ตอนที่ 106: จุดตันเถียน

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 106: จุดตันเถียน

จากนั้นเจี้ยนเฉินและเหล่าทหารรับจ้างก็เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่น่าสนใจมากมายที่พวกเขาเคยได้ยินในช่วงที่พวกเขาเดินทางผ่านทวีปเทียนหยวน ขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน เจี้ยนเฉินและกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีก็สนิทสนมกันโดยไม่ทันรู้ตัว

แต่สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงคือสมาชิกทุกคนของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีนั้นพูดกันตรงไปตรงมารวมทั้งหัวหน้าเคนดัล พวกเขาทั้งหมดอารมณ์ดีและถึงแม้ว่าเจี้ยนเฉินเปิดเผยว่าเขาเป็นทหารรับจ้างระดับ D มันก็ไม่มีคนไหนจับผิดเขาหรือปฏิบัติไม่ดีต่อเขา ในทวีปนี้ที่ซึ่งพลังเป็นใหญ่ ผู้คนเช่นนี้หายากมาก

และด้วยเหตุนี้เจี้ยนเฉินจึงประทับใจกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีอย่างมาก

ไม่มีใครรู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แสงแดดยามบ่ายก็ส่องเข้ามาอย่างรวดเร็วเมื่อเสียงเคาะประตูเตือนทุกคนที่อยู่ในห้อง

“ต้องเป็นคาโบลด์ที่เคาะประตูแน่นอน” เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เสี่ยวเต๋าก็เผยรอยยิ้มที่มีความสุขขณะที่เขาเปิดประตู

ขณะที่เจี้ยนเฉินมองดูประตูที่เปิดอยู่ เขาสงสัยว่าอีกสองคนที่เหลืออยู่ของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีจะเป็นอย่างไร

ประตูถูกเปิดออก มีชายสองคนสวมเสื้อผ้าธรรมดาเดินเข้ามาในห้อง คนแรกดูเหมือนจะอายุประมาณ 30 ปี เขามีรูปร่างใกล้เคียงกับเจี้ยนเฉินและดวงตาของเขาส่องประกายสดใส คนที่ตามมาคือคนที่มีลักษณะคล้ายกับหัวหน้าเคนดัลที่ดูมีอายุ ใบหน้าและดวงตาของเขาค่อนข้างธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ

” คาโบลด์, ดีรี่,ในที่สุดเจ้าทั้งสองก็กลับมา” หัวหน้าเคนดัลหัวเราะ ” ข้าขอแนะนำให้เจ้ารู้จักคนที่เพิ่งเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีของเรา เจี้ยนเฉิน ตอนนี้เราทุกคนเป็นพี่น้องกัน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราให้ความสนใจซึ่งกันและกัน”

เคนดัลจึงหันไปมองเจี้ยนเฉิน “น้องเจี้ยนเฉิน คนที่อายุน้อยกว่าชื่อคาโบลด์ เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งและเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีของเรา คาโบลด์จะคอยแนะนำและพิจารณาถึงสิ่งที่เราควรทำ คนที่อยู่ข้างเขาคือดีรี่ ซึ่งเป็นทหารรับจ้างที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มของเรารองจากข้า ซึ่งเขาเป็นเซียนระดับสูงขั้นสูงสุด ข้าเชื่อว่าภายใน 3 ปี เขาจะก้าวหน้าและตัดผ่านเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญ

เจี้ยนเฉินยกมือขึ้นเพื่อทักทายและแสดงความเคารพต่อคาโบลด์และดีรี่.

“เจี้ยนเฉิน แค่มองเจ้า ข้าเดาว่าเจ้าอายุประมาณ 20 ปี ข้าจึงไม่แน่ใจว่าเจ้าแข็งแกร่งแค่ไหน” คาโบลด์จ้องมองเจี้ยนเฉินด้วยสายตาที่ใคร่ครวญและส่งเสียงแปลก ๆ

เจี้ยนเฉินแค่หัวเราะโดยไม่พูดอะไรอีกแล้วก่อนที่จะหยิบตราเครื่องหมายทหารรับจ้างของเขาออกจากภายในเข็มขัดมิติขึ้นมา “ไม่นานมานี้เองที่ข้าเพิ่งกลายเป็นทหารรับจ้างระดับ D”

“โอ้ ” คาโบลด์พยักหน้าขณะที่เขาจ้องมองเจี้ยนเฉิน ดวงตาของเขาเผยให้เห็นแสงที่ส่องประกายสดใส จากนั้นคาโบลด์ก็หยิบเข็มขัดมิติและมอบมันให้เคนดัล “ลุงเคนดัล ข้าได้เตรียมทุกอย่างที่เราต้องการสำหรับการดำเนินการในวันพรุ่งนี้”

เคนดัลรับเข็มขัดมิติจากคาโบลด์และกล่าวว่า “ดีแล้ว ตอนนี้การเตรียมการทั้งหมดสำหรับการเดินทางเสร็จสิ้นแล้ว เราจะออกเดินทางในเช้าวันพรุ่งนี้ ในครั้งนี้เราจะล่าสัตว์อสูรได้มากมายอย่างแน่นอน น้องเจี้ยนเฉิน เจ้ามีข้อเสนออะไรหรือไม่ ? “

” ไม่มี ข้าจะเชื่อฟังลุงเคนดัล” เจี้ยนเฉินหัวเราะ

“เอาล่ะ ทุกคนควรพักผ่อนในวันนี้ พรุ่งนี้จะเป็นอีกวันที่เราจะออกไปข้างนอก”

………

หลังจากออกจากบ้าน เจี้ยนเฉินก็เริ่มเดินเล่นรอบเมืองเวคด้วยตัวเอง เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจภารกิจในวันพรุ่งนี้เลยเพราะหากเหล่าทหารรับจ้างอัคนีไม่ต้องการตายทันที พวกเขาจะไปหาสัตว์อสูรระดับ 2 ก่อน ถึงแม้ว่ากลุ่มทหารรับจ้างอัคนีจะมีเซียนผู้เชี่ยวชาญ 1 คนและมีเซียนระดับสูง 4 คน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจัดการสัตว์อสูรระดับ 3 ได้ง่าย ๆ ดังนั้นกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตามล่าสัตว์อสูรระดับ 2 สำหรับตอนนี้ แต่ในกรณีของเจี้ยนเฉินอาจกล่าวได้ว่าไม่มีสิ่งใดที่จะเป็นภัยคุกคามต่อเขานอกจากสัตว์อสูรระดับ 4

แม้ว่าเขาจะต้องเจอกับสัตว์อสูรระดับ 4 ที่เขาไม่สามารถเอาชนะได้ เขาก็มั่นใจในความสามารถของตัวเองว่าอย่างน้อยที่สุดเขาสามารถหนีรอดไปได้ ด้วยเหตุผลเหล่านี้ เจี้ยนเฉินจึงไม่รู้สึกกดดันใด ๆ เกี่ยวกับงานในวันพรุ่งนี้

หลังจากที่เจี้ยนเฉินพูดคุยกับทหารรับจ้างคนอื่น ๆ เกี่ยวกับเสบียงที่เขาต้องการ เขารวบรวมสิ่งของจำเป็นส่วนใหญ่เสร็จแล้วและยังคงเดินเล่นรอบเมืองเวค

ครั้งแรกของการมายังเมืองเวคของเจี้ยนเฉินก็ผ่านมาเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้ว เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในเทือกเขาสัตว์อสูร เขาใช้เวลาสองสามวันอยู่ในห้อง และจากนั้นเกือบตลอดเวลาก็ใช้ไปกับการบ่มเพาะ เจี้ยนเฉินไม่มีเวลาส่วนตัวเลย เขาจึงต้องการใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาว่างนี้เพื่อหยุดพัก

แม้ว่าเมืองเวคไม่ใช่เมืองที่ใหญ่โตแต่มันก็ยังใหญ่อยู่ในตัวของมันเอง ถึงแม้จะมีกำแพงเหล็กขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบเมือง ในเวลา 1 วันนักเดินทางก็สามารถไปถึงฝั่งตะวันตกจากทางตะวันออกได้หากพวกเขาเดินเร็วพอ เนื่องจากอยู่ใกล้กับเทือกเขาสัตว์อสูร ชายแดนของเมืองจึงมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ ดังนั้นหนึ่งในสามของพื้นที่ในเมืองเวคจึงเป็นเจ้าของโรงเตี๊ยมและพื้นที่ส่วนตัว

เจี้ยนเฉินเดินไปตามถนนอย่างช้า ๆ และมองดูคนค้าขายริมถนนหลายแห่งที่อยู่ด้านข้าง คนค้าขายเหล่านี้หลายคนเป็นทหารรับจ้าง มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เป็นพ่อค้าจริง ๆ แผงขายของเหล่านี้มีสิ่งของหลายอย่างรวมถึงยาสมุนไพร, แกนอสูร, และแม้แต่ของเล่นสำหรับเด็ก ถึงกระนั้นแกนอสูรที่ค้าขายกันส่วนใหญ่ที่นี่ก็คือแกนอสูรระดับ 1 , แกนอสูรระดับ 2 แทบจะไม่ปรากฏให้เห็น ด้วยเหตุนี้เจี้ยนเฉินจึงไม่สนใจสิ่งนี้มากนัก

มีสัตว์อสูรมากมายในทวีปนี้ แต่ถ้าทหารรับจ้างขายแกนอสูรผ่านพ่อค้า พวกเขาจะได้รับเพียง 7 ส่วนของราคาตลาด ด้วยเหตุนี้ ทหารรับจ้างจำนวนมากจึงอยากขายสินค้าด้วยตัวเองเนื่องจากแกนอสูรนั้นเป็นที่ต้องการอย่างมากในทวีปเทียนหยวน ถึงอย่างนั้นหลาย ๆ คนก็ยังคงจ้างทหารรับจ้างเพื่อไปฆ่าสัตว์อสูรแทนการไปด้วยตัวเอง

ในขณะที่เจี้ยนเฉินสนุกกับการเดินอย่างสบายใจ แสงสีฟ้าและสีม่วงในจุดตันเถียนของเขาก็เริ่มเต้นแรงจนมันเริ่มกระทบทั้งจุดตันเถียนและร่างกายของเขา ก่อนหน้านี้จุดตันเถียนของเขาก็เหมือนทะเลสาบนิ่ง ๆ ที่ไม่มีระลอกคลื่น แต่ตอนนี้ทะเลสาบกลายเป็นทะเลที่บ้าคลั่งพร้อมกับคลื่นที่รุนแรงพร้อมที่จะนำทุกสิ่งจมน้ำตายไปในเส้นทางของมัน แม้จะมีการใช้พลังเซียน เจี้ยนเฉินก็ยังไม่สามารถควบคุมพายุนี้ได้

ใบหน้าของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปเมื่อเขาตระหนักว่าเขาไม่สามารถควบคุมแสงสีฟ้าและสีม่วงได้อีกต่อไป นี่เป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่เจี้ยนเฉินกลัว แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วแสงไฟทั้งสองจะลอยไปรอบ ๆ ภายในจุดตันเถียนของเขาและใช้พลังงานส่วนใหญ่ภายในแกนอสูร เจียนเฉินรู้ดีว่าไม่ช้าก็เร็วแสงทั้งสองนี้จะก่อปัญหามากมายให้กับเขา และดูเหมือนว่าในที่สุดวันนี้เป็นวันที่แสงสีฟ้าและสีม่วงจะไม่อยู่อย่างสงบในตัวเขาอีกต่อไป