ตอนที่ 175 ให้น้าไช่เป็นแม่สื่อ

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 175 ให้น้าไช่เป็นแม่สื่อ

คนงานจากสวนทั้ง 2 ที่ได้แก่ ซูจิ้นจวิน สวี่อ้ายตั๋ง จี้เจี้ยนชวน สวี่เจี้ยนกั๋ว และหยางอ้ายเซินต่างช่วยกันเตรียมดินอย่างขันแข็ง

โดยเฉพาะซูจิ้นจวินที่ไม่กล้าอู้งานแม้แต่นิด ถึงจี้เจี้ยนอวิ๋นจะดีกับเขามากแต่ก็ยังทำให้เกรงกลัวอยู่ไม่น้อย เพราะเขายังเข็ดกับประสบการณ์เมื่อครั้งที่มาทำงานที่นี่ใหม่ ๆ

อีกทั้งจี้เจี้ยนอวิ๋นยังบอกอีกว่าปีหน้าจะขึ้นเงินเดือนให้

แม้จะกล้า ๆ กลัว ๆ หากแต่ซูจิ้นจวินจะทิ้งโอกาสดี ๆ เช่นนี้ไปได้อย่างไร?

เมื่อวานนี้ภรรยาของเขาบอกว่าต่อให้ต้องทำงานเก็บเงินนานขนาดไหน ก็ต้องสร้างบ้านเป็นของตัวเองให้ได้

ก่อนหน้านี้หล่อนจึงมาช่วยงานด้วย แม่ของเขาเองก็ใจกว้าง ให้หล่อนเก็บค่าแรงไว้ทั้งหมดโดยไม่หักเงินไปแม้แต่น้อย ที่ผ่านมาหล่อนจึงพอมีรายได้ แม้จะไม่มากเท่าเขาแต่ก็ยังพอมีเก็บออมไว้

ตอนนี้ครอบครัวเขาจึงมีเงินอยู่ก้อนหนึ่งแล้ว

ขนาดเขายังขยันเพียงนี้ ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลยว่าตั้งใจทำงานขนาดไหน

พวกเขาทำงานทำนองนี้เป็นประจำ จึงลงมือทำได้ทันทีเมื่อมาถึงหน้างานโดยที่ไม่ต้องคอยกำกับแต่อย่างใด

พวกเขาเคยชินกับการทำงานแบบนี้ไปเสียแล้ว

ด้วยเหตุนี้แม้พื้นที่ 30 หมู่จะกว้างขวาง แต่ก็ใช้คนงานไม่ถึง 7 คนในการทำงานทั้งหมดให้เสร็จ

คงเป็นเพราะที่ดินผืนนี้ไม่ใช่ที่รกร้าง แต่เคยเป็นของกองทหารซึ่งภายหลังถอนกำลังออกไป จึงไม่มีใครรับช่วงดูแลต่อ ทำให้ไม่ต้องปรับหน้าดินมากนัก

หยางอ้ายเซินถามจี้เจี้ยนอวิ๋นขึ้นหลังเสร็จงาน “คราวนี้จะปลูกผักกาดขาวใช่ไหมครับ?”

“มาปลูกเอาตอนนี้จะทันเหรอ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นถามกลับ

“ก็คงจะช้าไปหน่อย แต่ว่าถ้าแค่ปลูกไว้ให้หมูกินก็คงไม่เป็นไรหรอกครับ” อีกฝ่ายบอก

ตอนนี้ที่สวนเลี้ยงหมูไว้ 21 ตัว พอถึงช่วงปีใหม่ความต้องการซื้อก็จะสูงขึ้น ซึ่งอากาศตอนนั้นก็จะหนาวจัด ดังนั้นการปลูกผักกาดขาวเก็บเอาไว้เป็นอาหารหมูจึงเป็นความคิดที่ดี

เขาจึงเริ่มลงมือตามที่หยางอ้ายเซินแนะนำ

เมื่อซูตานหงรู้เรื่องนี้ก็เตรียมแช่เมล็ดค้างคืนไว้ในน้ำวิเศษ ก่อนเอาให้เขาไปปลูก

คนงานผู้เชี่ยวชาญงานสวนปลูกผักกาดขาวเสร็จภายในเวลาไม่นาน

ตอนนั้นเองก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยวลูกพลับในสวน ครั้งนี้ไม่ต้องจ้างคนเพิ่มก็ทำเสร็จภายในวันเดียว โดยส่วนหนึ่งจะถูกนำไปทำลูกพลับแห้ง คุณแม่จี้จึงเรียกคนที่ถนัดด้านนี้อย่างน้าไช่มาช่วยทำเหมือนปีก่อน และก็เป็นน้าไช่คนนี้เองที่ถามเรื่องจี้อวิ๋นอวิ๋นกับซูตานหง

น้าไช่ทำลูกพลับแห้งได้อร่อยมาก อีกทั้งยังนับถือเป็นพี่น้องกับคุณแม่จี้มานานหลายปี

นางถามด้วยสีหน้าแย้มยิ้มระหว่างที่ทำลูกพลับแห้ง “ครั้งที่แล้วฉันถามตานหงเรื่องอวิ๋นอวิ๋น แต่เจ้าตัวก็บอกให้มาถามเธอเอง แล้วอวิ๋นอวิ๋นจะเอายังไงล่ะ ตอนนี้อายุก็ไม่น้อยแล้วนะ”

ได้ยินเช่นนั้น คุณแม่จี้ก็รู้ได้ทันที ก่อนบอกไปว่า “ถึงจะอายุไม่น้อยแต่ก็ยังเรียนอยู่ไม่ใช่เหรอ?”

“เดี๋ยวก็เรียนจบแล้วไม่ใช่เหรอ? เตรียมคิดเรื่องแต่งงานไว้เนิ่น ๆ ดีกว่านะ เมื่อก่อนก็แต่งงานตั้งแต่เด็กกันทั้งนั้นแหละ” น้าไช่คุยไปด้วยขณะที่มือยังขยับทำงานไม่หยุด

“ก็จริงของเธอ” คุณแม่จี้พยักหน้า นางเองก็แต่งงานกับสามีตั้งแต่อายุ 18 ไม่นานก็มีลูกคนโตอย่างจี้เจี้ยนกั๋ว ตอนอายุเท่าอวิ๋นอวิ๋นก็มีลูกคนที่สองอย่างจี้เจี้ยนเยี่ยแล้ว

“ยิ่งลูกสาวอายุมากก็จะยิ่งขายไม่ออก ขอถามตรง ๆ เลยนะ อวิ๋นอวิ๋นหมายตาใครไว้บ้างหรือยังล่ะ?” น้าไช่ถาม

“ยังหรอก” คุณแม่จี้ตอบพลางครุ่นคิดบางอย่าง

พออีกฝ่ายได้ยินดังนั้นก็ยิ้มกว้าง “ให้ฉันแนะนำให้อวิ๋นอวิ๋นไหมล่ะ? เมื่อหลายปีก่อนฉันก็เป็นคนแนะนำภรรยาให้เจี้ยนกั๋ว ถึงจะมีปัญหาอยู่บ้างแต่ก็ไม่แย่นี่นา อย่างภรรยาของอ้ายเซิน จี้หงจวิน สวี่อ้ายตั๋ง ฉันก็แนะนำให้ทั้งนั้น เห็นครอบครัวไหนมีปัญหาบ้างไหมล่ะ? เห็นไหมว่าฉันตาแหลมขนาดไหน?”

คุณแม่จี้ยิ้มก่อนเอ่ย “ฉันเชื่อใจเธออยู่แล้วล่ะ”

น้าไช่ไม่เคยมีเรื่องฉาวโฉ่หรือคดโกงใคร ไม่อย่างนั้นนางคงไม่คิดจะสนิทสนมกับอีกฝ่ายขนาดนี้

ยังไม่รวมถึงการเป็นแม่สื่อแม่ชักให้ชาวบ้านหลายคู่ รวมถึงลูกชายคนโตของนางด้วย เธอเป็นคนแนะนำเฝิงฟางฟางให้นางรู้จัก เมื่อได้พูดคุยก็พึงพอใจก่อนตกลงให้แต่งงานกันในที่สุด

แม้เฝิงฟางฟางจะไม่ดีเท่าซูตานหง แต่ก็ยังถือว่าเป็นลูกสะใภ้ที่ดี

ส่วนคู่อื่น ๆ ก็ใช้ชีวิตคู่อย่างราบรื่นไร้ซึ่งการทะเลาะเบาะแว้งกัน

พอนางพูดถึงเรื่องนี้คุณแม่จี้ก็ถามขึ้นบ้าง “พูดแบบนี้มีคนในใจอยากแนะนำให้หรือยังล่ะ?”

“ตระกูลหลี่ที่ขายเนื้ออยู่หมู่บ้านต้าวานข้าง ๆ นี่ไง” น้าไช่บอก

“ตระกูลหลี่เหรอ?” คุณแม่จี้นึกอยู่ครู่หนึ่ง “ฉันจำได้ว่ามีลูกชายแค่ 2 คนนี่ แถมคนโตก็เหมือนจะแต่งไปแล้วด้วยไม่ใช่เหรอ?”

หมู่บ้านต้าวานเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ แถวนี้ และเพราะนางรู้จักชาวบ้านหลายคนที่เลี้ยงหมู จึงรู้ว่ามีตระกูลหลี่ที่ขายเนื้ออยู่แค่ครอบครัวเดียว อีกทั้งยังเคยให้เขามาชำแหละหมูให้ด้วย

“ใช่แล้ว ฉันเป็นคนแนะนำภรรยาให้เขาเองแหละ เมื่อปีก่อนเพิ่งจะคลอดลูกเอง ตอนนี้เจ้าตัวน้อยน่ารักอย่าบอกใครเลยหละ” น้าไช่เอ่ยด้วยสีหน้าปลาบปลื้มใจ

การจับคู่นั้นเป็นงานถนัดของนาง ใครจะสู้ได้กันล่ะ? ตอนที่แวะไปบ้านตระกูลหลี่คราวก่อน ภรรยาของเขายังชมว่าเป็นแม่สื่อที่ตาแหลมไม่หยุดปาก

“บ้านตระกูลหลี่ก็ดีนะ ติดแค่ภรรยาของเขาเจ้ากี้เจ้าการไปหน่อย” คุณแม่จี้บอกออกไปตามตรง

“ต้องดีอยู่แล้วสิ ส่วนเรื่องภรรยาเขา เคยได้ยินมาว่าจริง ๆ แล้วหล่อนก็เป็นคนดีไม่ใช่เหรอ? ถึงภายนอกจะเป็นอย่างนั้นแต่ก็ดีกับคนในครอบครัวมากเลยนะ ถ้าไม่ดีฉันจะมาแนะนำให้เธอทำไมล่ะ? พวกเรารู้จักกันมาตั้งแต่สาว ๆ ลูกสาวคนอื่นฉันยังไม่กล้าหลอกเลย แล้วจะทำกับลูกสาวเธอลงได้ยังไงล่ะ?” น้าไช่กล่าวขึ้น

คุณแม่จี้ยกยิ้มก่อนตอบ “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องลูกคนเล็กของพวกเขาเท่าไหร่ ว่าไหม?”

“ฉันก็ไม่ค่อยรู้เหมือนกัน แต่เห็นว่าเป็นอาจารย์สอนหนังสืออยู่ ตอนนี้ได้สอนหนังสือในอำเภอของเราแล้วด้วย สอนชั้นมัธยมต้นปีที่สามอยู่ล่ะ ตอนเจอคราวก่อนก็ดูเฉลียวฉลาดดี รูปร่างหน้าตาก็ภูมิฐาน สูสีกับเจี้ยนอวิ๋นเลยแหละ” น้าไช่กล่าว

เห็นอีกฝ่ายชมเปาะขนาดนี้ คุณแม่จี้ก็อดถามไม่ได้ “ดีขนาดนี้ไม่มีเจ้าของได้ยังไงกัน? อายุก็ไม่น้อยแล้วนี่?”

“ยังอายุไม่มากหรอก แค่ 26 เอง เท่าที่เคยถามเขาก็บอกว่ายังไม่มีใครนะ” น้าไช่พูด

คุณแม่จี้ได้ยินดังนั้นก็ยิ่งยินดี ก่อนบอก “ไว้เขากลับมาแล้วให้ฉันไปเจอก่อนได้ไหม?”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

สวดมนต์ให้ตระกูลหลี่ไว้ล่วงหน้าเลยได้ไหมคะ ถ้าได้อวิ๋นอวิ๋นไปเป็นสะใภ้นี่ไม่อยากจะคิดเลย เว้นแต่ว่าจะปราบนางได้

ไหหม่า(海馬)