เล่มที่ 6 บทที่ 180 หมู่บ้านของเราจะเกิดเรื่องใหญ่แล้ว

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

“แน่นอนอยู่แล้ว! ” เถียนเอ๋อกล่าว “พวกเราล้วนมีบุตรชายบุตรสาว เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการแต่งงานของลูกๆ พวกเรา! หากชื่อเสียงของหมู่บ้านเราฉาวโฉ่ ใครยังจะแต่งกับหญิงสาวจากหมู่บ้านเรา บุตรสาวบ้านไหนยังจะแต่งเข้าหมู่บ้านของเราอีก! ”

“สวรรค์ นี่เป็นเรื่องอะไรกัน เหตุใดถึงรุนแรงขนาดนั้น! ” ทุกคนอุทานด้วยความตกใจ แทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน

เถียนเอ๋อเก็บคืนสายตาที่มองเซี่ยยวี่หลัว กล่าวอย่างได้ใจ “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหมู่บ้านของเรา เกี่ยวข้องกับพวกเราทุกคน พวกเจ้าคิดดูสิ ว่ารุนแรงหรือไม่? ”

“เรื่องอะไรกัน? อย่างไรอีกเดี๋ยวหัวหน้าหมู่บ้านก็จะรู้แล้ว เจ้าบอกพวกเราเถอะ! ช้าเร็วก็รู้อยู่ดี! ”

เรื่องที่เถียนเอ๋อกล่าวมาน่าตกตะลึงเกินไป หญิงชาวบ้านแต่ละคนที่กำลังซักผ้าอยู่ริมแม่น้ำต่างขยับเข้ามาใกล้เถียนเอ๋อ อ้อนวอนให้เถียนเอ๋อบอกเล่าเรื่องราวให้พวกเขารู้ก่อน

เซี่ยยวี่หลัวบิดเสื้อตัวสุดท้ายเสร็จ ใส่ไว้ในถัง จากนั้นล้างไม้ที่ใช้ในการตีผ้าเสร็จ เสียบไว้ในถังไม้ ก้มตัวยกถังหันตัวเดินไปทางบันได

ทำราวกับไม่ได้ยินเรื่องที่เถียนเอ๋อกล่าว ไม่สนใจแม้แต่น้อย

เถียนเอ๋อไม่ชอบใจใบหน้างดงามไร้ที่ติของเซี่ยยวี่หลัวที่ทำท่าทางเหมือนไม่สนใจเรื่องอะไรเลย “ภรรยาเซียวยวี่ เจ้าไม่สงสัยหรือว่าเป็นเรื่องอะไร? ”

เถียนเอ๋อยังไม่ได้กล่าวอะไรกับผู้อื่น กลับเอ่ยปากถามเซี่ยยวี่หลัวที่ไม่ได้กล่าวอะไรมาตลอด

ทุกคนหันมองไปทางเซี่ยยวี่หลัวตามเสียงของนาง

ยังคงเป็นเส้นผมสีดำสนิทเงางาม เพียงถักเปียอย่างเรียบง่ายปล่อยลู่ลงตรงอก และผูกเชือกผูกผมสีขาวแต่งแต้มบนผมสีดำ เสื้อสีเทาที่ทำจากผ้าหยาบเป็นสีเทาซีด แต่ไม่อาจบดบังบุคลิกสูงส่งและงามสง่าของเซี่ยยวี่หลัวได้เลย

ช่างงดงามไร้ที่ติจริงๆ

แค่นางหันหน้ามา ก็ทำให้ทุกคนแทบหยุดหายใจ คนที่กำลังมองนางคือสตรีกลุ่มหนึ่ง หากเปลี่ยนเป็นบุรุษกลุ่มหนึ่ง…

เถียนเอ๋อยิ้มอย่างเย็นเยียบ สมกับเป็นนางจิ้งจอก แค่แย้มรอยยิ้มก็ทำให้คนหลงจนไม่รู้ทิศเหนือใต้ออกตกแล้ว

เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าวอย่างเรียบสงบ “ข้าไม่สงสัย! ”

กล่าวจบ หิ้วถังไม้ขึ้นบันได รูปร่างสูงโปร่งอ่อนช้อย แม้จะหิ้วถังไม้ที่ทั้งใหญ่และหนัก ก็ดูจะไม่อาจลดทอนบุคลิกสูงส่งสง่างามของนางได้เลย

เถียนเอ๋อมองเซี่ยยวี่หลัวจนเดินหายลับตาไป ตวัดมุมปากเผยรอยยิ้มเย็นเยียบ

หญิงชาวบ้านข้างๆ เห็นเซี่ยยวี่หลัวไปแล้ว จึงขยับเข้ามาใกล้อีก “นี่เถียนเอ๋อ เจ้ารีบบอกมา แอบบอกพวกเราก็ได้ สามีเจ้าเห็นอะไรเข้างั้นหรือ? ”

บัดนี้เถียนเอ๋อไม่เกรงกลัวอะไรอีก กดเสียงให้ต่ำ กล่าวอย่างมีลับลมคมใน “สามีข้าเห็นหญิงที่แต่งงานแล้วลักลอบคบชู้! ”

“เฮือก…”

ทุกคนต่างส่งเสียงอุทานพร้อมสูดลมหายใจเฮือกด้วยความตกใจ!

“พูดจริงหรือพูดเล่น? ”

“ต้องจริงอยู่แล้ว เซียวจินบ้านข้าเห็นกับตา จะเป็นเท็จได้อย่างไร! ” เถียนเอ๋อกล่าวด้วยท่าทางมั่นใจเต็มเปี่ยม “ชายชู้ไปหาถึงบ้าน ทั้งสองคนลักลอบอยู่ด้วยกันในบ้านตั้งนานถึงจะออกมา! ”

“ภรรยาของใครกัน? ใจกล้าเกินไปแล้วกระมัง! ”

เถียนเอ๋อเอื้อมมือลูบไรผม ยิ้มพร้อมกล่าว “พวกเจ้าลองเดาดู! ”

เรื่องราวต่อจากนั้นนางไม่ได้กล่าวอีก แต่นางเปิดเรื่องไว้เป็นอย่างดี ทุกคนถูกคำพูดของนางดึงดูดความสนใจ ซักผ้าไปพลางเอ่ยชื่อหญิงที่แต่งงานแล้วในหมู่บ้านไปพลาง

คาดเดาคนแล้วคนเล่า ทุกคนต่างรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ เถียนเอ๋อก็ไม่ได้กล่าวอะไร

เวลานี้เอง มีคนเอ่ยชื่อหนึ่งด้วยน้ำเสียงหวั่นๆ “คงไม่ใช่ภรรยาเซียวยวี่กระมัง? ”

ทั้งหมู่บ้านก็มีแต่ภรรยาเซียวยวี่ที่หน้าตาดีที่สุด ทั้งยังเพิ่งแต่งงาน ไม่เคยมีบุตร ชายชู้โปรดปรานสตรีประเภทนี้เป็นที่สุด

ทุกคนต่างไม่กล่าวอะไร พากันหันมองไปทางเถียนเอ๋อ เมื่อครู่เถียนเอ๋อยิ้มตลอด คราวนี้นางไม่ยิ้มแล้ว เพียงกล่าวอย่างเป็นนัย “แต่ก่อนตอนบิดามารดาเซียวยวี่ยังอยู่ เคยช่วยหมู่บ้านเราไว้ไม่น้อยเลย น่าเสียดายหลังจากพวกเขาตายจากไป เซียวยวี่คนเดียวต้องเลี้ยงเด็กสองคน ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากอย่างที่ไม่อาจบรรยายได้เลย! ”

คนอื่นๆ ที่ถูกเดาก่อนหน้านี้ เถียนเอ๋อไม่เคยแสดงความคิดเห็นอะไร มีเพียงภรรยาเซียวยวี่…

ทุกคนต่างหันมองกันไปมองกันมา แต่ละคนต่างก็รู้สึกตกใจเสียยิ่งกว่ากระไร ราวกับค้นพบเรื่องใหญ่โตอย่างไม่คาดคิด “หรือจะเป็นภรรยาเซียวยวี่จริงๆ ? ”

เถียนเอ๋อแสร้งทำเป็นไม่รู้ “ข้าไม่ได้พูดอะไรเลย พวกเจ้าคาดเดากันเอง! ข้าไม่ได้พูดอะไรเลย! ”

ทุกคนเงียบกริบ ไม่กล้ากล่าวอะไรอีก ต่างก็แสดงสีหน้าราวกับได้รู้ความลับของสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น ซักผ้าเสร็จก็รีบกลับบ้านอย่างรวดเร็ว

เถียนเอ๋อโยนเสื้อผืนสุดท้ายลงแม่น้ำด้วยท่าทางได้ใจ!

เซี่ยยวี่หลัวหิ้วถังไม้เดินกลับบ้านอย่างรวดเร็ว ใกล้ถึงบ้านแล้ว กลับเห็นเซียวต้าจ้วงและเซียวเสี่ยวฮวาขวางทางจื่อเมิ่งไม่ให้นางผ่าน

“พวกเจ้าหลีกไป ข้าจะกลับบ้าน! ” เซียวจื่อเมิ่งน้ำเสียงละมุน แต่ไม่มีความหวาดกลัวเหมือนแต่ก่อน แฝงเร้นด้วยความเข้มแข็ง

ต้าจ้วงเอื้อมมือจะปัดอ่างไม้ในมือจื่อเมิ่ง เซียวจื่อเมิ่งถอยหลัง ต้าจ้วงตีไม่โดน โมโหจนคิดจะเข้าไปยื้อแย่ง เซี่ยยวี่หลัวรีบสาวท้าวก้าวใหญ่มาถึงตรงหน้า พร้อมตะโกนเสียงดัง “จื่อเมิ่ง…”

เซียวต้าจ้วงและเซียวเสี่ยวฮวาเห็นเซี่ยยวี่หลัวมาแล้ว จึงรีบวิ่งหนีไป

เซี่ยยวี่หลัวรีบเดินมาตรงหน้า เอ่ยถามด้วยความวิตก “จื่อเมิ่ง เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม? พวกเขารังแกเจ้าหรือไม่! ”

เซียวจื่อเมิ่งยิ้มพร้อมส่ายหน้า “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ ครั้งนี้ข้าไม่ปล่อยให้พวกเขารังแกหรอกเจ้าค่ะ! หากเมื่อครู่พวกเขากล้ารังแกข้า ข้าจะวิ่งกลับหลัง ไม่กลัวพวกเขาหรอกเจ้าค่ะ! ”

เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมลูบศีรษะนาง กล่าวด้วยท่าทางเอ็นดู “อื้ม ใครก็รังแกพวกเราไม่ได้ พวกเราไม่กลัวพวกเขา! ”

ทั้งสองคนกลับบ้านอย่างมีความสุข เซียวยวี่นั่งอยู่ในห้องหนังสือ ได้ยินเสียงเปิดประตูดังจากข้างนอก ยังมีเสียงหัวเราะของเซียวจื่อเซวียน “พี่สะใภ้ใหญ่ กลับมาแล้วงั้นหรือขอรับ ข้าจะไปตากเสื้อผ้าให้ขอรับ! ”

พี่สะใภ้ใหญ่ซักเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เซียวจื่อเซวียนย่อมไม่ให้พี่สะใภ้ใหญ่ไปตาก เขาซักเสื้อผ้าไม่เป็น แต่ตากผ้าเก่งทีเดียว!

เซี่ยยวี่หลัววางถังไม้ลงบนพื้น จื่อเมิ่งก็วางอ่างไม้ลงบนพื้น “เช่นนั้นเจ้าตากเสื้อผ้า ข้ากับจื่อเมิ่งเข้าไปดื่มน้ำก่อน”

“ขอรับ พี่สะใภ้ใหญ่ พวกท่านรีบเข้าไปพักก่อน! ข้าเด็ดผักและล้างจนสะอาดแล้ว พวกท่านไปพักก่อน! ” เซียวจื่อเซวียนกล่าว พี่สะใภ้ใหญ่ไปซักเสื้อผ้า เขาอยู่บ้านก็ไม่ได้อยู่เฉย แต่ไปเด็ดผักที่จะกินช่วงเที่ยงวันนี้ที่สวนหลังบ้าน พร้อมทั้งล้างจนสะอาด

ช่างเป็นลูกผู้ชายตัวน้อยที่ทั้งเอาใจใส่และขยันขันแข็งเสียจริง!

เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมชูนิ้วโป้งขึ้น เซียวจื่อเมิ่งหัวเราะพร้อมกล่าวเสียงใส “พี่รอง พี่สะใภ้ใหญ่ชมว่าท่านเก่งมากเจ้าค่ะ! พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าก็อยากให้ท่านชมว่าข้าเก่งมากเจ้าค่ะ! ”

“จื่อเมิ่งของเราก็เก่งมาก เพื่อเป็นการชมเชยที่พวกเจ้าสองคนขยันและรู้ความ เที่ยงนี้พี่สะใภ้ใหญ่จะทำอาหารอร่อยให้พวกเจ้ากิน” เซี่ยยวี่หลัวโน้มตัว เอื้อมมือไปบีบแก้มนุ่มของเซียวจื่อเมิ่ง น้ำเสียงอ่อนโยนอบอุ่น เอ็นดูถึงขีดสุด

เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งหัวเราะพร้อมกล่าว “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านจะทำอาหารอร่อยอะไรให้พวกเรากินงั้นหรือ? ” เวลานี้เด็กสองคนมีปฏิกิริยาตอบสนองตามสัญชาตญาณแล้ว ขอเพียงได้ยินว่าเป็นของอร่อย ก็แทบน้ำลายสอทันที

“ได้กินตอนเที่ยงก็รู้เอง! ” เซี่ยยวี่หลัวยั่วให้อยากรู้แต่ไม่ยอมบอก