มีความลี้ลับขึ้นอีก โดย ProjectZyphon
การมาถึงของไป๋หลิงซีกับจ้าวหยินในเวลาไล่เลี่ยกันทำให้บรรยากาศในงานเงียบเชียบอยู่บ้าง
ทันใดนั้นชายผู้หนึ่งที่นั่งข้างซ่งชงเฮ่อก็ลุกขึ้นยืน ก้าวมาตรงหน้าหลินสวินท่ามกลางสายตาของฝูงชน
“หลินสวิน เจ้าไม่คู่ควรนั่งที่นี่หรอก โปรดหลีกไปเถอะ!”
ชายผู้นี้มีสีหน้าหยิ่งยโส ดวงตาฉายแววดูถูก มองหลินสวินจากด้านบน
เขามีนามว่าซ่งเจ๋อ ติดตามมากับซ่งชงเฮ่อ ทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้อง มาจากสกุลซ่งที่เป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลมหาอำนาจเช่นเดียวกัน
เห็นเขาพลันลุกขึ้นยืนและมาขอให้หลินสวินสละที่นั่งอย่างไร้มารยาทเช่นนี้ หลายคนก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ลูกหลานสกุลซ่งนี่มันโอหังไปแล้ว!
ไป๋หลิงซีที่อยู่ด้านข้างตะลึงงันเล็กน้อย มองไปยังหลินสวินอย่างคล้ายขบคิด
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
อีกด้านหนึ่ง จ้าวหยินถามผู้ฝึกปราณที่อยู่ข้างตนเสียงค่อย เมื่อรับรู้เหตุกระทบกระทั่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ จ้าวหยินก็อดเผยรอยยิ้มนึกสนุกออกมาไม่ได้
ไม่ได้พบกันสองปี เขาเองก็อยากเห็นสักหน่อย ว่าหลินสวินที่เคยมีชื่อเสียงระบือลั่นในค่ายกระหายเลือดจะจัดการเรื่องตรงหน้านี้อย่างไร
หลินเสวี่ยเฟิงกลับสะท้านใจ กำหมัดทั้งสองข้างอย่างไม่รู้ตัว เจ้าหมอนี่พุ่งเป้ามาที่หลินสวินอย่างไม่เกรงกลัว ทำเกินไปแล้ว!
ส่วนสืออวี่ที่นั่งอยู่ที่นั่งประธานนั้นก็มีสีหน้าเคร่งขรึม ขณะกำลังจะพูดอะไรออกมาก็ถูกหลินสวินโบกมือขัดไว้ ทำให้เขาต้องอดทนไว้ก่อน ไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามออกไป
ต่อมาหลินสวินมองซ่งเจ๋อที่อยู่ตรงข้าม ยิ้มน้อยๆ พลางพูดว่า “ตอนข้าจะนั่งที่นั่งประธาน ญาติผู้พี่ของเจ้าไม่ยอม ตอนนี้ข้ามานั่งที่นี่เช่นนี้แล้ว เจ้ายังไม่ยอมอีก ข้าชักสงสัยแล้วว่านี่เป็นเพราะเหตุใดกัน”
“เหตุใดน่ะหรือ”
ซ่งเจ๋อราวได้ยินเรื่องน่าขัน หัวเราะเยียบเย็นแล้วเอ่ยว่า “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ที่มาที่ไปของเจ้า เป็นแค่ศิษย์ในค่ายกระหายเลือดมิใช่หรือ เจ้าในตอนนั้นอาจจะโดดเด่นมาก แต่ในงานเลี้ยงครั้งนี้ เจ้ามีสิทธิ์อะไรถึงได้มาที่นี่”
เขายังหัวเราะเย็นเยียบไม่หยุด กล่าวว่า “ถ้าเจ้ามีความสามารถจริงๆ ทำไมในการทดสอบระดับอาณาจักรถึงไม่มีชื่อเจ้า ขนาดการสอบระดับอาณาจักรยังไม่กล้าเข้าร่วม เจ้ายังกล้าถามอีกหรือว่าเพราะเหตุใด”
หลายคนรู้สึกได้ว่าซ่งเจ๋อผู้นี้มาหาเรื่องชัดๆ ทั้งยังพุ่งเป้าไปที่หลินสวินเพียงผู้เดียว เห็นได้ชัดว่ามีคนสนับสนุนจึงไม่เกรงกลัว
เมื่อเห็นซ่งชงเฮ่อที่อยู่ไกลออกไปกำลังยิ้มมองเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ หลายคนก็ตกตะลึง ทันใดนั้นก็เข้าใจว่าที่ซ่งเจ๋อออกมานั้น ย่อมเป็นเพราะได้รับคำสั่งจากซ่งชงเฮ่อ!
และที่เขาบีบให้หลินสวินสละที่นั่ง แน่นอนว่าเพราะคิดจะให้ซ่งชงเฮ่อมานั่งตรงนี้แทน จะได้ใกล้ชิดไป๋หลิงซีมากขึ้น
ไม่ต้องรอหลินสวินเอ่ยปาก ซ่งเจ๋อผู้นั้นก็พูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “นอกจากนี้ ข้ายังได้ยินมาว่าภูเขาชำระจิตนั่นมี ‘เจ้าตระกูลทรงอิทธิพลที่อ่อนแอที่สุดในนครหลวง’ มาอยู่ อาศัยฐานะชั้นนี้ ก็มีสิทธิ์มานั่งที่นี่ได้งั้นหรือ”
งานเลี้ยงนี้เป็นงานที่สืออวี่จัดขึ้น แต่ซ่งเจ๋อเป็นแขกกลับทำตัวเป็นเจ้าภาพ บีบบังคับให้หลินสวินสละที่นั่ง ทั้งถ้อยคำยังถากถางเหน็บแนมยิ่ง ไม่มีความเกรงใจสักนิด มองหลินสวินราวกับไม่มีตัวตน ช่างจองหองผิดธรรมดานัก
และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่หลินสวินได้พบกับท่าทีข่มขู่กดขี่ของลูกหลานตระกูลผู้มีอำนาจ เมื่อเทียบกับซ่งเจ๋อที่อยู่ตรงหน้า พวกเกเรในตระกูลหลินที่เขาเคยพบเจอก่อนหน้านี้ กลายเป็นพ่อมดน้อยพบพ่อมดใหญ่ เทียบกันไม่ติดเลยเชียว
“ซ่งเจ๋อ!”
สืออวี่โมโหจัดแล้ว สีหน้าเยียบเย็นราวน้ำแข็ง นี่เป็นงานเลี้ยงที่เขาจัดขึ้น แต่ตอนนี้ซ่งเจ๋อผู้นี้กับซ่งชงเฮ่อผู้นั้นกลับหาเรื่องไม่หยุดหย่อน ทำให้ทุกคนหมดสนุก ลองเปลี่ยนเป็นผู้อื่นไม่ว่าใครก็คงทนไม่ไหว
คนอื่นก็ล้วนไม่พอใจ คิดว่าซ่งชงเฮ่อกับซ่งเจ๋อนี้ไม่เห็นผู้อื่นในสายตาเกินไปแล้ว หรือพวกเขาคิดจริงๆ ว่าอาศัยที่ตระกูลซ่งเป็นตระกูลทรงอิทธิพล จะวางโตอย่างไม่ละอายก็ย่อมได้?
“สืออวี่ เจ้าอย่ามายุ่ง ให้ข้าจัดการเอง”
ที่ทุกคนคาดไม่ถึงคือ หลินสวินกลับเอ่ยปากห้ามไม่ให้สืออวี่เคลื่อนไหวต่อ เขาลุกขึ้นยืนยิ้มบางๆ มองซ่งเจ๋อแล้วพูดว่า “ยอดเยี่ยมจริงๆ ขนาดที่มาที่ไปของข้ายังรู้อย่างทะลุปรุโปร่ง นี่ทำให้ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอยู่บ้าง”
แม้จะยิ้มอยู่ ในดวงตากลับไม่มีความอ่อนโยนเลย
ประโยคเดียวทำให้ใจของหลายคนสะท้าน พลันรับรู้ได้ถึงปัญหาข้อหนึ่ง ซ่งเจ๋อผู้นั้นไม่ได้เป็นศิษย์ในค่ายกระหายเลือด ก่อนหน้านี้สืออวี่ก็ไม่เคยแนะนำฐานะของหลินสวินโดยละเอียด เช่นนั้น ซ่งเจ๋อผู้นี้รู้ประวัติความเป็นมาของหลินสวินได้อย่างไร
เดิมทีพวกเขาคิดว่าซ่งเจ๋อออกหน้าแทนซ่งชงเฮ่อเพียงเพราะต้องการแย่งที่นั่ง หมายจะใกล้ชิดกับไป๋หลิงซียิ่งขึ้น
แต่ดูจากตอนนี้แล้ว เบื้องหลังต้องมีความลับอีกแน่!
ดังคาด สีหน้าของซ่งเจ๋อเปลี่ยนไปเล็กน้อยอย่างยากสังเกตเห็น พลันส่งเสียหึหยันกล่าว “คำพูดไร้สาระมากเสียจริง ข้าแค่ถามว่าเจ้าจะสละที่นั่งหรือไม่!”
หลินสวินหรี่ตามองซ่งเจ๋อครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ถ้าข้าไม่ให้ล่ะ”
ซ่งเจ๋อสีหน้านิ่งขึง พูดขึ้นอย่างน่ากลัวว่า “เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”
เสียงพูดไม่ทันเงียบลง เขาก็พลันยกมือขึ้นตบไปที่กระหม่อมของหลินสวินอย่างโหดเหี้ยม
พลังฝ่ามือแสงดำไหลวน สายลมและสายฟ้าครั่นครืน ไม่คิดจะยั้งมือเลยสักนิด ชัดเจนว่าตั้งใจมาสังหารหลินสวิน!
เพียงใช้การโจมตีนี้ก็ทำให้หลินสวินมองออกว่า เป้าหมายของซ่งเจ๋อผู้นี้ไม่ได้เรียบง่ายเพียงเพื่อบีบให้ตนสละที่นั่งแล้ว!
เมื่อความคิดนี้โผล่เข้ามา การเคลื่อนไหวของหลินสวินก็ไม่ชักช้า ยามอีกฝ่ายเงื้อมือขึ้น แขนขวาของเขาก็สะบัดออกไปโดยพลัน กำหมัดต่อยออกไป
กระบวนท่าทลายมังกร!
เห็นเพียงแสงสีฟ้าเจิดจ้าพลันระเบิดขึ้น ราวกับมังกรกล้าโผนทะยานสู่ฟากฟ้า เกิดเสียงปัง ทำให้หมัดของซ่งเจ๋อสลายไปอย่างง่ายดาย ทั้งพลังที่เหลืออยู่ก็ไม่ได้ลดน้อยลง พลังมหาศาลที่ราวกับสามารถกวาดทำลายทุกสิ่งซัดเข้าหน้าอกซ่งเจ๋ออย่างเหี้ยมโหด
โครม!
หน้าอกของซ่งเจ๋อยุบลงไป เสียงร้องโหยหวนดังออกมา พร้อมกับร่างที่พลันกระเด็นออกไป
คนไม่น้อยที่อยู่ในงานล้วนสะท้านใจ ซ่งเจ๋อผู้นี้แม้โอหังวางโต แต่ความสามารถที่แท้จริงไม่ด้อยเลย ในรุ่นเยาว์ด้วยกันถือว่าเป็นคนที่โดดเด่น
ไม่นานมานี้ซ่งเจ๋อผู้นี้ได้ลำดับที่เก้าสิบเจ็ดในการทดสอบระดับอาณาจักร จากสิ่งนี้ก็สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่า ความสามารถที่แท้จริงของซ่งเจ๋อผู้นี้ไม่ธรรมดาปานใด
แต่ตอนนี้ เพียงโจมตีครั้งเดียว ซ่งเจ๋อที่ชิงลงมือก่อนกลับถูกหมัดเดียวของหลินสวินซัดกระเด็นออกไป!
น่าตะลึงเกินไปแล้ว
ขนาดพวกไป๋หลิงซี จ้าวหยิน หนิงเหมิง สืออวี่ยังนัยย์ตาหดรัดอย่างอดไม่ได้ ราวกับไม่คิดมาก่อนว่าพลังต่อสู้ของหลินสวินในตอนนี้จะน่ากลัวถึงขั้นนี้แล้ว!
เพียงครู่เดียวหลังซัดซ่งเจ๋อกระเด็นแล้ว หลินสวินกลับไม่ออมมือ เขาเดินออกมาข้างหน้า มือคว้าคอของอีกฝ่ายไว้แล้วยกร่างขึ้น ก่อนจะกระแทกลงกับพื้นอย่างดุดัน!
ปึ้ง!
เลือดกระจายบนพื้น ซ่งเจ๋อผู้นั้นร้องครวญคราง สันจมูกบุบลงไป หัวแตกเลือดไหล
ผู้คนต่างตระหนก นึกไม่ถึงว่ายามหลินสวินลงมือจะโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้
แม้การณ์เป็นเช่นนี้แล้ว หลินสวินยังดูไม่หายโกรธ จับร่างของซ่งเจ๋อเตรียมจะกระแทกพื้นอีกครั้ง ตอนนี้เองก็เห็นว่าซ่งชงเฮ่อที่อยู่ไม่ไกลพลันตบโต๊ะแล้วลุกขึ้น ตะโกนเสียงแข็งออกมา
“หยุดนะ!”
ฟุ่บ!
ยามซ่งชงเฮ่อพูด ร่างเขาก็กระโจนเข้ามาอย่างรุนแรง เงาร่างเต็มไปด้วยแสงดำสนิทราวกับอัสนีกาฬ อานุภาพน่าสะพรึงกลัว
“ในที่สุดก็นั่งไม่ติดแล้วหรือ”
หลินสวินยิ้มเหี้ยม มือหนึ่งยังจับซ่งเจ๋อที่ร้องครวญไม่หยุด ส่วนอีกมือกวาดวาดเป็นรอยหมัด บีบอัดห้วงอากาศแล้วปล่อยออกไป
ชั่วพริบตา ห้วงอากาศราวกับเผาไหม้ถล่มทลาย
ที่แท้ก็เป็นกระบวนท่าทลายอากาศ!