ตอนที่ 141 ศัตรูที่แฝงอยู่

แม่ครัวยอดเซียน

หยวนเทียนรู้สึกว่าร่างกายของเขาไม่ไหวอีกต่อไป คิดไม่ถึงว่าพลังบำเพ็ญเพียรของตัวเองจะเป็นเพียงแค่เปลือกที่ว่างเปล่า น่าเจ็บใจนัก ไม่สามารถแก้แค้นแทนน้องรองกับน้องสามได้ หยวนเทียนปิดเปลือกตาลงอย่างหมดหวัง ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงคนมาช่วย เป็นใครกันนะ

“เจ้าหนุ่ม ดูไม่ออกเลยเลยล่ะสิ เจ้าก็เป็นอสูรเทพล่ะสิ บนตัวเจ้าอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของอสูรเทพ คราวนี้ข้ากลับไปเอาความดีความชอบจากนายท่านได้เสียที”

“อสูรเทพหรือ? เจ้าหมายถึงข้าหรือ ขอโทษด้วย ข้าไม่ใช่อสูรเทพ” หลิวหลีชี้ไปที่ตัวเอง เห็นทีต้องจัดการกับพลานุภาพของมันสักหน่อยแล้ว

ณ โลกอสูรเทพ เหล่าห้าสกุลใหญ่ต่างเกิดเหตุการณ์ที่ลูกศิษย์ที่ออกท่องโลกนั้นดวงจิตแตกซ่าน หรือว่านี่คือสิ่งที่ต้องแลกเมื่อออกท่องโลกคนเดียว?

“ไม่ต้องมาหลอกข้า บนตัวเจ้ามีกลิ่นอายอสูรเทพอบอวลขนาดนี้ เจ้าจะเป็นมนุษย์ได้อย่างไรกัน” คนเป็นหัวหน้าไม่เชื่อแม้แต่น้อย

“ข้าไม่มีแรงมาเถียงกับเจ้า ถ้ายังพอมีสมองอยู่บ้างไปให้พ้นหน้าข้า มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน” หลิวหลีสัมผัสได้ว่าลมหายใจของหยวนเทียนแผ่วเบาลงไปเรื่อยๆ

ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด มือขวาของหัวหน้าถูกพวกหงหลิน ฮัวจิงเฟยที่ได้สติและลู่เฉียงที่ตามมาจนทันรั้งเอาไว้ หลิวหลีสู้กับคนเป็นหัวหน้าจนฟ้ามืด ในขณะที่ฮัวจิงเฟยสู้ไปพลางสังเกตหลิวหลีไปพร้อมกัน ความแตกต่างระหว่างตัวเขากับนางมีมากขึ้นเรื่อยๆ นางไปถึงจุดที่เขาไม่กล้าจะจินตนาการแล้ว หลิวหลีจากสกุลหลงช่างกดดันคนอื่นจริงๆ

เดิมหัวหน้าลิงโลดเอาการทีเดียว แต่ยิ่งสู้ก็ยิ่งรู้สึกถึงความผิดปกติ คนผู้นี้อายุไม่มากแต่ทำไมกลับมีพลังวิญญาณที่มากมายเช่นนี้ อีกทั้งยังไม่มีจุดอ่อนเลยแม้แต่น้อย

“เจ้าหนุ่ม เจ้าเก่งมากจริงๆ เจ้าบังคับให้ข้าต้องใช้ท่าไม้ตายเองนะ” หัวหน้าขมวดคิ้วมองหลิวหลีอย่างเสียดาย การจัดอันดับรายชื่อผู้ถูกเลือกกำลังจะเริ่มต้นขึ้น เด็กนี่ต้องมีรายชื่ออยู่ในนั้นแน่ น่าเสียดาย วันนี้ต้องกลายเป็นศพอยู่ที่นี่แล้ว

“อย่างนี้เอง ดูหน่อยสิว่าท่าไม้ตายของเจ้าคืออะไร” สีหน้าหลิวหลีราบเรียบ ไม่ได้มีความกลัวแม้แต่น้อย

คนเป็นหัวหน้าจึงเอาแผ่นกระดานค่ายกลออกมา ยังไม่ได้ลงมือ หลิวหลีก็โยนลูกบอลสีสดลูกหนึ่งออกไป เสียงระเบิดดังขึ้น หัวหน้าของพวกเขาถูกระเบิดจนกลายเป็นผุยผง หลิวหลีจับประสาทเซียนและปราณก่อนกำเนิดเอาไว้ได้

“ถึงแม้ข้าจะอยากรู้มากว่าท่าไม้ตายของเจ้าคืออะไร แต่ข้าไม่มีเวลา อีกอย่าง มีแต่เจ้าคนเดียวหรืออย่างไรที่มีท่าไม้ตาย” เมื่อเสียงของหลิวหลีจบลง หัวหน้าก็กลายเป็นเพียงเถ้าธุลี เสียเวลา ก็แค่นี้ยังจะทำกร่างอีก

เมื่อคนที่เหลือเห็นหัวหน้าตัวเองโดนจัดการอย่างง่ายดายแล้ว ต่างอยากหนี ไปให้พ้น หลิวหลีใช้กำแพงไฟล้อมพวกเขาทุกคนไว้ ใช้เพลิงอัคคีเผาพวกเขาจนเป็นเถ้าธุลี

“เจ้าคือหลิวหลีสกุลหลงนี่” มีคนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นเมื่อจำหลิวหลีได้

“รู้ว่าข้าคือหลงหลิวหลีแล้วยังจะกล้าล่วงเกินข้าอีก บอกให้พวกเจ้าหยุดท้าทายข้า ไม่รู้หรือว่าวันที่ข้าใช้เหตุผลมันมีไม่มาก” เมื่อเสียงของหลิวหลีจบลง ทุกคนถูกเผาเป็นผุยผง ไม่ตายดี

หลิวหลีไม่เหลือบแลไปทางพวกลู่เฉียงแม้แต่น้อย รีบเดินไปหาจิ้งจอกตัวนั้น ทำไมถึงได้บาดเจ็บหนักขนาดนี้ ถึงกระทั่งรักษาร่างมนุษย์ไม่ได้ ยาศักดิ์สิทธิ์ระดับ 7 ดูเหมือนจะช่วยอะไรไม่ได้ ดูแล้วนางคงต้องหาสถานที่ปรุงยาระดับ 8

“ท่านหยวนเทียน เป็นอย่างไรบ้าง ข้าหลิวหลี ท่านจำข้าได้หรือไม่” หลิวหลีป้อนยาศักดิ์สิทธิ์ระดับ 7 ให้กับจิ้งจอกหยวนเทียน ลู่เฉียงที่ยืนมองข้างๆ อิจฉาอย่างมาก คิดไม่ถึงว่ายาที่ให้จะเป็นถึงยาศักดิ์สิทธิ์ระดับ 7

“นั่นนังหนูคนนั้นนี่ นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะโตมาอยู่ในจุดที่ข้าต้องนับถือเจ้า ขอบคุณที่เจ้าช่วยเหลือข้า” กระทั่งหยวนเทียนพูดยังรู้สึกอิดโรย

“ไม่ต้องกลัว ข้าช่วยเจ้าเอง แต่ทำไมคนกลุ่มนั้นจึงต้องตามฆ่าเจ้า”

“หลิวหลี เจ้ารู้จักคนจากบ้านอสูรเทพทั้ง 5 สกุลหรือไม่” หยวนเทียนร้อนรน

“เจ้าพูดมา ข้าฟังอยู่”

“เจ้าเป็นคนจากห้าสกุลใหญ่หรือ” หยวนเทียนไม่เชื่อเล็กน้อย

“หลิวหลีจากสกุลหลง ส่วนรูปปั้นข้างๆ ก็คือฮัวจิงเฟยจากสกุลฮัว” หลิวหลีกล่าวพลางชี้ฮัวจิงเฟยที่มัวแต่ยืนจ้องหงหลิน

ลู่เฉียงเพิ่งจะรู้ว่าเด็กหนุ่มที่สมองมีปัญหาคนนี้คือนายน้อยจิงเฟยจากสกุลฮัว หากไม่บอกเองคงดูไม่ออกจริงๆว่ามาจากสกุลไหน

“หลิวหลี รีบบอกคนจากห้าสกุลใหญ่ พวกเขาตามไล่ฆ่าคนทั้งห้าสกุล และอสูรเทพที่แยกตัวออกมาฝึกบำเพ็ญ เพื่อชิงเอาดวงจิตอสูรของพวกเขาไป ไม่รู้ว่าเอาไปทำอะไร น้องรองกับน้องสามของข้าก็โดนพวกมันทำร้ายเช่นกัน” หยวนเทียนเอ่ยอย่างทั้งร้อนใจทั้งเสียใจ

“เป็นใครกันแน่ ถึงขนาดไม่กลัวสกุลใหญ่ทั้ง 5 เจ้ารอข้าก่อน” สีหน้าหลิวหลีไม่สู้ดีนัก คนผู้นี้ต้องการดวงจิตอสูรมากขนาดนี้ จะต้องมีแผนการใหญ่แน่นอน

ณ โลกอสูรเทพ หลงเหวินเซวียนตั้งใจจะไปปรึกษาอีก 4 สกุลที่เหลือ หารือเรื่องที่ว่าเหตุใดช่วงนี้จึงมีป้ายวิญญาณของลูกศิษย์ที่ออกไปท่องโลกจึงแตกดับเป็นจำนวนมาก ไม่นานก็ได้ยินเสียงหลิวหลี

“ท่านตา รีบเรียกลูกศิษย์ที่อยู่ด้านนอกกลับมาสกุลเถอะ โลกภายนอกมีคนตามล่าศิษย์จากห้าสกุลเพื่อเก็บดวงจิตอสูรของคู่พันธสัญญาพวกเขา”

หลังจากได้ยินเสียงหลิวหลี สีหน้าหลงเหวินเซวียนแข็งค้าง หากสิ่งที่นังหนูพูดเป็นจริงล่ะก็

“เจ้าใหญ่ รีบแจ้งศิษย์ที่ตอนนี้อยู่ด้านนอกให้กลับมาที่สกุลให้เร็วที่สุด เจ้าสามไปเชิญหัวหน้าของอีก 4 สกุลมา ข้ามีเรื่องสำคัญจะพูดอีกอย่างให้พวกเขาเรียกศิษย์ที่อยู่ด้านนอกกลับมาทุกคน เร็วล่ะ” หลงเหวินเซวียนกำชับ

หลงเหวินเซวียนกลับมาที่ตำหนักหลัก ใช้นิ้วเคาะลงที่โต๊ะ หากว่าสิ่งที่หลิวหลีพูดเป็นเรื่องจริง ใครกันแน่ที่ทำกับห้าสกุลใหญ่เช่นนี้

“ท่านพ่อ หัวหน้าของทั้ง 4 สกุลมาถึงแล้วขอรับ” หลงจิ่งอู๋กล่าว

“พี่เหวินเซวียน รีบเรียกพวกเรามาขนาดนี้ แล้วยังให้เราเรียกศิษย์ที่อยู่ข้างนอกกลับมา เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”  เสียงหลินต้าหมิงลอยเข้ามาก่อนตัวเสียอีก

“ทุกท่าน เกิดเรื่องใหญ่แล้ว” หลงเหวินเซวียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด จนสี่คนที่เหลือต่างรู้สึกได้ถึงความผิดปกติทั้งที่เพิ่งจะนั่งลง

“เกิดอะไรขึ้น พี่เหวินเซวียน อย่าอ้อมค้อมเลย” ฮัวเชียนหนิวกล่าว

“หลิวหลีเพิ่งจะส่งเสียงบอกข้า ข้างนอกมีใครก็ไม่รู้กำลังตามล่าลูกศิษย์ของทั้งห้าสกุลใหญ่ เพื่อเก็บดวงจิตอสูรของคู่พันธสัญญาพวกเขา แปลว่าป้ายวิญญาณของศิษย์ที่แตกสลายไปไม่ใช่เรื่องบังเอิญ คงเพราะถูกคนวางแผนฆ่า” หลงเหวินเซวียนถ่ายทอดคำพูดของหลิวหลี

“เป็นใครกันแน่ เหตุใดจึงต้องการดวงจิตอสูรของคู่พันธสัญญาพวกเรา” จ้านเฟิงอวี้กัดฟันพูด พวกเขาถึงกับทำร้ายศิษย์ของทั้งห้าสกุล

“ไม่รู้เลย” หลงเหวินเซวียนพูดพลางส่ายศีรษะ

ในอีกด้านหนึ่ง หลิวหลีอุ้มหยวนเทียนขึ้นมา

“ลู่เฉียง ข้าสัญญาว่าจะปรุงยาโสมหิมะให้กับเจ้า แต่ต้องรอสักครู่ ข้าจำต้องช่วยหยวนเทียนก่อน” หลิวหลีสัมผัสได้ถึงความจริงใจของลู่เฉียงเมื่อครู่

“ขอบคุณผู้อาวุโสหลงมาก” ลู่เฉียเอ่ยอย่างซาบซึ้ง

“อืม เจ้ากับลูกน้องของเจ้ากินยาศักดิ์สิทธิ์พวกนี้เสีย ฮัวจิงเฟยตามข้ามา ในสถานการณ์แบบนี้ ข้าไม่วางใจให้เจ้าไปคนเดียว” อย่างไรเสียก็มาจากที่เดียวกั

“ได้” ฮัวจิงเฟยผิดหวังเล็กน้อย กว่าจะเจอผู้หญิงที่ถูกใจยากลำบากนัก คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเป็นอสูรภูติ ฮัวจิงเฟยรู้สึกว่าตนเองช่างโชคร้ายเหลือเกิน

“ผู้อาวุโสหยวนเทียน ข้าจะพาท่านกลับเมืองต้าเยี่ย ข้ากำลังจะเป็นนักปรุงยาระดับ 8 พอดี สามารถลองดูได้ ส่วนพวกเจ้า ข้าขอสั่งให้พวกเจ้ากล่าวคำสาบาน ว่าจะไม่แพร่งพรายสิ่งที่จะได้เห็นหลังจากนี้โดยเด็ดขาด” หลิวหลีเอ่ยอย่างขึงขัง

“ขอรับผู้อาวุโสหลง เมืองฉีคังเองก็ห่างจากเมืองต้าเยี่ยไม่เท่าไหร่พอดี” ลู่เฉียงรู้สึกว่าตัวเองน่าจะได้รู้เรื่องน่าเหลือเชื่อแน่ แต่ก็เข้าใจว่านี่คือความลับของผู้อาวุโสหลง

“ข้าสาบานได้ขอรับ” ฮัวจิงเฟยเห็นหลิวหลีมองตนจึงรู้กล่าวสาบานอย่างรู้ตัว

“หงหลินพาพวกเขาไป” หลิวหลีพูดจบก็เดินไปก่อน หงหลินรับคำสั่งนำพวกตัวถ่วงทั้งหลายตามอีกฝ่ายไป

“หงหลิน เจ้าเป็นอสูรภูติหรือ” ฮัวจิงเฟยยังคงไม่เชื่อความจริงข้อนี้

“ใช่แล้ว เพิ่งเปลี่ยนร่างได้”

“เหตุใดเจ้าจึงใช้รูปลักษณ์นี้” ฮัวจิงเฟยงุนงง

“เพราะข้าชอบรูปลักษณ์นี้ที่สุด” หงหลินพูดอย่างเปิดเผย

ฮัวจิงเฟยไม่พูดไม่จา หลิวหลีมาถึงสถานที่ซึ่งเรียกเป็นเขตต้องห้ามอย่างรวดเร็ว แล้วเข้าป่าจากอีกทางหนึ่ง

ภายในเขตต้องห้ามไม่ต่างจากที่ผ่านมา ยังคงมีอสูรภูติอาศัยอยู่ เมื่อเห็นหลิวหลีเข้ามาก็เริ่มระวังตัว แต่เมื่อสังเกตเห็นหยวนเทียนในอ้อมแขนหลิวหลีแล้วนั้น…

“ใต้เท้าหยวนเทียน เพราะเหตุใดจึงอยู่ในสภาพเช่นนี้” มีอสูรภูติจำหยวนเทียนในอ้อมแขนหลิวหลีได้

“อย่าเพิ่งพูดเรื่องพวกนี้เลย ข้าจำเป็นต้องหาที่เงียบๆ เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บให้ผู้อาวุโสหยวนเทียน เรื่องจากนี้รอให้ท่านหยวนเทียนฟื้นแล้วค่อยว่ากัน” หลิวหลีกล่าว

“เจ้าคือ…”

“จริงสิ ไม่ได้เจอกันหลายปี ข้าหลิวหลี หลิวหลีที่เคยพิชิตเพลิงวิญญาณไม้อย่างไร” หลิวหลีแนะนำตัว

บรรดาอสูรภูตินึกขึ้นได้ว่ารูโหว่ตรงเขตต้องห้ามก็เป็นฝีมือนังหนูคนนี้

“ไปที่ถ้ำของใต้เท้าหยวนเทียนแล้วกัน”

“ใช่แล้ว คนพวกนี้สาบานแล้วว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป พวกเจ้าพาพวกเขาไปหาที่รอก่อน” หลิวหลีจัดการกับพวกฮัวจิงเฟย ส่วนหงหลินนั้นเขาให้อยู่ต่อ

“หงหลิน เจ้ายังไม่ได้ผูกพันธสัญญากับหลิวหลี ทำไมต้องคอยตามนาง” ฮัวจิงเฟยถามต่ออย่างอดไม่ได้

“เรื่องนี้ก็เพราะท่านพี่เป็นคนดี แล้วข้าก็อยากออกไปดูโลกด้วยพอดี” หงหลินไม่ได้บอกเรื่องที่นายท่านผู้เลี้ยงนางมาจนโตต้องการให้นางติดตามหลิวหลี

“เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าคู่พันธสัญญาของหลิวหลีคือใคร” ฮัวจิงเฟยถามต่อ

“รู้สิ ท่านลุงเอ๋าเลี่ยอย่างไร”

ฮัวจิงเฟยเหมือนเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ เขาใจเต้นระรัวอย่างไม่เคยเป็น เฮ้อ ตั้งใจบำเพ็ญเพียรแล้วกัน บำเพ็ญเพียรเป็นหนทางที่เดียวดาย เขาแต่งกับการบำเพ็ญเพียรดีกว่า

หลิวหลีวางหยวนเทียนลง ค่อยๆใช้พลังเซียนหล่อเลี้ยงร่างกายของหยวนเทียนก่อน เส้นลมปราณในร่างกายถูกทำลายอย่างหนัก อวัยวะภายในร่างกายบาดเจ็บหลายระดับ ศัตรูในที่มืดคนนี้เป็นใครกันแน่ เหตุใดจึงต้องการดวงจิตอสูรของอสูรเทพ อีกฝั่งคิดจะทำอะไรกันแน่

 …………………………….