ภาคที่ 3 บทที่ 83 เผ่าวิญญาณ (1)

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 83 เผ่าวิญญาณ (1)

เช้าวันหนึ่ง ขณะซูเฉินกำลังทำการทดลอง เรื่องที่เขารอมาเนิ่นนานในที่สุดก็มาถึง

จีหานเยี่ยนมาถึงแล้ว

ภายในห้องรับแขกตระกูลซู จีหานเยี่ยนสวมชุดทหารลาดตระเวน นางสวมรองเท้าเมฆเคลื่อน ที่เอวเหน็บดาบล่าเมฆาไว้ เผยกลิ่นอายกล้าหาญน่าเกรงขาม

ด้านหลังนางมีคนอีกคนหนึ่ง คือเจียงซีสุ่ย

“พวกเจ้ามาถึงแล้ว ได้ยินมาเมื่อราว 30 วันก่อนว่าพวกเจ้าจะมา แต่สุดท้ายกลับรอเป็นเดือน ไม่ช้าไปหน่อยหรือ ?” ซูเฉินหัวเราะ โบกมือสั่งหมิงชูให้รินชา

“พวกเรามาด้วยธุระของทางการ จะให้ไร้กังวลเช่นเจ้าได้อย่างไรเล่าผู้จัดการความรู้ซู ?” จีหานเยี่ยนตอบ

“อ้อ ? เจ้าจะบอกว่าข้านั่งเฉย ๆ ไม่ทำงานเลยงั้นหรือ ?”

จีหานเยี่ยนคำรามต่ำ “แต่ก่อนก็เป็นเช่นนั้น”

นางตอบเสียงห้วนไม่สนมารยาท

ซูเฉินหัวเราะอย่างไร้หนทาง “เจ้าไม่เปลี่ยนไปเลย ใช่แล้ว พี่เจียงช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง ?”

เจียงซีสุ่ยโบกพัดแล้วถอนใจ “หากเจ้านั่งเฉย ๆ งานการไม่ทำแล้ว ข้าจะมีอะไรดีกัน ? ย่อมลอยไปลอยมา ฆ่าเวลาไปเรื่อย ไม่ทำงานการเช่นกัน ข้าก็เป็นเพียงพวกเศรษฐีใหม่ รู้จักมองแต่ภาพสวย ๆ งาม ๆ”

ซูเฉินได้ยินก็หัวเราะเสียงดัง

ทั้งสามปะทะคารมกันเล็กน้อย ก่อนที่จีหานเยี่ยนจะดึงกลับเข้าประเด็นหลัก

“พวกเรามาที่นี่ครั้งนี้เพื่อจับตัวคน ๆ หนึ่ง มีเรื่องที่พวกข้าอยากถามเจ้า”

“ข้าว่าแล้วว่าพวกเจ้าคงไม่มาหาข้าด้วยใจจริง” ซูเฉินถอนใจ “เจ้าว่ามา ต้องการให้ข้าช่วยอะไร ?”

“ได้ยินว่าคฤหาสน์ที่เจ้าอาศัยอยู่เกิดเรื่อง ‘ปีศาจส่งเด็ก’ หรือ ?”

ได้ยินดังนั้นซูเฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น

จีหานเยี่ยนเห็นสีหน้าเขาแล้ว นางก็หน้าเครียดเช่นกัน ซูเฉินจึงเอ่ย “อย่าบอกนะว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นที่ปาโจวด้วย ?”

“ไม่เหมือนเสียทีเดียว แต่ก็ไม่ได้ต่าง เกือบ 3 ปีก่อน มีคดีต่อกันยาวในปาโจวคือคดีหายตัวไปของหญิงสาว ตอนแรกกรมวินิจฉัยคดีก็เห็นเป็นคดีลักพาตัวธรรมดา แต่ไม่เคยเจอเบาะแสเพิ่มเติมเลย จนกระทั่ง 2 ปีก่อน เจ้าหน้าที่กรมวินิจฉัยคดีคนหนึ่งไปพบถ้ำแห่งหนึ่งเข้า ภายในถ้ำนั้นมีศพสตรีนับสิบ พวกนางคือคนที่หายไปในปีก่อน ๆ”

ซูเฉินเอ่ยทันควัน “ให้ข้าเดา…… สตรีเหล่านี้มีหลักฐานบนร่างว่าเคยคลอดลูกมาก่อนใช่หรือไม่ ?”

จีหานเยี่ยนพยักหน้า “เรื่องนี้ทำผู้คนตกใจมาก กลายเป็นคดีที่กรมวินิจฉัยคดีต้องรีบไข โชคดีที่ถ้ำถูกผนึกไว้ก่อนหน้าแล้ว ของทุกอย่างอยู่ภายในทั้งหมด รวมถึงค่ายกลปรับร่างขนาดใหญ่และตัวรับวิญญาณ ดังนั้นทุกคนจึงรู้ทันทีว่าใครคือคนร้าย”

“เผ่าวิญญาณ” ซูเฉินพึมพำเสียงเบา

จีหานเยี่ยนคลี่ยิ้ม “ถูกต้อง เจ้ารู้แล้วนี่”

ใช่แล้ว เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร ?

ก่อนหน้านี้ที่เขาถกเรื่อง ‘ปีศาจส่งเด็ก’ กับฉือไคฮวง ทั้งสองก็เริ่มสงสัยแล้วว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเผ่าวิญญาณ แต่ก็ไม่มีหลักฐานจริงจัง

ทว่าหลังจากเว่ยเหลียนเฉิงและแก้วเคลือบม่วงปรากฏขึ้นต่อมา ข้อสงสัยเรื่องเผ่าวิญญาณก็เป็นรูปธรรมมากขึ้น

มีแต่พวกเขาที่ต้องทำการทดลองประเภทการเปลี่ยนรูปร่างเช่นนี้

ใช่แล้ว ทั้งหมดนี่เพื่อการทดลอง

หากจะมีเผ่าที่คล้ายกับชาวอาร์คาน่าหลังจากอาณาจักรอาร์คาน่าหลังจากล่มสลายลงแล้ว ก็คงเป็นเผ่าวิญญาณนั่นเอง

———-

เผ่าวิญญาณนั้นสืบเชื้อสายมาจากเผ่าจิตวิญญาณทมิฬ มีความสามารถในการสัมผัสพลังต้นกำเนิดอันโดดเด่น นับเป็นเผ่าพันธุ์อัจฉริยะที่ใกล้เคียงกับเผ่าพันธุ์ต้นกำเนิดที่สุดในด้านนี้

เผ่าวิญญาณมีหัวใจเป็นของเหลว เปลี่ยนสถานะไปมาอยู่ตลอด ทำให้ร่างกายมีความอ่อนไหวและดูดซับพลังต้นกำเนิดได้มากขึ้น แต่ผลคือร่างกายก็จะอ่อนแอมาก ภายใต้ระบบการคงอยู่ของเผ่าพันธุ์ต้นกำเนิด เผ่าจิตวิญญาณทมิฬนับเป็นอาหารอันโอชะ ร่างกายเต็มไปด้วยพลังงาน แต่กลับเนื้อนิ่มเคี้ยวง่ายนัก

ทำให้ชาวเผ่าจิตวิญญาณทมิฬในยุคเริ่มแรกนั้นมีชะตาชีวิตที่โหดร้ายน่าเศร้านัก

แม้จริงแล้วในยุคโบราณ นอกจากเผ่าสัตว์อสูรที่รุ่งเรืองและมีจำนวนมากแล้ว ก็ไม่มีใครได้มีชะตาที่ดีเลย

เผ่าจิตวิญญาณทมิฬคือเผ่าแรกที่เริ่มต่อต้าน ในช่วงยุคแห่งความโกลาหล พวกเขาใช้ความสามารถในการสัมผัสพลังต้นกำเนิดนี้เพื่อพัฒนาวิธีใช้พลังต้นกำเนิดขึ้น ก่อตั้งอาณาจักรของเผ่าพันธุ์อัจฉริยะแรกขึ้นมาได้ นามว่าอาณาจักรต้นกำเนิดวิญญาณ

กลุ่มกบฏกลุ่มแรกมักเรืองอำนาจที่สุด แต่ก็มักถูกข่มเหงหนักที่สุดเช่นกัน

หลังจากอาณาจักรต้นกำเนิดวิญญาณล่มสลายลง เผ่าจิตวิญญาณทมิฬก็ถูกสิ่งมีชีวิตที่ใช้พลังต้นกำเนิดได้อื่น ๆ ข่มอำนาจ ทำให้เผ่าจิตวิญญาณทมิฬมากมายตายลง มีไม่กี่คนที่หลบซ่อนอยู่ใต้ดิน พยายามเอาตัวรอดไปให้ได้

และเพื่อปรับตัวให้อยู่กับสถานที่มืดมิดใต้ดิน ร่างกายของเผ่าจิตวิญญาณทมิฬจึงเริ่มเปลี่ยนแปลงไป

พวกเขามีพลังจิตกล้าแข็งขึ้น แต่ร่างกายยังคงอ่อนแอ แลกกับความสามารถในการมองเห็นในที่มืดและการได้ยินที่เพิ่มสูงขึ้น

ในปีที่ 32,000 ของยุคแห่งความโกลาหล ชาวอาร์คาน่ากลุ่มหนึ่งก็ค้นพบเผ่าจิตวิญญาณทมิฬ

พวกเขาตกใจกับร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากของเผ่าจิตวิญญาณทมิฬ โดยเฉพาะพลังจิตที่แข็งแกร่งและความว่องไวต่อพลังต้นกำเนิด เริ่มจับพวกเขามาเพื่อทำการวิเคราะห์ร่างกาย

หลังตามจับกันมาเช่นนั้น 2,000 ปี เผ่าจิตวิญญาณทมิฬส่วนมากก็ถูกจับได้ กลายเป็นตัวทดลองให้ชาวอาร์คาน่าไป

ณ ตอนนั้น เป็นปรมาจารย์อาร์คาน่าฝีมือฉกาจเช่นเหมยอิงปู้ลู่เค่อ ผ้าเท่อลั่วเค่อ หรือลาหมีเอ่อร์ ที่เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของเผ่าจิตวิญญาณทมิฬไปอย่างสิ้นเชิง

เขาคือผู้สร้างเครื่องมือกลายวิญญาณ อีเก๋อเน้ยซิวซือ

อีเก๋อเน้ยซิวซือมีจุดมุ่งหมายต่างจากเหมยอิงปู้ลู่เค่อ ผ้าเท่อลั่วเค่อ และคนอื่น ๆ มันเรียบง่ายและตรงไปตรงมามาก เป็นสิ่งที่สิ่งมีชีวิตทั้งหลายเฝ้าฝัน ความเป็นนิรันดร์

อีเก๋อเน้ยซิวซือกระหายความเป็นนิรันดร์มาก ดังนั้นจึงพยายามหาทางยืดชีวิตตนออกมาไปเรื่อย

ในงานวิจัยหลากหลายด้านของเขา เขาได้พบว่าหากสิ่งมีชีวิตยังมีร่างกาย อย่างไรก็หนีความตายไม่พ้น ความพยายามทั้งหลายของเขาได้เพียงชะลอความตายเท่านั้น ไม่ใช่หยุดยั้งได้

ดังนั้นอีเก๋อเน้ยซิวซือจึงคิดวิธีสุดโต่งหนึ่งขึ้นมาได้

เขาเชื่อว่าร่างกายเสื่อมสลาย แต่จิตจะคงอยู่ไม่สลายไป

ในเมื่อสิ่งมีชีวิตต่างก็ต้องตาย หากทำให้วิญญาณคงอยู่ไปได้ตลอดเล่า ?

ดังนั้นเขาจึงมุ่งศึกษาวิธีการรักษาจิตของสิ่งมีชีวิตหลังจากตายไปแล้ว

หากไม่ต้องการให้จิตดับสูญ ก็ต้องทำการปรับแต่งร่าง สร้างจิตที่แข็งแกร่งมากพอ จิตนั้นจะได้สามารถกักเก็บไว้ในพลังต้นกำเนิดได้

ดังนั้นเผ่าจิตวิญญาณทมิฬที่มีพลังจิตกล้าแข็งจึงกลายเป็นตัวทดลองชั้นยอด

ในช่วงระหว่างนั้น ชาวอาร์คาน่าสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมามากมาย นับเป็นช่วงที่รุ่งเรืองที่สุดของอาณาจักรก็ว่าได้

เครื่องมือสกัดสายเลือด แกนพลังงานแห่งซาร์ค และเครื่องมือกลายวิญญาณ ต่างก็ถูกสรรค์สร้างขึ้นในช่วงนี้

การทดลองหลากหลายครั้งทำให้ชาวอาร์คาน่าเชี่ยวชาญด้านการแปลงพลังงานจิตและการปรับแต่งสิ่งมีชีวิต จนในที่สุดอีเก๋อเน้ยซิวซือก็ทำสำเร็จ !

เขาสร้างเครื่องมือกลายวิญญาณขึ้นมาได้

เมื่อมีเครื่องมือนี้ อาณาจักรอาร์คาน่าจะสามารถให้รูปร่างอันเป็นเอกลักษณ์แก่พลังจิต ทำให้มันยังคงอยู่ในโลกได้คล้ายกับภูติผี

ทว่าการแปลงจิตนี้มีข้อจำกัดอยู่มาก

ประการแรก สามารถใช้ได้กับสิ่งมีชีวิตที่มีชีวิตอยู่แล้วเท่านั้น จิตจึงจะถูกกลั่นออกมาได้ หากตายไปแล้วจิตก็จะกระจัดกระจายไป ไม่อาจถูกเปลี่ยนแปลงได้ทันเวลา ดังนั้นเครื่องมือกลายวิญญาณจึงถูกเรียกว่าตัวแปลง ไม่ใช่เครื่องสร้างความเป็นนิรันดร์ เพราะมันต้องสังหารสิ่งมีชีวิตก่อนจึงจะสร้างอีกสิ่งมีชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์ขึ้นมาได้

ประการที่สอง มีเพียงเผ่าจิตวิญญาณทมิฬที่จะถูกแปลงจิตได้ เนื่องจากเผ่าจิตวิญญาณทมิฬมีจิตแข็งแกร่ง ทำให้พวกเขาเป็นชนเผ่าเดียวที่สามารถทนใช้การปรับแต่งจิตได้

ประการที่สาม เผ่าวิญญาณไม่อาจสืบพันธุ์ได้

แต่ถึงกระนั้น มันก็ได้สร้างความโกลาหลในอาณาจักรอาร์คาน่าขึ้นมามากทีเดียว

พวกเขาเชื่อว่าหากทำการทดลองต่อไป วันหนึ่งจะสามารถสร้างเครื่องมือกลายวิญญาณที่ทรงพลังกว่าเก่าขึ้นมาได้

ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มทำการทดลองและการวิจัยมากมาย สร้างผีที่สังหารไม่ตายขึ้นมาจำนวนมาก

นับแต่นั้นมา เผ่าวิญญาณก็ถือกำเนิดขึ้นมา