ตอนที่ 167 ถูกปล้นกลางถนนโคมไฟ ท่านแม่ทัพกระทำอย่างไร้ยางอาย (3)

หมอหญิงจ้าวดวงใจ

ตอนที่ 167 ถูกปล้นกลางถนนโคมไฟ ท่านแม่ทัพกระทำอย่างไร้ยางอาย (3)
เหยาเยี่ยนอวี่พยายามอดกลั้นอาการที่รู้สึกไม่สบายกระเพาะ แล้วจับจ้องคนคนนั้นอย่างเงียบๆ ท่ามกลางหิมะอันมืดครื้ม สะท้อนให้เห็นถึงดวงตาสีฟ้าหม่นนั้น เหยาเยี่ยนอวี่ตะลึงงันในใจ แล้วแอบครุ่นคิด คนผิวขาว?

ประตูเรือนเล็กๆ ก็ถูกคนผลักออก มีคนคอยเฝ้าระวังรอบทั้งสี่ทิศอยู่ตลอดเวลา ดาบสันโค้งในมือของคนเสื้อดำกำชับให้แน่นขึ้น แล้วข่มขู่อย่างทุ้มต่ำด้วยคำพูดภาษาจีน “เข้าไป!”

ในเวลาเช่นนี้ ต่อให้ขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ อีกอย่างเหยาเยี่ยนอวี่ถูกคนแบกมาใกลเยี่ยงนี้ นางก็ค่อยๆ ได้สติจากอาการที่ตื่นตกใจ นางนึกถึงคำพูดที่คนคนนี้บอกว่าไม่อยากฆ่าคน แล้วยังบอกว่าหากยังถ่วงเวลาและโอกาสอีก ก็จะฆ่าตัวเองให้สิ้นซาก

ถ่วงเวลาและโอกาส? คนต่างแดนเหล่านี้จับตนเองมาทำอะไร

ตนเองไม่ใช่องค์หญิงที่มีฐานันดรศักดิ์สูงส่ง ไม่เพียงพอต่อการกลายเป็นบุคคลที่เอาไปข่มขู่ให้จักรพรรดิแห่งต้าอวิ๋น อีกทั้งที่นี่คือเมืองหลวงแห่งแคว้นต้าอวิ๋น พวกเขามากันแค่สิบกว่าคน แล้วใช้วิธีจับกุมตัวเช่นนี้ เป็นวิธีที่บ้าบิ่นและโง่เขลายิ่งนัก

สิ่งเดียวที่โดดเด่นที่สุดของตนเองก็คือฝีมือการแพทย์ ดูๆ แล้วคนเหล่านี้มีผู้ป่วยที่ต้องการรับการรักษา พวกเขาลักพาตัวตนเองมาเพื่อที่จะช่วยชีวิตคน

ไม่นาน ความคาดเดาของเหยาเยี่ยนอวี่ก็กลายเป็นจริง

ในเรือนเล็กๆ ที่ชำรุดทรุดโทรมแห่งหนึ่งที่มีสภาพยุ่งเหยิง ในเรือนก็สกปรกเละเทะ บนพื้นปูด้วยหญ้าแห้ง แล้วยังมีเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายไปทั่ว ประตูเรือนในเรือนมีม่านลายกล้วยไม้ที่ปล่อยลงครึ่งหนึ่ง ในนั้นมีกลิ่นยาอันเข้มข้นลอยออกมา

เป็นกลิ่นของฝิ่น! เหยาเยี่ยนอวี่หรี่ตาลงเล็กน้อย ภายในใจจึงขบคิดอย่างรวดเร็ว คนคนนี้ป่วยเป็นโรคอะไรกันแน่ ถึงกับต้องใช้ฝิ่น!

ฝิ่นใน ‘ตำรารวบรวมชนิดของสมุนไพร’ ถูกเรียกว่ายิงจื่อสู้ มีรสหอมหวน เป็นธาตุเย็น สามารถขับพิษร้อน รักษาอาการอักเสบของกระเพาะ อีกทั้ง สรรพคุณที่ไม่ควรมองข้าม นั่นก็คือ ‘บรรเทาอาการปวด’ และทำให้ ‘เกิดอาการเหน็บชา’

เหยาเยี่ยนอวี่เป็นนักศึกษาปริญญาโทคณะแพทย์ศาสตร์ในยุคปัจจุบันย่อมเข้าใจดี ฝิ่นมีสรรพคุณสำคัญสำหรับแพทย์ในสมัยปัจจุบัน มันสามารถกล่อมประสาทให้เกิดอาการตื่นเต้นดีใจ แก้อาการปวด แก้ไอและสามารถสะกดจิต อย่างเช่นมอร์ฟีน

ดูจากสถานการณ์เช่นนี้แล้ว คนคนนี้ที่อยู่ด้านในไม่ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสก็อาจจะกำลังจะสิ้นใจ หรือไม่ก็อาจจะเป็นขี้ยา ทว่ากลุ่มคนเหล่านี้ที่ลักพาตัวเองมา ความเป็นไปได้ที่จะเป็นขี้ยานั้นไม่มาก

“เข้าไป!” คนเสื้อดำที่แบกเหยาเยี่ยนอวี่มาตลอดทางยกมือเอาผ้าที่คลุมหัวของตนเองออก ทำให้เห็นถึงใบหน้าที่มีผิวพรรณขาวผุดผ่องและงดงาม

สตรี? เหยาเยี่ยนอวี่ขึงตาโต ภายในใจกำลังคิดว่าสตรีผู้นี้กลับมีพละกำลังที่แกร่งเยี่ยงนี้ นางสามารถแบกตนเองวิ่งไปทั่วพื้นที่ครึ่งหนึ่งของเมืองหลวง?

“เร็วเข้า! ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้า!” ดวงตาสีฟ้าของสตรีต่างแดนเคล้าด้วยความโหดเหี้ยม แล้วใช้แรงดึงเหยาเยี่ยนอวี่

เหยาเยี่ยนอวี่ก้าวผ่านธรณีประตูด้วยเรือนร่างที่โยกเยกไปมา พอหมุนตัวก็เห็นบุรุษต่างแดนที่กำลังหลับใหลอยู่บนตั่งไม้ที่เก่าและทรุดโทรม ใบหน้าขาวซีด ดวงตาปิดไว้ทั้งสองข้าง ริมฝีปากเขียวคล้ำ ดูหมดสติขั้นรุนแรง…

บาดแผลแสนสาหัส พิษอันร้ายแรง

เหยาเยี่ยนอวี่มองเพียงแวบหนึ่งก็สามารถวินิจฉัยอาการเบื้องต้นได้ จึงอุทานในใจ คนคนนี้ถึงขั้นนี้แล้วยังไม่เสียชีวิต ถือว่ามีบุญวาสนายิ่งนัก

แม่นางต่างแดนมองเหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้ว แล้วก่นด่าด้วยเสียงเย็นชา “เร็ว! ช่วยเขา! ไม่เช่นนั้นเจ้าอย่าคิดรอดชีวิตออกไป!”

เหยาเยี่ยนอวี่หันกลับไปมองแม่นางผู้นี้ และกำลังจะเอ่ยพูด ทันใดนั้นก็มีเสียง ‘ฟู่’ ดังขึ้น แสงอันเยือกเย็นฉายขึ้น ก็เห็นปาเป้ามีดใบหลิ่วแทงอยู่ตรงหัวไหล่ของแม่นางผู้นั้น ทำให้แม่นางถึงกับกรีดร้อง ดาบสันโค้งในมือจึงหล่นลงบนพื้น

จากนั้นก็มีเงาสีดำทะลุผ่านหน้าต่างเข้ามาด้านใน คนที่อยู่ในเรือนต่างกระวนกระวายขึ้นมา ลมหายใจที่คุ้นเคยอ้อมผ่านด้านหลัง เหยาเยี่ยนอวี่จึงหันหลังอย่างตื่นตระหนก ก็เห็นนัยน์ตาอันเลือดเย็นและเฉียบคมของเว่ยจาง

จากนั้น หัวใจของนางก็นิ่งสงบลงทันที

“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” เว่ยจางดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด แล้วเอ่ยถามข้างหูด้วยเสียงต่ำ

“ไม่เป็นไร” เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกสบายใจขึ้นมามาก จึงถอนหายใจเบาๆ สองขาค่อนข้างอ่อนแรง นางก็พยายามสงบสติ ทว่าก็เป็นเพียงสตรีธรรมดาคนหนึ่ง พอเจอเรื่องที่น่าตกใจและอันตรายเยี่ยงนี้ นางสามารถคงความมีสติปัญญาจนถึงตอนนี้ก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว

เว่ยจางรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของนาง แขนจึงค่อยๆ ออกแรง จากนั้นก็โอบคอดเอวของนางไว้ แล้วปลอบโยน “ไม่ต้องกลัว”

“เจ้าคือเว่ยจาง!” สตรีต่างแดนกดบาดแผลตรงหัวไหล่เอาไว้ แล้วมองเว่ยจางด้วยความโมโห

เว่ยจางไม่สนใจนาง แค่หันไปมองบุรุษที่นอนอยู่บนตั่งไม้ แล้วแสยะยิ้ม “อาปาเข้อช่า?”

“องค์ชายใกล้สิ้นพระชนม์แล้ว” สตรีจ้องเว่ยจางด้วยความโมโห นางพูดภาษาจีนได้ไม่ค่อยคล่อง ดังนั้นทำให้ฟังแล้วเหมือนจะโมโหยิ่ง แล้วก็กระวนกระวายอย่างมาก “อาซือต๋าทรยศราชวงศ์ต้าอวิ๋นแล้วไปพึ่งพาอาศัยซีกู่ ชาวซีกู่ไม่ต้องการให้คนเผ่าอาเอ่อร์เข้อมีผู้นำ ดังนั้นต้องการฆ่าล้างผู้ที่มีเนื้อเลือดเชื้อไขของเผ่าอาซือ เผ่าอาเอ่อร์เข้อ…ใกล้ถูกทำลายแล้ว!” สตรีที่มีดวงตาสีฟ้าเหมือนดั่งพลอยที่สิ้นสี นัยน์ตาเคล้าด้วยความเลือดเย็น “เจ้า…และจักรพรรดิของพวกเจ้าคงพอใจแล้วสินะ…”

“เสี่ยนจวิน!” เสียงของหันซังเกอส่งมาจากด้านหลัง น้ำเสียงที่หนักแน่นมีความกระวนกระวายใจแอบแฝง “อย่าฆ่าอาปาเข้อช่า!”

เว่ยจางนิ่งงันไป แล้วขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ไม่พูดไม่จา

“เสี่ยนจวิน!” ประตูถูกถีบออกจากด้านนอก หันซังเกอเลิกม่านเข้ามาอย่างเร่งรีบ ตอนที่เห็นสถานการณ์ในเรือน จึงถอนหายใจเบาๆ

จังหวะการเต้นหัวใจของเหยาเยี่ยนอวี่ค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ นางค่อยๆ ผลักมือของเว่ยจางออก แล้วพยายามยืนนิ่งๆ ด้วยตนเอง จากนั้นก็มองแม่นางผู้นั้นแล้วเอ่ยถาม “เจ้าคือคนเผ่าอาเอ่อร์เข้อ?”

แม่นางมองเหยาเยี่ยนอวี่เพียงพริบตา แล้วไม่พูดไม่จา

เหยาเยี่ยนอวี่ยกมือชี้ไปยังคนที่อยู่บนตั่งไม้ แล้วเอ่ยถาม “เจ้ายังอยากจะให้ข้าช่วยเขาหรือไม่”

ดวงตาสีฟ้าของแม่นางเปล่งประกายแสงทันที ทว่าก็มองเว่ยจางเพียงชั่วพริบตา แสงที่เปล่งประกายนั้นหายไปทันที

เหยาเยี่ยนอวี่แสยะยิ้มถามกลับ “พวกเจ้าเผ่าอาเอ่อร์เข้อขอความช่วยเหลือให้รักษาด้วยวิธีเยี่ยงนี้หรือ ใช้ท่าทีที่โหดเหี้ยมกระทำต่อหมอหรือไง”

“เปล่า! เชิญ…ได้โปรดอภัยที่ข้ารุกราน… ได้โปรดท่านช่วยเขาด้วย!” แม่นางเหมือนจะเห็นความหวัง นางอยากเดินหน้าไปสองก้าว ทว่ากลับถูกดาบในมือของหันซังเย่ว์ขัดขวางไว้ ทำได้เพียงเดินถอยกลับไปที่เดิมอย่างเชื่อฟัง

เหยาเยี่ยนอวี่หันไปมองหันซังเกอ หันซังเกอคลี่ยิ้มบางๆ แล้วพยักหน้าเบาๆ เหยาเยี่ยนอวี่หันหลังเดินไปตรงหน้าตั่งไม้ แล้วยื่นมือเปิดเปลือกตาของอาปาเข้อช่า มองม่านตาของเขา แล้วยื่นมือไปจับชีพจรของเขา

“เขาได้รับพิษร้ายแรงเข้าสู่ร่างกาย ทั้งยังบาดเจ็บภายนอก แผลติดเชื้อ แล้วยังใช้ยาเหน็บชาเกินขนาด ยาและยาพิษชนกัน ถึงแม้ตอนนี้อาจจะยังไม่ตาย และมีทางรอด ทว่าก็ต้องรีบช่วยชีวิต”

“ได้โปรด!” แม่นางได้ยินคำพูดนี้ จึงไม่สนใจดาบยาวที่หันซังเย่ว์ชี้มาที่ตน แล้วเดินไปข้างหน้าสองก้าวพร้อมกับคุกเข่าลงตรงปลายเท้าของเหยาเยี่ยนอวี่ “ได้โปรด ท่านจะให้พวกเราทำอะไรก็ได้! ได้โปรดช่วยชีวิตเขาให้รอดด้วยเถิด! เขาเป็นความหวังของเผ่าอาเอ่อร์เข้อของพวกเรา!”

เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้ว แล้วมองเว่ยจางอย่างรวดเร็ว

เว่ยจางทำสีหน้าที่เย็นชา ขมวดคิ้วเป็นปม นัยน์ตาเฉียบคม กลับไม่พูดไม่จาอะไรกับเหยาเยี่ยนอวี่

เขากำลังโกรธ เหยาเยี่ยนอวี่คลี่ยิ้มอย่างประหม่า แล้วค่อยๆ ดึงด้ายเงินที่พันเป็นแท่งในถุงบุหงา จากนั้นก็กลายเป็นเข็มเงินที่ยาวห้านิ้ว

“ข้าทำได้เพียงลอง” เหยาเยี่ยนอวี่มองสตรีที่คุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างรวดเร็ว “อาจจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีก็ได้”