เล่มที่ 6 บทที่ 151 ซุบซิบนินทา

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

หลินเมิ้งหยาขยับปากเป็นรูปตัว “O” มองดูป๋ายซูที่กำลังเปลี่ยนรูปร่างของแท่งเหล็กกลับเป็นแหวนอีกครั้ง ก่อนจะสวมกลับลงบนนิ้ว

  “คือว่า…ข้าเองก็เรียนมานิดหน่อยอย่างไม่ตั้งใจเจ้าค่ะ”

  ป๋ายซูหยักยิ้มถ่อมตัว เมื่อถูกสายตาเลื่อมใสของหลินเมิ้งหยาจ้องมอง นางจึงรู้สึกเคอะเขินเล็กน้อย

  “สอนข้าหน่อยได้หรือไม่? ”

  แม้จะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนายหญิงซึ่งเป็นสตรีชนชั้นสูงต้องการเรียนวิชาสะเดาะกลอน

  แต่นี่ไม่น่าใช่เวลาพูดเรื่องนี้นี่นา

  “นายหญิง…เรื่องนี้ค่อยว่ากันทีหลังเถิดเจ้าค่ะ”

  เมื่อถูกป๋ายซูส่งสายตาเตือน หลินเมิ้งหยาจึงนึกขึ้นมาได้ว่านี่หาใช่เรื่องที่ต้องทำในเวลานี้ไม่

  เปิดประตูห้องออก หลินเมิ้งหยากับป๋ายซูลอบเดินเข้าไปภายใน

  ยืมแสงจันทร์จากทางด้านนอกในการมอง หลินเมิ้งหยามองดูชายที่นอนอยู่บนเตียงอย่างละเอียด

  เหตุใดจึงเป็นเขา?

  งานเลี้ยงดำเนินไปกว่าครึ่งทาง ไท่จื่อกับชายารองตู๋กูส่งยิ้มทักทายแขกเหรื่อในงาน

  หญิงสาวสวมใส่ชุดเสมือนนางกำนัลวิ่งเข้าไปในงานด้วยท่าทางตื่นตระหนก

  “แย่แล้ว แย่แล้ว ไท่จื่อเพคะ พระชายารอง เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแล้วเพคะ”

  ทันทีที่ได้เห็นนางกำนัลร้องเอะอะโวยวาย ดวงตาของไท่จื่อกับชายารองตู๋กูพลันเปล่งประกาย ราวกับกำลังรอดูอะไรสนุก ๆ

  “บังอาจ ไท่จื่อประทับอยู่ที่นี่ เหตุใดจึงร้องโหวกเหวกโวยวายเช่นนี้”

  ชายารองตู๋กูผู้เป็นนายหญิงของจวนรีบลุกขึ้นว่ากล่าวนางกำนัลคนนั้น

  “พระชายารองได้โปรดลงโทษหม่อมฉันด้วย หนู่ปี้เพียงแค่ร้อนใจเพคะ พระชายารองได้โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วย”

  นางกำนัลที่ถูกตวาดร่างกายสั่นเทิ้มเพราะความหวาดกลัว หดตัวคุกเข่าอยู่กลางห้องโถง เม้มปากแน่น ไม่กล้าส่งเสียงใด ๆ อีก

  “เหนียงเหนียงอย่ากริ้วเลยเพคะ หนู่ปี้คิดว่านางจะต้องมีเรื่องสำคัญต้องการพูดอย่างแน่นอน เข้ามา เจ้าจงมาที่นี่”

  นางในคนสนิทของชายารองตู๋กูเรียกนางกำนัลผู้นั้นเข้ามา

  นางกำนัลหน้าแดงก่ำ กระซิบข้างหูนางในคนสนิทเบา ๆ

  “เจ้าพูดเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ? อย่าพูดจาไร้สาระ นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตายเชียวนะ”

  นางกำนัลพยักหน้าลงสุดชีวิต ดวงตาเผยให้เห็นความกระวนกระวาย

  นางในครุ่นคิด ก่อนจะกระซิบข้างหูชายารองตู๋กู

  “เกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร? ไท่จื่อเพคะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นในงานเลี้ยง พระองค์ได้โปรดลงโทษหม่อมฉันด้วย”

  ชายารองตู๋กูคุกเข่าลง ชำเลืองมองไท่จื่อด้วยท่าทางหวาดกลัวระคนกระวนกระวาย

  ไท่จื่อที่รู้อยู่ก่อนแล้วจึงแสดงท่าทางชะงักงัน พยุงร่างชายารองของตนเองขึ้น ก่อนจะแสร้งเอ่ยถามต้นสายปลายเหตุ

  “เป็นอะไรไป? เกิดเรื่องอะไรขึ้นกระนั้นหรือ?”

  ชายารองตู๋กูร่ำไห้ ส่งเสียงอ่อน

  “เป็นความผิดของเฉินเซี่ยเอง ไท่จื่อได้โปรดเห็นแก่หน้าหม่อมฉันและอย่าได้โทษท่านอ๋องกับองค์หญิงเลยนะเพคะ”

  ไท่จื่อถลึงตาโต หูที่กำลังเงี่ยฟังของคนในงานเปิดกว้างเพื่อรอรับฟังข่าวสาร

  กวาดสายตามองหาหลงเทียนอวี้ นอกจากเขาแล้ว ในงานเลี้ยงแห่งนี้ไม่มีองค์ชายคนอื่นอีก

  องค์หญิงหมิงเยว่เองไม่อยู่ที่นี่ หรือว่าทั้งสองคนนั้น……..

  “บังอาจนัก เห็นจวนของข้าเป็นอะไร? ”

  ตบโต๊ะเสียงดัง เสียงของงานเลี้ยงที่เคยดังครึกครื้นพลันเงียบกริบ

  ไท่จื่อโกรธเกรี้ยว เดินนำชายารองตู๋กูและคนกลุ่มใหญ่ไปทางห้องที่อยู่ด้านหลังสวน

  ยังไม่ทันจะเข้าไปถึง เสียงกระเส่าของหญิงสาวพลันดังลอดออกมา

  ใบหน้าของไท่จื่อแข็งทื่อ ส่งสัญญาณผ่านทางสายตาให้ชายารองตู๋กู ก่อนจะพยายามปกปิดแววตาสาแก่ใจของตนเอง

  “ท่านอ๋อง องค์หญิง ไท่จื่อเสด็จ ได้โปรดเปิดประตูด้วย”

  ขันทีเดินเข้าไปเคาะประตูด้วยความว่องไว

  แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเสียงร้องภายในห้องจะยิ่งดังมากขึ้น

  “เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าพวกเจ้าไม่รู้จักคำว่าอายอย่างนั้นหรือ?”

  ริมฝีปากของไท่จื่อหยักยิ้มเย็นชา

  ออกแรงเปิดประตูห้องรับแขก แสงไฟจากโคมของนางกำนัลสาดส่องไปทั่วทั้งห้อง

  สิ่งที่ได้เห็นคือพื้น โต๊ะ เก้าอี้ อยู่ผิดที่ผิดทาง

  แม้ผ้าม่านรอบเตียงจะไม่ถูกเปิดออก ทว่าแรงสั่นสะเทือนของเตียงกลับทำให้คนอื่นคิดไปไกล

  ดังนั้น ใบหน้าของเหล่าคุณหนูทั้งหลายจึงแดงก่ำ ก่อนจะถอนตัวออกไป

  ดวงตาของคนที่เคยมีประสบการณ์มาก่อนเปล่งประกายเพราะคิดว่ากำลังจะได้เห็นอะไรสนุก ๆ พวกเขารอให้ไท่จื่อเปิดผ้าคลุมรอบบเตียงออกอย่างใจจดใจจ่อ

  หลังจากเสียงร้องเสมือนโบยบินขึ้นสู่จุดสุดยอดสำเร็จของหญิงสาวดังขึ้น เสียงหอบหายใจถี่ ๆ ของฝ่ายชายและฝ่ายหญิงพลันทำให้คนอื่นหัวใจเต้นระรัว

  ชายารองตู๋กูลากผ้าม่านรอบเตียงออก เพื่อดูหน้าฝ่ายชายและฝ่ายหญิงไร้ยางอาย

  ทว่า หลังจากได้เห็นใบหน้าของฝ่ายหญิงแล้ว นางอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา

  “เหตุใดจึงเป็นเจ้า?”

  รีบปิดผ้าอีกครั้ง สีหน้าของชายารองตู๋กูเผยความโกรธเกรี้ยว

  ไท่จื่อยังไม่รู้ว่าสถานการณ์พลิกผันแล้ว เขานึกว่าชายารองตู๋กูกำลังแสดงละคร

  “เอาล่ะ เจ้าอย่าได้ช่วยพวกเขาปิดบังความผิดเลย น้องสาม ข้าเคยบอกแล้วว่าหากเจ้าชอบ ข้าสามารถทูลขออนุญาตจากเสด็จแม่เพื่ออนุญาตให้เจ้าอภิเษกได้ เฮ้อ เหตุใดเจ้าจึงต้องทำเช่นนี้ที่นี่ด้วย?”

  ไท่จื่อทุบหน้าอกของตนเอง ราวกับกำลังหาวิธีแก้ปัญหากับเรื่องน่าอับอายของราชวงศ์และฮ่องเต้หมิง

  ทว่า เขามองไม่เห็นสายตาของชายารองตู๋กูที่พยายามจะส่งสัญญาณให้เขาเลยแม้แต่น้อย

  “ไท่จื่อเพคะ ท่านอ๋องเพียงแต่มึนเมาเล็กน้อย เกรงว่าจะมิมีอะไรเกี่ยวข้องกับองค์หญิงหมิงเยว่นะเพคะ”

  ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า เสียงหวานใสเสียงหนึ่งจะดังขึ้น

  ชายาอวี้หลินเมิ้งหยาเดินตามหลังสาวใช้ที่กำลังถือโคมเล็กส่องทางเข้ามา

  ไท่จื่อถอนหายใจ ขณะที่กำลังจะบอกให้หลินเมิ้งหยาอธิบาย ทว่า เขากลับได้เห็นคนที่เดินตามหลังนางมาเสียก่อน

  ดวงตาเบิกกว้างขึ้น

  ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็ง

  ทว่า เมื่ออยู่ข้างกายหญิงสาวที่กำลังส่งยิ้มอ่อนโยนเล็กน้อยตรงหน้า พวกเขาทั้งคู่เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก

  สถานการณ์พลิกผัน ทุกคนต่างคาดไม่ถึง ชายที่น่าจะส่งเสียงร้องกระเส่าอยู่ในกระโจม แต่กลับเดินเข้ามาจากทางด้านนอก อีกทั้งเสื้อผ้ายังถูกใส่อย่างเรียบร้อย

  “มิใช่ว่าเจ้า…”

  ไท่จื่อพึมพำ แผนการทำให้หลงเทียนอวี้กับองค์หญิงหมิงเยว่แสดงฉากเสพกระสันต่อหน้าทุกคนของเขาพังทลายลงต่อหน้าต่อตา

  หากเป็นไปตามแผน แม้หลงเทียนอวี้จะไม่ยินยอม แต่ก็มิอาจปฏิเสธได้อีก

  ทว่า หลงเทียนอวี้กลับหยุดยืนอยู่ตรงหน้า เช่นนั้น คนที่อยู่หลังผ้าม่านเป็นใคร?

  “ไอหยา นี่คือหงส์คู่ของฮูหยินอันแห่งจวนไท่จื่อมิใช่หรือ?”

  อยู่ ๆ หลินเมิ้งหยาก็ร้องขึ้น ก่อนจะหยิบหยกขาวชิ้นหนึ่งขึ้นมาจากพื้นที่มีของวางระเกะระกะ

  เพียงได้เห็นหยกหงส์คู่ สีหน้าของไท่จื่อพลันแข็งทื่อ

  เขาจำได้ นี่คือของที่เขามอบให้ฮูหยินอันในวันที่นางเข้ามาถวายงานในจวน

  หรือว่า คนที่อยู่บนเตียงก็คือ…

  “ตามที่ข้ารู้ พระชายากับฮูหยินอันมิเคยรู้จักกัน เหตุใดพระชายาจึงรู้ได้ว่าหยกหงส์คู่ชิ้นนี้เป็นของฮูหยินอันอย่างนั้นหรือ? ”

  ชายารองตู๋กูรู้ดีว่า หากทุกคนที่นี่ได้เห็นว่าคนหลังผ้าม่านเป็นใคร มันมิต่างอะไรจากการฉีกหน้าตัวเอง

  นางกัดฟัน หาข้ออ้าง

  แต่ใครจะรู้ว่าหลินเมิ้งหยาจะใช้มือทัดผมพลางส่งเสียงเรียบ

  “สาวใช้ของหม่อมฉันเข้าไปในครัวเพื่อหยิบขนมยู่ลู่เกิงมาให้ แต่นางไม่ทันระวังจึงชนเข้าใครบางคน ตอนที่หม่อมฉันตามไปเจอ หญิงคนนั้นอ้างว่าตนเองคือฮูหยินอันแห่งจวนไท่จื่อ ตอนแรกหม่อมฉันไม่เชื่อ ทว่าฮูหยินอันกลับนำยหกชิ้นนี้ออกมายืนยัน เพียงได้เห็น หม่อมฉันรู้ได้ทันทีว่าหยกชิ้นนี้เป็นของมีราคา ใช่ว่าคนธรรมดาทั่วไปจะมีได้ ดังนั้น หม่อมฉันจึงจำลักษณะของหยกชิ้นนี้ได้เพคะ”

  คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้สีหน้าของไท่จื่อและชายารองตู๋กูเปลี่ยนไป

  เสียงซุบซบนินทาเริ่มดังขึ้น

  “กรี๊ด…ทำไมเป็นเจ้า! ข้าคือฮูหยินอันของไท่จื่อ เหตุใดคนต่ำช้าเช่นเจ้าจึงทำเช่นนี้กับข้า!”

  เป็นเรื่องบังเอิญที่น่าตลก หลินเมิ้งหยาอดที่จะชื่นชมทักษะในการแสดงของฮูหยินอันไม่ได้

  ในความเป็นจริง ฮูหยินอันคิดว่าคนที่มีความสัมพันธ์เล่าร้อนกับนางคือไท่จื่อ

  เมื่อยาหมดฤทธิ์ นางจึงได้เห็นว่าชายที่นอนอยู่ข้างกายตนเองเป็นเพียงยามเฝ้าประตูจวนเท่านั้น

  เป็นเพียงจิ้งจอกแต่กลับแอบใช้บารมีของเสือ ฮูหยินอันลืมไปแล้วว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น

  “นังแพศยา”

  ไท่จื่อกัดฟัน ดึงดาบออกจากเอวขององครักษ์ข้างกาย

  สาวเท้าเข้าไปที่เตียงหลังผ้าม่าน ผลักชายารองตู๋กูจนล้มไปที่อีกฝั่ง พุ่งตัวเข้าไป ก่อนที่เสียงร้องสองเสียงจะดังขึ้น

  โลหิตสีแดงฉานรินไหลลงจากเตียง

  สีหน้าทุกคนเคร่งขรึม ไท่จื่อกลายเป็นตัวตลกต่อหน้าผู้อื่นเป็นครั้งที่สอง

  หลงเทียนอวี้ยกแขนขึ้นกำบังหลินเมิ้งหยา

  ทว่า นางกลับส่ายหน้า ก่อนจะดันการป้องกันของเขาออก

  นางเป็นหมอ ดังนั้นจึงไม่เคยกลัวเลือด

  ตอนนี้นางกำลังชื่นชมความน่าอดสูของไท่จื่อ ดังนั้นจึงไม่มีแม้แต่เวลากลัว

  โกรธ? อับอาย? สงสัย? เรื่องพวกนี้ไม่สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแก้แค้นของนางเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น

  “ไท่จื่อ หม่อมฉัน..”

  ชายารองตู๋กูรีบพุ่งเข้าไปเพื่อต้องการอธิบาย ทว่า สายตาอาฆาตมาดร้ายของไท่จื่อกลับทำให้นางตื่นตระหนก

  โลหิตสีแดงไหลจรดปลายดาบแล้วหยดลงบนพื้น

  สีหน้าของไท่จื่อแฝงไว้ซึ่งความโหดเหี้ยมอำมหิต

  หากมิใช่เพราะคนที่อยู่ตรงนี้ล้วนเป็นคุณชายคุณหนู เขาคงฆ่าให้ตายจนหมดสิ้น

  ด้านหลังผ้าม่านควรจะเป็นหลงเทียนอวี้และหมิงเยว่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะกลายเป็นคนสนิทของเขากับยามเฝ้าหน้าประตู

  อีกทั้ง เขายังเป็นผู้นำทุกคนมาดูละครฉากนี้เองกับมือ แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไร

  สายตาเย็นชา พยายามปกปิดความโกรธของตนเอง

  ทว่า เขาหันไปสบตากับดวงตาสีดำคู่หนึ่ง

  หรือว่าหลินเมิ้งหยาจะเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมดนี้?

  ไท่จื่อครุ่นคิด ก่อนจะปฏิเสธความคิดของตนเอง

  เป็นไปไม่ได้ หลินเมิ้งหยาไม่รู้จักคนในจวนของเขา แม้นางอยากจะแก้แค้นเขา แต่ก็ไม่มีทางทำเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน

  อย่างน้อย คนที่ทำเรื่องพวกนี้จะต้องเป็นคนที่คุ้นเคยกับตนในจวนของเขาเป็นอย่างดี

  สายตาฉงน หันมองทางหลงเทียนอวี้และกลุ่มคนเหล่านั้น กวาดสายตามองทุกคน สุดท้ายจับจ้องที่ชายารองตู๋กูที่กำลังส่งเสียงร้องไห้

  ครุ่นคิด บางทีท่าทางตื่นตระหนกของนางเมื่อครู่ อาจเพราะได้เห็นว่าเป็นฮูหยินอันใช่หรือไม่?

  หากนางเป็นคนทำ แล้วเหตุใดนางจึงต้องปิดบังใบหน้าของฮูหยินอัน?

  ตกลงใครทำเรื่องนี้กันแน่

  “เข้ามา นำศพเจ้าพวกไร้ยางอายสองคนนี้ออกไปทิ้งให้หมากิน”