ตอนที่ 775 สมควรแท้ง

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

“ไป๋อวี๋คะ เราขอถามได้ไหมว่าไป๋หลินหลินแท้งลูกจริงหรือเปล่าคะ ไป๋หลินหลินท้องทั้งที่ยังไม่แต่งงานใช่ไหมคะ คุณบอกเราได้ไหมว่าพ่อของเด็กคือใคร”

 

 

ภายใต้สถานการณ์ปกติ เมื่อไหร่ก็ตามที่นักข่าวถามคำถามที่เจาะลึกเช่นนี้ จะไม่มีศิลปินคนไหนตอบเพราะมันเป็นคำถามที่ไม่ค่อยมีมารยาท

 

 

ดังนั้นนักข่าวจึงไม่คาดคิดว่าไป๋อวี๋จะตอบคำถามพวกนั้นจริงๆ คำถามส่วนใหญ่จึงมีไว้เพื่อสร้างบรรยากาศเท่านั้น

 

 

กระนั้นหลังจากเผชิญหน้ากล้องจำนวนมาก ไป๋อวี๋จึงเริ่มปริปากพูด “ใช่ค่ะ ไป๋หลินหลินท้อง”

 

 

หลังได้ยินคำตอบของไป๋อวี๋ บรรดานักข่าวต่างมองหน้ากันและยิงคำถามต่อเนื่อง “ถ้างั้นใครเป็นพ่อเด็กคะ”

 

 

“ไป๋หลินหลินแท้งลูกได้ยังไงครับ”

 

 

“ทำไมไป๋หลินหลินถึงแท้งงั้นเหรอคะ” หลังได้ยินคำถามเหล่านั้น ไป๋อวี๋รู้สึกขบขันเล็กน้อย “ไป๋หลินหลินเป็นพวกชอบแย่งสามีชาวบ้าน ดังนั้นถึงสมควรที่จะแท้งแล้วล่ะค่ะ”

 

 

นักข่าวไม่เคยเห็นไป๋อวี๋ที่เป็นแบบนี้มาก่อน เธอมักจะรักษาภาพลักษณ์ใจดีต่อหน้ากล้องและแสดงอีคิวสูงส่งของตัวเองอยู่เสมอ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้คราวนี้ไป๋อวี๋พูดออกมาโดยไม่ยั้งคิดราวกับเธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

 

 

ไป๋หลินหลินเป็นพวกแย่งสามีชาวบ้านและสมควรแท้ง!

 

 

หากนี่เป็นความจริง ไป๋หลินหลินก็ยังเป็นน้องสาวของเธอ…

 

 

ไป๋อวี๋ไม่ควรทำเรื่องใจดำเช่นนี้ไม่ใช่หรือ

 

 

“คุณไป๋ช่วยอธิบายในรายละเอียดหน่อยได้ไหมคะ ไป๋หลินหลินย่างเท้าเข้าไปยุ่งกับครอบครัวของใครอย่างนั้นหรือคะ”

 

 

เมื่อได้ยินคำถามนี้ ไป๋อวี๋ก็ทำท่าทางให้กล้องเล็งไปยังไป๋หลินหลิน “ช่วยจับภาพไปที่คนคนนั้นแล้วจำไว้ผลลัพธ์ของการทำลายครอบครัวคนอื่นไว้ด้วยนะคะ เธอไม่ได้ทำลายครอบครัวของใครที่ไหนหรอกค่ะ เธอทำลายครอบครัวของพี่สาวตัวเอง

 

 

“ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ ไป๋หลินหลินให้ท่าสามีฉันและแอบเป็นชู้กับเขา…

 

 

“หลังจากที่ฉันกลับบ้าน ฉันจะประกาศการหย่าอย่างเป็นทางการ ฉันรู้ว่าการประกาศในครั้งนี้จะทำให้ฉันกลายเป็นตัวตลกในวงการ ดังนั้นฉันจะไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไป ฉันจะกลับไปอเมริกา แต่ก่อนที่ฉันจะกลับไป ฉันหวังจะได้เห็นชายโฉดหญิงชั่วสองคนนี้ได้รับการลงโทษที่สาสม

 

 

“ถึงไป๋หลินหลินจะเป็นน้องสาวของฉัน ฉันก็ไม่คิดจะยกโทษให้กับสิ่งที่เธอได้ทำ ที่จริงนับจากนี้ไปไป๋หลินหลินจะไม่ใช่น้องสาวของฉันอีก

 

 

“ส่วนเรื่องรายละเอียดว่าเธอเป็นชู้ได้ยังไง ฉันคิดว่าพวกคุณถามเธอเอาเองดีกว่าค่ะ นับจากนี้ฉันหวังว่าพวกคุณจะให้ฉันได้อยู่ตามลำพัง ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้วนอกจากความสงบสุข ฉันหวังว่าพวกคุณจะทำตามคำเรียกร้องอันแสนธรรมดานี้ได้นะคะ” พูดจบ ไป๋อวี๋ก็ผลักนักข่าวที่อยู่ตรงหน้าเธอออกให้พ้นทางและเดินออกจากโรงพยาบาลอย่างเต็มภาคภูมิ

 

 

เธออยากจะทำเรื่องแบบนี้มานานมากแล้ว นานมากจริงๆ

 

 

หลังจากการเสแสร้งมานานหลายปี เธอพอแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้จึงมาได้เวลาพอดี

 

 

อีกทั้งเธอได้แรงบันดาลใจมาจากถังหนิง ถังหนิงไม่เพียงรู้วิธีวางตัวอย่างเหมาะสมและมีทักษะการแสดงที่ดีแล้ว เธอยังไม่เคยทำผิดกับใคร ดังนั้นชีวิตของถังหนิงจึงเที่ยงตรงและเปิดเผย เมื่อเทียบกันแล้ว ไป๋อวี๋ทำเรื่องไม่ถูกต้องมามากมายจนทำให้เธอรู้สึกเล็กๆ ว่าการที่เธอพบว่าสามีของตัวเองมีชู้นั้นเป็นเรื่องสมควรแล้ว

 

 

อาจเป็นเพราะเธอทำผิดมามากเกินไปจริงๆ …

 

 

หลังจากการได้พูดตามจริงในครั้งนี้ เธอก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก

 

 

ไม่นาน ไป๋อวี๋กลับมาเก็บข้าวของของเธอ แต่เจฟพลันปรากฏตัวในห้องนั่งเล่นและพยายามจะห้ามเธอไว้ “ที่รัก คุณกำลังพยายามจะทำอะไร”

 

 

“ไป๋หลินหลินอยู่ที่โรงพยาบาล คุณควรจะไปเยี่ยมเธอซะ”

 

 

“ที่รัก ผมผิดไปแล้ว…” เจฟก้าวถอยหลังสองก้าวก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้น

 

 

“แย่หน่อยนะ มันสายไปแล้ว” ไป๋อวี๋ตอบอย่างเย็นชา “คุณกับนังสารเลวไป๋หลินหลินเชิญกอดกันให้ตายไปเลย ฉันเซ็นใบหย่าเรียบร้อยแล้ว” หลังจากพูดในสิ่งที่เธออยากพูด ไป๋อวี้ก็ลากกระเป๋าเดินทางและออกจากบ้านไป ในขณะที่ชายซึ่งถูกทิ้งไว้เบื้องหลังได้แต่ผลักเก้าอี้จนล้มด้วยความผิดหวัง

 

 

มันจบแล้ว ทุกอย่างมาถึงจุดจบ

 

 

หลังเตรียมกระเป๋าทั้งหมด ไป๋อวี๋ก็เดินทางกลับไปยังอเมริกา แต่ก่อนที่เธอจะจากไป เธอได้เขียนโน้ตถึงถังหนิง

 

 

หลังได้โม่ถิงได้รับโน้ตดังกล่าวที่ไห่รุ่ย เขานำกลับไปให้ถังหนิง

 

 

เป็นเรื่องแปลกในการได้รับสิ่งของบางอย่างจากหนึ่งในศัตรู แต่อย่างไรก็ดี ถังหนิงเปิดซองจดหมายออกเพื่อดูสิ่งที่อยู่บนโน้ตใบนั้น

 

 

มันเป็นเพียงข้อความสั้นๆ ที่อ่านได้ใจความว่า [คุณชนะแล้ว คุณชนะอย่างขาวสะอาดและยุติธรรม]

 

 

“ดูเหมือนไป๋อวี๋จะโดนไปชุดใหญ่อยู่นะคะ”

 

 

“เธอถูกทรยศถึงสองครั้ง ดังนั้นความเจ็บปวดต้องแทงลึกมาแน่” โม่ถิงอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขายังจำได้ว่าในอดีตถังหนิงเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเพราะถูกหันอวี่ฝานทรยศและเริ่มต้นชีวิตใหม่ ดังนั้นพลังแห่งการเกลียดชังจึงไม่อาจดูถูกได้

 

 

“ไป๋อวี๋เป็นคนฉลาด เธอจะผ่านเรื่องพวกนี้ไปได้ในไม่ช้า” ถังหนิงวางซองจดหมายลง แน่นอนว่าเธอยังคงให้ความสนใจกับชะตากรรมของไป๋หลินหลินอย่างใกล้ชิด

 

 

ในขณะนั้น โรงพยาบาลถูกล้อมจนหมด ไป๋หลินหลินเหลือตัวคนเดียว ดังนั้นหลังจากที่เธอฟื้นคืนสติ เธอจึงทำได้เพียงจ้องมองกระจกด้วยความงุนงง ทุกอย่างถูกเปิดเผยหมดแล้ว สำหรับหญิงสาววัยสี่สิบต้นๆ แบบเธอ การถูกคนทั้งประเทศด่าว่าเป็นเมียน้อยไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะสามารถรับมือได้

 

 

คนที่เลวร้ายที่สุดคือคนชั่วที่ทำร้ายพี่น้องทั้งสองคน…

 

 

[วงการนี้วุ่นวายดีแท้ ไป๋อวี๋เพิ่งจะออกรายการโทรทัศน์ไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนนี้กลับเกือบจะถอนตัวออกจากวงการ ความรู้สึกที่โดนน้องสาวตัวเองทรยศต้องยากเกินกว่าจะรับมือไหวแน่]

 

 

[ไป๋หลินหลินนี่เลวจริงๆ ให้ท่าพี่เขยลับหลังพี่สาวตัวเองได้ยังไงกัน ถ้าฉันเป็นไป๋อวี๋ ฉันคงทำให้มันชีวิตมันเหมือนตกนรกแน่]

 

 

[แต่ไม่ใช่ว่าไป๋อวี๋กำลังพยายามรักษาภาพพี่สาวข้างบ้านผู้แสนดีอยู่หรอกเหรอ ดูเหมือนพอจับได้ว่าน้องสาวกับสามีตัวเองเล่นชู้กัน เธอก็ไม่สามารถทนสร้างภาพต่อไปได้อีก]

 

 

[พี่น้องคู่นี้ไม่มีใครดีไปกว่ากันหรอก แต่ไป๋หลินหลินแย่กว่าไป๋อวี๋เยอะ]

 

 

อ้างอิงจากหลงเจี่ย หลังจากไป๋อวี๋ออกจากปักกิ่ง สามีห่วยแตกของเธอก็บินกลับไปอเมริกาด้วยและไป๋หลินหลินกลายเป็นที่รู้จักในฐานะผู้หญิงสำส่อน หลังจากอยู่โรงพยาบาลได้ไม่นาน สุดท้ายไป๋หลินหลินหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สามารถทนกับแรงกดดันได้และตัดสินใจหนีไปซ่อนตัว หลังจากนั้นไม่นานมีข่าวลือออกมาว่าไป๋หลินหลินกลายเป็นคนวิกลจริต แน่นอนว่าไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริงหรือไป๋หลินหลินแค่แสดงละคร เธอก็ทำได้เพียงโทษตัวเองเท่านั้น

 

 

เมื่อเทียบกันแล้ว อาชีพของเฉินซิงเยียนกำลังเติบโตอย่างมั่นคงกว่ามาก แต่กระนั้น ไม่มีเส้นทางของใครที่โรยไปด้วยกลีบกุหลาบเสมอ

 

 

ที่เฉินซิงเยียนโชคดีต้องขอบคุณความทุ่มเทอย่างสุดตัวของอันจื่อเฮ่า ไม่นานมานี้เธอเพิ่งจะได้รับบทที่สำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ และช่วงเวลาที่เธอได้ปรากฏบนหน้าจอก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน แต่กระนั้นเมื่อเทียบกับถังหนิงแล้วเธอยังคงต้องไปอีกไกล

 

 

“คืนนี้พักงานในมือแล้วแอบไปเดตกันเถอะ”

 

 

อันจื่อเฮ่าสังเกตว่าพักหลังมานี่เฉินซิงเยียนทำงานอย่างนักและไม่เคยเรียกร้องขอสิ่งตอบแทนใดๆ เขาจึงตัดสินใจรับคำชวน

 

 

เฉินซิงเยียนยินดีเป็นอย่างยิ่งและรีบไปเตรียมตัวทันที แต่เมื่อเธอเปิดประตูหน้าบ้าน เธอต้องอึ้งเมื่อเจอกับชายที่กำลังยืนอยู่ที่หน้าประตู

 

 

ชายผู้ซึ่งหายตัวไปจากชีวิตเธอตั้งแต่เธออายุได้หกขวบกลับยังมีชีวิตแข็งแรงดีและอยู่ต่อหน้าเธอตอนนี้ และมีเด็กชายอายุราวๆ สิบปีอยู่ในมืออีกคน

 

 

“ซิงเยียน…”

 

 

เฉินซิงเยียนไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นตรงหน้าเธอ เธอทำได้เพียงยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่จนกระทั่งอันจื่อเฮ่าเดินเข้ามาหาเธอจากด้านหลังและจับตัวเธอไว้

 

 

“คุณรู้จักที่นี่ได้ยังไง”