บทที่ 175 แต่งตั้งฮ่องเต้

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 175

แต่งตั้งฮ่องเต้

“ฮองเฮากล่าวถูกต้องแล้ว”

ขุนนางทั้งสองคนที่อยู่ที่นั่นกล่าว ซึ่งพวกเขาต่างก็เตรียมใจไว้แล้วว่าหัวของพวกเขาคงได้ถูกตัดเป็นแน่แล้ว พวกเขานั้นคิดว่าสมควรที่จะให้องค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์ต่อ แต่ไม่คิดว่าฮองเฮานั้นกลับคิดให้ลูกชายของตัวเองยอมแพ้และให้คอยสนับสนุนองค์รัชทายาทเช่นนี้

แต่องค์ชายสองกลับปรากฏแววตาที่แหลมคมออกมาจากดวงตาของเขา แต่เขาก็ยังพูดอย่างเชื่อฟัง “ข้าจะเชื่อฟังการชี้แนะของท่านแม่”

แต่ในขณะที่ขุนนางทั้งสองคนนั้นกำลังคิดอย่างอ่อนหัดว่าเรื่องนี้คงจบแต่โดยดีแล้วนั้น ไหลฝูขันทีคนสนิทของฮ่องเต้ก็ได้หยิบเอาราชโองการออกมา

“นี่คือพระบรมราชโองการที่ฮ่องเต้ได้เตรียมเอาไว้ก่อนหน้า และได้รับสั่งให้ข้านำออกมาประกาศยามเมื่อฮ่องเต้สิ้นพระชนม์แล้ว”

“ท่านกงกงทำไมท่านยังไม่รีบอ่านอีก” ขุนนางทั้งสองคนนี้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้จงมาก พวกเขานั้นตัดสินใจอย่างหนักแน่นมากที่จะทำตามพระประสงค์ของฮ่องเต้จง ทันทีที่พวกเขาได้ยินเรื่องของราชโองการพวกเขาต่างก็เร่งเร้าอยากให้กงกงอ่านให้ทันที

“จากพระบรมราชโองการกล่าวเอาไว้ว่า องค์ชายสองนั้นเป็นคนมีหัวคิดฉับไวอีกทั้งยังเป็นคนใจกว้าง ข้านั้นไม่อยากให้ประเทศของเราต้องถูกทำลายเพราะความขัดแย้งของพี่น้อง ดังนั้นข้าจะขอมอบตำแหน่งฮ่องเต้ให้กับองค์ชายสอง จงหยวนเต๋อ และให้องค์ชายหนึ่งจงอันหรานคอยสนับสนุน องค์ชายสองเพื่อสร้างยุคสมัยที่รุ่งเรืองของรัฐจง”

“ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆปี”

ในห้องนั้น ทั้งห้าคนก็ได้ก้มลงคุกเข่ากับพื้นแล้วตะโกนเสียงดัง

เจียงหวายเย่ที่แอบอยู่บนหลังคาก็ได้มองไปที่ราชโองการอย่างครุ่นคิด

“ฮ่องเต้จงทิ้งราชโองการไว้จริงๆเหรอ?”

อันอี้ก็ได้ส่ายหัวของเขา “คนของเราไม่ได้รับทราบเรื่องนี้เลยขอรับ และฮ่องเต้จงเองก็ป่วยกะทันหัน จึงไม่น่าจะมีเวลาได้เตรียมราชโองการนะขอรับ”

“ดูเหมือนว่าฮ่องเต้จงเองก็คงจะสับสนเหมือนกัน เขาคงไม่รู้เลยว่าแม้แต่ขันทีคนสนิทของเขาก็ยังรับสินบน”

แล้วผู้คนที่อยู่ในห้องนั้นก็ได้ออกจากห้องไปเพื่อปรึกษาเรื่องนี้

เจียงหวายเย่ก็ได้เปิดกระเบื้องออกแล้วเข้าไปข้างใน จี๋เฟิงก็ได้เจ้าไปหาฮ่องเต้จงแล้วจับชีพจรของเขาที่แขนซ้าย

หลังจากที่ผ่านไปพักใหญ่ก็ได้มีแสงปรากฏออกมาจากแววตาของเขา จากนั้นเขาก็ได้รายงานต่อเจียงหวายเย่ “รายงานองค์ชาย ฮ่องเต้จงถูกพิษจริงๆขอรับ และเป็นพิษที่รุนแรงด้วย”

สีหน้าของเจียงหวายเย่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแม้แต่น้อยและกล่าวด้วยสีหน้านิ่งๆ “แล้วพอถอนพิษได้ไหม?”

จี๋เฟิงก็ได้คิดอยู่สักพักหนึ่ง แล้วจากนั้นก็ผงกหัวแล้วกล่าว “ถอนพิษได้ขอรับ”

“จบเรื่องแล้ว เตรียมตัวถอนกำลังได้”

เจียงหวายเย่ก็ได้ปรับคอเสื้อของเขาให้แน่นขณะที่สั่งการ ตั้งแต่ที่เขาถูกพิษนี้เขาก็ได้เริ่มรู้สึกหนาวมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่รู้กันว่าผู้ที่ฝึกยุทธ์นั้นจะมีกำลังภายในที่คอยช่วยป้องกันความหนาวเย็นได้ ทำให้พวกเขาไม่รู้ว่าความหนาวเย็นนั้นเป็นเช่นไร

แล้วพวกเขาก็ได้กลับไปที่โรงเตี๊ยม เจียงหวายเย่ก็ได้เขียนจดหมายแล้วให้คนนำไปส่งให้องค์ชายหนึ่งจงอันหราน

“ถ้าองค์ชายหนึ่งเห็นด้วยกับคำขอของเรา ให้เชิญเขามาที่หอปลาดำดิ่ง”

หลังจากที่เจียงหวายเย่สั่งการออกไปเสร็จ สีหน้าของเขาก็ได้ซีดเซียวมากขึ้น แล้วจากนั้นเขาก็ได้ลุกขึ้นยืนแล้วกลับไปที่ห้องนอนเพื่อพักผ่อน

องค์ชายหนึ่งแห่งรัฐจงที่ได้ทราบข่าวนี้ ตอนแรกก็ตื่นตระหนกเพราะในจดหมายเขียนไว้ว่าฮ่องเต้ถูกวางยาพิษและองค์ชายสองก็กำลังจะขึ้นครองราชบัลลังก์

เขาเดินไปเดินมาอยู่พักใหญ่ๆ แล้วสุดท้ายก็คิดได้ว่า ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นจะมีลูกเล่นอะไรหรือคิดจะทำอะไรกับเขา แต่เขาตัดสินใจที่จะยอมรับเงื่อนไขข้อตกลงที่ไม่ยุติธรรมนี้

ขอให้เขารอดไปจากเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้อย่างปลอดภัย เขาก็ยินดีที่จะช่วยคนคนนั้นซ่องสุมกำลังของเขาในรัฐจงเท่าที่ความสามารถของเขาจะทำได้ และเพื่อรัฐจงแล้วเขายินดีที่จะยอมรับแผนการของคนคนนั้น

หลังจากที่ตัดสินใจได้แล้ว องค์ชายหนึ่งก็ได้กล่าวกับคนของหอพันกล “ไปบอกเจ้านายของเจ้า ว่าข้าตกลง”

“เจ้านายได้สั่งเอาไว้ว่า หากว่าท่านตกลงให้ท่านไปพบกับเขาที่หอปลาดำดิ่ง แล้วเขาจะมอบยาถอนพิษให้กับท่าน”

จากนั้นคนของหอพันกลก็ได้หายไปทันที

ในวันนี้องค์ชายสองก็หาได้อยู่เฉยๆไม่ ถึงแม้ว่าเขาจะได้บัลลังก์มาเพราะพระบรมราชโองการปลอม แต่เขาก็ไม่ได้ใจกว้างมากพอที่จะปล่อยให้ตัวอันตรายอย่างองค์ชายหนึ่ง เขาจึงได้ตัดสินใจที่จะทำให้องค์ชายที่หนึ่งหมดสิทธิ์ช่วงชิงราชบัลลังก์

ไม่นานนักในเมืองหลวงก็ได้เต็มไปด้วยข่าวเรื่องที่ องค์ชายสองกำลังจะขึ้นครองพระราชบัลลังก์

ณ หอปลาดำดิ่ง เจียงหวายเย่ที่สวมหน้ากากสีดำที่ดูน่ากลัว ก็ได้มองไปที่องค์ชายหนึ่งด้วยสายตาที่หนาวเย็นมาก

“ในเมื่อข้ายินดีที่จะให้ความร่วมมือแล้ว ท่านพอจะบอกข้าได้หรือยังว่าท่านเป็นใครกันแน่?” องค์ชายหนึ่งได้นั่งลงอย่างเร่งรีบ เขานั้นไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเจียงหวายเย่ เพราะเขาสามารถรู้สึกได้ถึงบรรยากาศกดดันที่แผ่ออกมาจากฝ่ายตรงข้าม

เจียงหวายเย่ก็ได้กล่าวอย่างเยือกเย็น “มันไม่สำคัญหรอกว่าข้าจะเป็นใคร แต่สิ่งที่สำคัญคือข้าสามารถช่วยท่านกับพ่อของท่านได้”

“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่า ข้านั้นจะไม่ได้กระโดดลงเรือโจรน่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจียงหวายเย่ก็ได้หัวเราะแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ประชดประชัน “องค์ชายหนึ่ง ท่านยังมีสิทธิ์จะเลือกอีกเหรอ? องค์ชายสองเป็นคนเช่นไรนั้น ข้าคิดว่าท่านน่าจะรู้ดีกว่าข้านัก!”

จงอันหรานก็ยิ้มออกมาอย่างโมโห และรู้สึกได้ในใจลึกของเขา ว่าเขาไม่สามารถพูดเถียงอะไรเขาได้เลย ชายตรงหน้าเขานั้นได้พูดจี้ใจดำของเขาตรงๆซึ่งเขาก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆ องค์ชายสองนั้นเป็นคนใจคอคับแคบมาก และเพื่อการครอบครองราชบัลลังก์ของเขาแล้วก็ย่อมที่จะไม่ปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ดีไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ตาย สู้เลือกที่จะร่วมมือกับคนที่อยู่ตรงหน้าเขาเพื่อเอาชีวิตรอดดีกว่า!

“ข้ายินดีที่จะร่วมมือกับท่าน ตอนนี้ท่านมอบยาถอนพิษมาให้ข้าได้แล้ว!”

หัวใจขององค์ชายหนึ่งนั้นเต้นเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่รอรับยาแล้วก็ได้หันหน้าหนีราวกับไม่อยากให้อีกฝ่ายล่วงรู้ความคิดของเขา แต่ทว่าเสียงที่เยือกเย็นและน่ากลัวก็ได้ดังเข้ามาในหูของเขา ซึ่งทำให้องค์ชายหนึ่งถึงกับรู้สึกตัวสั่น เขานั้นสงสัยว่าอีกฝ่ายนั้นจะต้องมีความสามารถในการอ่านจิตใจแน่ๆ

“เดี๋ยวก่อน คำพูดปากเปล่านั้นไร้น้ำหนัก องค์ชายหนึ่งจะต้องลงลายมือลงไปในเอกสารนี้เสียก่อนแล้วข้าจะมอบยาให้แก่ท่าน”

ภายใต้การบีบบังคับของจากดวงตาของเจียงหวายเย่ องค์ชายหนึ่งก็ทำได้แค่กัดฟันยอมรับแล้วลงลายมือของเขาเพื่อเป็นการยืนยันการร่วมมือของเขากับรัฐเจียง

“อันอี้ มอบยาให้กับเขา”

ส่งยาให้กับองค์ชายหนึ่ง แล้วเจียงหวายเย่ก็ได้จากไป เขาเชื่อว่าองค์ชายหนึ่งนั้นไม่ใช่คนโง่ และจำเป็นที่เขาจะต้องมาสอนให้ทีหลัง

เมื่อเจียงหวายเย่ได้กลับมาถึงโรงเตี๊ยมอันฝู เขาก็เห็นม้าที่หน้าตาคุ้นๆซึ่งเป็นม้าที่เขาเคยให้ไป

นางอยู่ที่นี่อย่างนั้นเหรอ? แล้วนางมาที่นี่ทำไม?

เจียงหวายเย่ก็รู้สึกตื่นๆไปชั่วขณะหนึ่ง ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความหวังเล็กๆในใจของเขา เสี่ยวเหยียนเอ๋อนั้นยังเป็นห่วงเขาอยู่! แต่ในขณะที่เขากำลังยิ้มอยู่นั้น ในหัวของเขาก็คิดขึ้นมา มันจะเป็นไปได้อย่างไร?

แล้วเขาก็ได้ส่ายหัวก่อนที่จะเดินกลับไปที่ห้องของเขา

“องค์ชายกลับมาแล้วเหรอ?” เสียงของหลินซีเหยียนดังมาจากด้านนอก เจียงหวายเย่ก็ได้บิดริมฝีปากของเขาแล้วพยายามทำเป็นสนใจกับข้อมูลในมือของเขา

หลังจากนั้นสักพัก เสียงที่ดังมาจากด้านนอกก็ได้หายไป

เจียงหวายเย่ก็ได้วางข้อมูลในมือของเขาลง แล้วสีหน้าของเขาก็ไม่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ตั้งใจมาหาเขา นางแค่อยากจะถามข่าวคราวของเขาเพื่อหลบเลี่ยงเขาอย่างนั้นเหรอ?

เพราะความไม่ซื่อตรงกับใจนี้ ทำให้เขารู้สึกโกรธและท้อแท้อยู่เพียงลำพังนั้น แล้วเสียงเคาะประตูก็ได้ดังขึ้นมา

“องค์ชาย?”

หลินซีเหยียนก็ได้ตะโกนเบาๆ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา นางนั้นรู้ดีว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นคงไม่ต้องการที่จะพบนางในเวลานี้ แต่มันจะเป็นการดีกว่าที่เขาจะดื่มยาถอนพิษโดยเร็วที่สุด นางจึงได้พูดต่อ “ข้าจะเข้าไปล่ะนะ”

“เปิ่นหวางอนุญาตแล้วเหรอ?”

ในขณะที่หลินซีเหยียนได้ผลักประตูเข้ามา เสียงของเจียงหวายเย่ก็ได้ดังขึ้นมา แต่ฟังจากเสียงแล้วหลินซีเหยียนก็พอจะเดาได้รางๆถึงสภาพร่างกายของเขาว่าแย่มากเพียงใดในเวลานี้ นางจึงได้เมินเฉยต่อเสียงห้ามของเจียงหวายเย่แล้วผลักประตูเข้าไป

เมื่อนางพบเจียงหวายเย่ที่ตัวลีบบางราวกับก้านชาแล้ว ใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวและดวงตาก็ดำมืด ทำให้หลินซีเหยียนต้องกลั้นหายใจ

“นี่ท่านเห็นความสำคัญของร่างกายตัวเองบ้างไหม?”