ตอนที่ 275 ไม่น่าเชื่อ! + ตอนที่ 276 ไม่ปกตินัก!

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 275 ไม่น่าเชื่อ!

จริงๆ แล้วนางไม่รู้ เจ้าตำหนักยมราชเคยบอกไว้ว่าหากไม่อาจคอยปกป้องเฟิ่งจิ่วอยู่ข้างกายได้ มันก็ไม่มีค่าพอจะอยู่ต่อไป

อสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดที่สง่าผ่าเผยอย่างมัน ไม่คิดเลยว่าจะถูกข่มขู่อย่างโจ่งแจ้ง แต่มันจนปัญญากับมนุษย์ที่มาคุกคามผู้นั้น พอนึกถึงชายหนุ่มที่มีพลังค่อนข้างน่าหวาดกลัว ฉิวฉิวที่เดิมนอนเงียบๆ อยู่บนหลังม้าก็หนาวสั่นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

นี่เป็นความโชคร้ายของมัน เดิมทีคิดว่าทำลายหินออกมาแล้วจะได้เป็นอิสระในที่สุด ใครจะไปรู้ว่าจะมาพบชายที่มีพลังแข็งแกร่งถึงขั้นพิสดารเช่นนั้น? ทั้งขู่เข็ญทั้งสูบดวงวิญญาณมัน หากไม่ยอมเชื่อฟัง ชีวิตเล็กๆ อาจไม่ปลอดภัยได้ทุกเมื่อ

ดวงตามันกวาดมองหนุ่มน้อยชุดแดงอย่างเหยียดหยัน มองไม่ออกเลยว่ามนุษย์หนุ่มน้อยผู้นี้มีอะไรที่หายากนัก หนำซ้ำยังอ่อนแอจะตาย ให้อสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดอย่างมันมาคอยปกป้อง เขาก็ได้ประโยชน์แล้ว

เหล่าไป๋ได้ยินว่าด้านหน้ามีของกินก็น้ำลายไหล พลังงานเต็มเปี่ยม เตะกีบเท้าวิ่งปรี่ไปด้านหน้า ทิ้งไว้เพียงฝุ่นควันที่ฟุ้งกระจายขึ้นมาให้เหลิ่งซวงกับฉิวฉิวด้านหลัง

ฉิวฉิวที่นอนหมอบอยู่สำลักฝุ่นนั้น จึงโมโหเสียจนเหยียดตัวนั่งตัวมองร่างตรงหน้าที่วิ่งห้อไปด้วยความขุ่นเคือง

เจ้าม้าอ้วน! รู้จักแต่เรื่องกินๆๆ! ทำไมไม่อ้วนตายไปซะเลย!

ผ่านไปไม่นาน เมื่อมาถึงเนินเขาที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านสองหลังนั้น เฟิ่งจิ่วด้านหน้ากลับแปลกใจอยู่บ้าง เธอที่นั่งอยู่บนหลังเหล่าไป๋ดึงเชือกบังเหียนม้า มองสถานที่ตรงหน้า ดวงตาเป็นประกายน้อยๆ

เหลิ่งซวงที่ไล่ตามมาจากด้านหลังมายังข้างกาย เห็นนางหยุดอยู่ไม่เดินหน้า มองยังบ้านสองหลังนั้นที่เปิดไฟไว้ จึงกล่าวอย่างระมัดระวัง “นายท่านคอยอยู่ตรงนี้สักครู่ ข้าจะไปสำรวจก่อนเจ้าค่ะ” ก่อนพลิกตัวลงจากม้าเดินไปทางด้านนั้น

“ข้าจะไปกับเจ้า”

เฟิ่งจิ่วพลิกตัวลงพื้น จูงเหล่าไป๋เดินลงไป ทว่าเหล่าไป๋กลับเหมือนไม่ค่อยอยากเข้าไป ส่งเสียงร้องสองสามครั้ง กระทืบกีบม้าลงบนพื้นอย่างกระสับกระส่าย

เฟิ่งจิ่วยิ้มเล็กน้อย ลูบหัวปลอบมันเบาๆ พลางพูดเสียงอบอุ่นว่า “ไม่เป็นไร ตามมาเถอะ!”

เห็นเช่นนี้ เหล่าไป๋ถึงจะตอบรับเบาๆ แล้วตามไปข้างกายนางอย่างว่าง่าย

ส่วนฉิวฉิวที่นอนอยู่บนหลังม้ายามนี้หรี่ตาลง สายตามองไปบนร่างเฟิ่งจิ่ว และมองไปทางบ้านสองหลังนั้นพักหนึ่ง ก่อนจะตามเข้าไปโดยไม่ส่งเสียงอะไร

ตรงนี้มีแค่บ้านสองหลัง ด้านในเปิดไฟไว้ อาจเพราะปกติไม่ค่อยเห็นคนนอกมาเยือนนัก เด็กชายอายุราวสี่ห้าขวบที่นั่งเล่นก้อนหินอยู่หน้าประตูจึงกะพริบตามองเฟิ่งจิ่วในชุดแดงกับเหลิ่งซวงที่สวมชุดดำจูงม้าเดินเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

เขาลุกขึ้นวิ่งเข้าเรือนไปทันที ตะโกนลั่นว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่! มีคนมา มากันสองคน”

“ฮี้! ฮี้!”

เหล่าไป๋พ่นลมออกมาจากสองรูจมูก กระทืบเท้าอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย ดึงหัวเบาๆ จะลากเฟิ่งจิ่วออกไป

เห็นท่าทางแปลกๆ ของเหล่าไป๋ แววตาเฟิ่งจิ่ววูบไหวน้อยๆ มองไปทางบ้านหลังนั้น กวาดมองไปทางบ้านอีกหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ไม่ไกลกัน แล้วเก็บสายตากลับช้าๆ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร

จนกระทั่งเด็กน้อยที่วิ่งเข้าไปก่อนหน้านี้เดินออกมา ยืนอยู่ตรงประตูมองเฟิ่งจิ่ว รวมถึงเหล่าไป๋ที่เธอจูงไว้กับฉิวฉิวซึ่งนอนอยู่บนหลังม้าด้วยความสงสัย

ตอนนี้เอง บริเวณประตูบ้านที่แง้มอยู่ครึ่งหนึ่งมีสตรีอายุยังน้อยโผล่ออกมาสำรวจครึ่งตัว มองยังผู้มาใหม่ด้านนอก เอ่ยถามเสียงเบาว่า “แขกมาจากไหนกัน?”

เฟิ่งจิ่วที่ได้ยินเสียงเงยหน้ามองไป จึงเห็นสีหน้าที่ขาวซีดไร้สีเลือดของหญิงสาวสะท้อนสู่สายตา เพียงมองแวบเดียวจิตใจก็สั่นไหวเล็กน้อย เพียงรู้สึกว่าน่าเหลือเชื่อ…

……………………………………………

ตอนที่ 276 ไม่ปกตินัก!

เฟิ่งจิ่วกดความตกตะลึงในใจไว้ บนใบหน้าไม่เห็นอาการแปลกๆ แม้แต่น้อย กลับผุดรอยยิ้มออกมาแทน “พวกข้าผ่านทางมา ท้องฟ้ามืดพอดี เห็นตรงนี้มีบ้านคนจึงอยากเข้ามาขอค้างแรมสักคืน ไม่ทราบว่าจะสะดวกหรือไม่?”

หญิงสาวครุ่นคิด พินิจมองเฟิ่งจิ่วกับเหลิ่งซวงด้านนอก แล้วมองที่ม้าของพวกเขา ลังเลอยู่เล็กน้อย

“ท่านแม่ ท่านแม่ ให้พี่ชายคนสวยกับพี่สาวอยู่ไปเถอะขอรับ! หยางหยางชอบพี่ชายคนสวย”

เด็กชายตัวน้อยอายุสี่ห้าขวบดึงแขนเสื้อมารดาพลางเขย่าเบาๆ น้ำเสียงเดียงสาช่างอ่อนหวาน ในดวงตาที่ใสกระจ่างงดงามมีความหวัง อ้อนวอน และปรารถนา ทำให้คนเห็นแล้วไม่อาจปฏิเสธได้

หญิงสาวเห็นเช่นนี้ก็เผยท่าทางรักใคร่เอ็นดู ลูบศีรษะลูกชาย บอกกับเหลิ่งซวงและเฟิ่งจิ่วว่า “เชิญทั้งสองท่านเข้ามาเถิด บ้านข้าซอมซ่อ หากมีตรงไหนดูแลไม่ทั่วถึง หวังว่าจะไม่ถือสา”

นางเปิดประตูออก หันข้างทำท่ามือเชื้อเชิญ เพราะประตูเรือนเปิดออก เฟิ่งจิ่วกับเหลิ่งซวงจึงเห็นว่าบนโต๊ะกลางห้องมีเพียงตะเกียงน้ำมันที่ยังคงแสงสว่างไว้

“เช่นนี้คงต้องขอรบกวนด้วย”

เฟิ่งจิ่วประสานมือคารวะ ให้เหลิ่งซวงล่ามเหล่าไป๋กับม้าตัวนั้นไว้ด้านนอกแล้วถึงจะเข้าเรือนไป

ภายในแม้จะซอมซ่อ กลับเก็บกวาดได้เรียบร้อยมาก แต่อาจเพราะมีแสงแดดส่องเข้ามาน้อย ในบ้านจึงหนาวเย็นนิดหน่อย และยิ่งชัดเจนขึ้นเป็นพิเศษในตอนกลางคืน

“พี่ชาย ท่านอยากดื่มน้ำไหม?”

เด็กชายปีนขึ้นบนเก้าอี้มองที่เฟิ่งจิ่ว ชี้ยังกาน้ำบนโต๊ะพลางพูด “ในนี้มีน้ำอยู่ หยางหยางกระหายน้ำก็มีให้ดื่ม”

สายตาเฟิ่งจิ่วกำลังจับจ้องบนร่างหญิงสาวผู้นั้น เห็นว่าฝีเท้าแผ่วเบาเดินไปด้านหลัง ท่วงท่าอ่อนโยนย่างก้าวอ่อนช้อย สิ่งที่เผยออกมาจากกิริยาท่าทางคือการอบรมสั่งสอนที่ดี เพียงคิดก็รู้ได้ว่าต้องไม่ใช่หญิงชาวบ้านทั่วไป

แต่ในสถานที่เช่นนี้ ทำไมถึงมีคนแบบนี้อยู่ได้?

เธอดึงสายตากลับมา ตั้งมั่นดวงจิตมองเด็กชายตรงหน้าที่แม้กระปรี้กระเปร่า ทว่าใต้ตากลับดำคล้ำ ถอนใจอยู่ในใจเบาๆ และถามว่า “เจ้าชื่อหยางหยางรึ ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้ว?”

“ขอรับๆ ข้าชื่อหยางหยาง พี่ชาย วันนี้เป็นวันเกิดอายุครบสี่ขวบของหยางหยางแหละ! ท่านแม่กำลังต้มไข่ไก่แดงให้หยางหยางอยู่ด้านหลัง”

เด็กชายหมอบลงบนโต๊ะอมยิ้มมองเฟิ่งจิ่วผู้มีรูปโฉมหล่อเหลาในชุดสีแดง กล่าวอย่างมีชีวิตชีวาว่า “พี่ชายหน้าตางดงามจริงๆ หยางหยางยังไม่เคยเห็นใครที่งามกว่าท่านเลย”

“โอ้ ที่แท้วันนี้เป็นวันเกิดเจ้า”

เธอมองเด็กชายที่มีดวงตาเป็นประกายใบหน้าตื่นเต้นอย่างแปลกๆ คิดไปคิดมาก็ล้วงเอาไข่มุกราตรีที่เม็ดเล็กเท่าลูกองุ่นมายื่นให้เขา หัวเราะเบาๆ “นี่ให้เจ้าเป็นของขวัญวันเกิด”

“ว้าว! มุกเม็ดนี้สวยมาก ส่องแสงได้ด้วย”

เด็กชายมองไข่มุกเม็ดนั้นอย่างตกใจและยินดี ยื่นมือรับไว้แล้วไถลลงจากเก้าอี้วิ่งไปด้านหลังอย่างร่าเริง พลางตะโกนด้วยความดีใจ “ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านแม่ พี่ชายให้ไข่มุกที่ส่องแสงได้กับข้าด้วย”

เหลิ่งซวงยามนี้มายังข้างกายเฟิ่งจิ่ว มองไปทางด้านหลัง กดเสียงเบาพูดว่า “นายท่าน รู้สึกว่าที่นี่ไม่ค่อยปกตินัก จะพักที่นี่จริงๆ รึเจ้าคะ?”

ตรงนี้มีเพียงบ้านคนสองหลัง ทางฝั่งนั้นปิดประตูเปิดไฟไว้แต่กลับไม่เห็นเงาคนเลยสักนิด บ้านฝั่งนี้ก็มีเพียงเด็กน้อยที่ค่อยข้างปกติหน่อย ส่วนหญิงคนนั้นก็ดูผิดปกติ ยังมีชายเจ้าของบ้านที่ด้านในอีก ตั้งแต่พวกนางเข้ามาก็ไม่เห็นเลย ว่ากันตามเหตุผล สิ่งเหล่านี้ไม่สมเหตุสมผลนัก

แววตาเฟิ่งจิ่วไหววูบเบาๆ มองทางผ้าม่านด้านหลังแล้วบอกว่า “ไม่ปกติเท่าไหร่ แต่ว่าเด็กคนนั้นปกติมาก ที่ผิดปกติมีแค่พวกผู้ใหญ่เท่านั้น”

……………………