียว มิฉะนั้นเขาต้องแบ่งแกนอสูรให้กับคนอื่นเช่นกัน
เมื่อเห็นเจี้ยนเฉินนิ่งเงียบไป ชายวัยกลางคนก็ไม่ยอมแพ้ “น้องเจี้ยนเฉิน กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีของข้าเป็นเพียงกลุ่มเล็ก ๆ ที่ไม่จำกัดให้ต้องทำร่วมกัน กฎและข้อจำกัดต่าง ๆ ที่ทำให้หัวอยากจะระเบิด กลุ่มของเราไม่เป็นเช่นนั้น การเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างของข้าเป็นเพียงการช่วยให้กลุ่มมีวิธีที่ง่ายขึ้นในการหารายได้ เจ้าต้องรู้ว่าเทือกเขาสัตว์อสูรนั้นเป็นหนทางที่สร้างผลกำไรจากการหาเงินและแกนอสูรจะถูกขายในราคาสูงในขณะเดียวกันก็ช่วยให้เราฝึกฝนพลังเซียนซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง แกนอสูรเพียงส่วนหนึ่งสามารถขายได้ในราคาสูงให้กับโรงเตี๊ยม”
“เมื่อจำนวนของคนในกลุ่มเพิ่มขึ้น ความแข็งแกร่งของเราก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน แม้ว่าเราจะเจอสัตว์อสูรระดับสูง เราก็สามารถฆ่ามันได้ คิดดูดี ๆ ! หากเราสามารถฆ่าสัตว์อสูรระดับสูงได้ ลองจินตนาการว่าพวกเราจะได้กำไรมากเพียงใด ข้าเดิมพันได้เลยว่าเจ้าก็ต้องแอบคำนวณมันในใจ” ชายคนนั้นหยุดหายใจครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดต่อไปว่า “ถ้าเจ้าตัวคนเดียว แม้ว่าเจ้าจะสามารถจัดการกับสัตว์อสูรระดับต่ำได้หลายตัวก็ตาม ข้ามั่นใจว่ามันคงไม่ใช่เงินจำนวนมากแน่นอน แม้ว่าเจ้าจะใช้พลังงานจำนวนมากไปฆ่ามัน แต่จำนวนเงินที่ได้รับจะไม่คุ้มกับค่ารักษา และถ้าเจ้าเจอการซุ่มโจมตีจากสัตว์อสูรระดับสูงสองสามตัว – เจ้าคิดว่าคนเดียวจะสามารถหนีจากสัตว์อสูรระดับสูงหลายสิบตัวได้เร็วแค่ไหน ? สิ่งนี้เป็นไปไม่ได้แน่นอน และในท้ายที่สุด คน ๆ นั้นก็จะเอาชีวิตของเขาไปทิ้งเสียเปล่า ๆ “
เมื่อเห็นว่าเจี้ยนเฉินยังคงนิ่งเงียบอยู่ ชายคนนั้นก็ลองอีกครั้ง “น้องเจี้ยนเฉิน หากเกี่ยวข้องกับเรื่องของการแบ่งผลประโยชน์เจ้าไม่ต้องกังวล ในขณะที่กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีของเราเพิ่งก่อตั้งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา พี่น้องในกลุ่มของเราเห็นมิตรภาพสำคัญกว่าเงินทอง ในกรณีที่กลุ่มของเรามีผลกำไร ไม่ว่าเจ้าจะทำงานหนักหรือไม่ก็ตาม กลุ่มจะไม่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างอยุติธรรม”