“นายเป็นแค่ฮีลเลอร์นายจะเอาของไปทำอะไร?”

“พูดแบบนี้คิดว่าตัวเองเป็นนักบวชที่มีค่าจิตวิญญาณเกิน 80 หรือไงวะ?!”

“นายมันก็แค่ฮีลเลอร์ที่ทำภารกิจให้สำเร็จคนเดียวไม่ได้ด้วยซ้ำ ยังจะมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกเหรอ?!”

ลูกทีมทั้งหลายต่างรีบเสนอหน้าเข้ามาก่นด่าทันที

เซียวเฟิงยิ้มและไม่ได้พูดอะไร ใบหน้าที่หลบซ่อนอยู่เบื้องหลังหน้ากากทำให้ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่…

“พี่เซียวน่ะทำภารกิจคนเดียวก็ได้ พวกนายนั่นแหละที่ถ่วงแข้งขาเขา!” เฉียนโตวโตวข่มกลับ “ว่าแต่ พี่เซียวเก็บอุปกรณ์เลเวล 15 มาหมดหรือยัง? มันหายากมากเลยนะ”

“เฮ้ย? อะไรน่ะ? พวกนายหาอุปกรณ์ระดับหายากได้ด้วยเหรอ?”

“พูดบ้าอะไรน่ะ? ฮีลเลอร์จะไปหาของแบบนั้นจากไหน?”

“น่าสงสารชะมัดเลยว่ะ”

“คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? เป็นหัวหน้ากิลด์หรือไง? ทำไมถึงมีของหายากแบบนั้นได้!”

กลุ่มผู้เล่นเริ่มหันมาหัวเราะใส่เซียวเฟิงอย่างออกรสชาติ…

“แปลกชะมัด เล่นเกมมาก็ตั้งหลายปีไม่เคยเจอคนโม้เหม็นอย่างหมอนี่มาก่อนเลย พวกเราจะกินขี้ให้ดูเลยถ้านายสามารถหาอุปกรณ์ระดับหายากเลเวล 15 ได้ภายใน 1 ชั่วโมง”

“เดี๋ยวจะช่วยไลฟ์สดให้ด้วย”

“ฉันจะกินสองก้อนเลย ดับเบิ้ลก้อน” เหล่าผู้เล่นหันมาสบประมาทเขามากขึ้นเรื่อยๆ

“พวกนายอยากกินของแบบนั้นมากเลยเหรอ?” เซียวเฟิงรู้สึกว่าฉากนี้มันคุ้นหน้าคุ้นตาเหลือเกิน

“พูดอะไรน่ะ?” เหล่าผู้เล่นเริ่มมีน้ำโหมากขึ้น

“เฮอะ! ถ้ากลัวก็ไม่ต้องทำก็ได้และอย่าขวางทางพวกเรา…มันเสียเวลา”

นักรบหนุ่มในตอนแรกพูดขึ้นพร้อมกับจะพาคนในทีมเดินกลับไป

“ก็ได้ งั้นมาสร้างทีมกันเถอะ” เซียวเฟิงส่งข้อความเชิญไปให้อีกฝ่าย

“ไม่เคยเห็นผู้เล่นโม้ขนาดนี้มาก่อน…” บางคนที่ยังหัวเราะอยู่ก็ต้องตกตะลึงเมื่อหันมามองข้อมูลของเซียวเฟิงกับเฉียนโตวโตว

“เป็นอะไรวะ?” ชายคนหนึ่งถาม

“ดูข้อมูลพวกเขาสิ…” ชายอีกคนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทาจนต้องก้มมองข้อมูล

“ผู้เล่น แด๊ด เข้าร่วมทีม”

“ผู้เล่น เฉียนโตวโตว เข้าร่วมทีม”

“อะไรนะ? เฉียนโตวโตว? เจ้าของตำหนักขุมทรัพย์นี่นา” ทุกคนตะลึงจนหันมามองหญิงสาวในหน้ากากสีขาวด้วยความเหลือเชื่อ

“ใช่…” ใบหน้าของนักรบหนุ่มแทบจะแข็งทื่อไปแล้ว

“แล้วใครกันที่ชื่อ แด๊ด นี่น่ะ?” เขากลืนน้ำลายและเริ่มรู้ตัวแล้วว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นผู้เล่นที่มากไปด้วยประสบการณ์แน่นอน…

“ดูเลเวลเขาสิ…”

“สะ… สิบห้า! เขาคือมาสเตอร์ฮีลเลอร์!” เขาอ้าปากค้างในทันที

ในตอนนี้คนที่มีเลเวล 15 ได้เร็วที่สุดก็คือมาสเตอร์ฮีลเลอร์กับชุยเสวี่ย นั่นหมายความว่าเซียวเฟิงคือมาสเตอร์ฮีลเลอร์คนนั้น

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้ปกปิดตัวตนตอนที่อยู่ที่นี่ ก็เพื่อป้องกันคนจดจำเขาได้นั่นเอง

ทุกคนตะลึงและพูดอะไรไม่ออก…

ในฐานะของผู้เล่นระดับสูงและมีอุปกรณ์เลเวล 15 เขาจะต้องได้รับการสนับสนุนจากตำหนักขุมทรัพย์แน่นอน หรือไม่ก็กลับกัน…

ไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้เจอกับผู้เล่นที่เก่งที่สุดในเกมตอนนี้ที่นี่ และเวลานี้!

“ป่ะ ตีมอนกันเถอะ ฉันรอให้นายไลฟ์สดอยู่นะ” เซียวเฟิงพูดขึ้น แต่ก็ไม่มีใครกล้าขยับตัวเลย ไม่มีใครคาใจแล้วว่ามาสเตอร์ฮีลเลอร์คนนี้จะผ่านภารกิจด้วยตัวคนเดียวไม่ได้…

“มาเถอะ มาสเตอร์ฮีลเลอร์ถึงจะเก่งแต่ก็เป็นแค่พระ ไม่มีทางสร้างความเสียหายจนฆ่าบอสได้หรอก อย่าไปกลัว!”

บางคนก็ยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้นี้

“เราต้องตามไปแล้วล่ะ เล่นไปเหยียบหางเขาแบบนั้นไม่มีใครปล่อยไว้หรอกยิ่งเป็นผู้เล่นที่เทพสุด ๆ แล้วด้วย… อย่างน้อยก็ช่วยเขาฆ่าบอสแล้วก็อวยสักหน่อยเผื่อเขาจะปล่อยเราไป” บางคนก็เริ่มเปลี่ยนใจกลับฝั่งไปอยู่กับเซียวเฟิง ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้พวกเขาคงไม่เข้ามาเหยียดหยามกันหรอก

“นั่นสินะ เขาเป็นแค่พระ ถ้าเราช่วยเขากำจัดบอสได้ล่ะก็เขาจะต้องขอบคุณพวกเราสักเล็กน้อยก็ยังดี ดีกว่าดูถูกเขาแล้วไม่ทำอะไรเลยนะ”

“ยิ่งกว่านั้นถ้าเรายุ่งกับสองคนนี้ล่ะก็เราอาจจะไปได้ไกลกว่านี้ก็ได้นะ จำเฉียนโตวโตวได้ไหม? เธอเป็นเจ้าของตำหนักขุมทรัพย์ แถมฉันได้ข่าวลือมาว่าลูกน้องเธอมีแต่สาว ๆ ทั้งนั้นเลย ถ้าเราเข้าทางนี้ได้เราอาจจะหาแฟนได้ด้วยก็ได้”

บางคนเองก็คิดอีกแบบหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่ตอนนี้ก็เลือกที่จะออกทีมนี้ไปหลังจากที่รู้ตัวตนของเซียวเฟิง

ท้ายที่สุดแล้วมีเพียงผู้เล่น 12 คนเท่านั้นที่เข้าไปในเมืองร้าง ถ้าไม่นับเซียวเฟิงกับเฉียนโตวโตวแล้ว อีก 10 คนก็คือพวกผู้เล่นที่อยากเห็นพลังของเซียวเฟิง

ชายหนุ่มเมินพวกเขาและหยิบคทาออกมาบัฟให้กับตัวเอง…

“อวยพรอาวุธ!”

“คุณได้รับการบัฟจากผู้เล่น แด๊ด พลังโจมตีเพิ่มขึ้น 298 หน่วยเป็นเวลา 60 วินาที”

เพียงพริบตาเดียวพลังโจมตีของเขาก็ทะยานขึ้นมากกว่าสองเท่า

“อวยพรชีวิต!”

“คุณได้รับบัฟจากผู้เล่น แด๊ด พลังชีวิตสูงสุดเพิ่มขึ้น 122 หน่วยเป็นเวลา 60 วินาที”

เซียวเฟิงร่ายบัฟใส่ตัวเองและเป็นครั้งแรกที่เขาใช้อวยพรชีวิตด้วย ซึ่งผลที่ได้ก็ไม่ต่างจากที่เขาคิดไว้มากนัก

ยิ่งไปกว่านั้น เซียวเฟิงพบว่าอาชีพสายนักบวชของเขาไม่มีข้อจำกัดเหมือนกับอาชีพอื่นตรงที่ว่าเขาสามารถเลือกเล่นเส้นทางที่หลากหลายกว่า…

อย่างเช่นเขาในตอนนี้สามารถเลือกอัพค่าจิตวิญญาณกับค่าความว่องไวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับสกิลโฮลี่ไลท์หรืออวยพรชีวิตได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสรอดให้กับผู้เล่นแนวหน้าโดยไม่รู้ตัว

แต่บางคนก็เป็นนักบวชสายสร้างค่าความเสียหายที่มุ่งเน้นไปยังค่าความแข็งแกร่งกับค่าความฉลาดที่ช่วยร่ายสกิลบัฟต่าง ๆ ตั้งแต่พลังโจมตีไปจนถึงพลังป้องกัน ในขณะเดียวกันนักบวชสายนี้ก็ยังได้รับการเพิ่มพลังโจมตีกับพลังชีวิตจากค่าสถานะที่เขาเลือกอัพไว้อีกด้วย

สรุปแล้ว ทุกค่าสถานะที่ไม่ใช่ค่าความทนทาน ถือว่าเหมาะกับอาชีพนักบวชเป็นอย่างยิ่ง

เซียวเฟิงเก็บคทาลงไปและหยิบเอาโทเทมกระทิงทองออกมา

พลังโจมตีของเซียวเฟิงพุ่งขึ้นไปแตะ 449 หน่วยแล้ว!

“ออกไป…ออกไป…!”

พวกมอนสเตอร์ผีชาวบ้านต่างเดินเข้ามาหาเขาอย่างไม่ลังเล

เซียวเฟิงง้างโทเทมขึ้นสูงแล้วทุบลงใส่ชาวบ้านที่วิ่งเข้ามา

-578!

พวกผู้เล่นที่ตามเขามาต่างก็ตกตะลึงกับความเสียหายที่เกิดขึ้น มันรุนแรงชนิดที่ว่าทำให้พลังชีวิตของมอนสเตอร์ระดับอีลิตลดลงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว

ถ้าเป็นแบบนี้ไม่กี่นาทีก็สามารถกวาดล้างทั้งดันเจี้ยนได้หมดแน่

เซียวเฟิงที่ยังไม่พอใจมากนักก็เดินเข้าไปข้างหลังมอนสเตอร์แล้วเอาโทเทมหวดมันใส่จากด้านหลัง

-1162! คริติคอล!

ตัวเลขที่น่าตกใจปรากฏขึ้นและสังหารชาวบ้านในทันที

สกิลติดตัวและการอวยพรทั้งหลายที่เขามีทำให้ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นเป็นสองเท่า

พร้อมกันนั้นพลังแห่งแสงก็ช่วยให้เขาสร้างความเสียหายให้กับพวกมอนสเตอร์ธาตุมืดเพิ่มขึ้นอีก 50%

-1174! คริติคอล!

-1168! คริติคอล!

-1172! คริติคอล!

เซียวเฟิงเดินเข้าไปจัดการพวกมอนสเตอร์อย่างใจเย็น เขาสามารถสร้างความเสียหายคริติคอลได้ตลอดเวลา การฆ่าของเขาทั้งงดงามและรวดเร็วจนหลายคนไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง…