บทที่ 157 ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูของฉันหายไปไหน

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

หวงซื่อปั๋วกลับออกไป

เผยเชียนแบ่งผลไม้ที่หวงซื่อปั๋วให้มากับทุกคน จากนั้นก็หยิบแอปเปิ้ลลูกหนึ่งไปล้างแล้วเดินกลับไปเคี้ยวกินที่ห้องทำงาน

พริบตาเดียวก็ผ่านไปเกือบหนึ่งเดือน ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้วน่าจะไม่มีปัญหาอะไร

ขอแค่ไม่บังเอิญทำกำไรขึ้นมาแบบงงๆ เขาก็น่าจะขาดทุนได้สักเล็กน้อยอย่างไม่ยากเย็นอะไร

เผยเชียนเริ่มคิดว่าจะให้สวัสดิการอะไรกับพนักงานเพิ่มดี

ตอนนี้ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูกำลังเปิดสาขาเพิ่ม ทำให้เผยเชียนมีพนักงานในสังกัดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แค่เขาแจกจ่ายสวัสดิการให้พนักงานแต่ละคนก็ผลาญเงินไปได้ก้อนใหญ่แล้ว

โปรเจ็กต์ต่างๆ จะทำเงินได้หรือไม่นั้น เขาไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด แต่เผยเชียนสามารถหาทางผลาญเงินอย่างเต็มที่ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ชายหนุ่มค้นหา ‘สวัสดิการพนักงาน’ บนเว็บเชียนตู้ระหว่างเคี้ยวกินแอปเปิ้ล

มีบริษัทหลายแห่งที่ให้ ‘สวัสดิการพนักงานอย่างล่ำซำ’ เด้งขึ้นมา เผยเชียนรีบคลิกเข้าไปดู ก่อนจะแค่นลมหายใจผ่านจมูก

แค่นี้เองเหรอ

ช่างเถอะ ถ้าไม่มีต้นแบบก็คงต้องพึ่งจินตนาการของตัวเอง

เขายังค้นหาต่อไปเรื่อยๆ

ระหว่างกำลังค้นหา ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงความง่วงที่เริ่มเข้าครอบงำ เขาปรับเก้าอี้เอนนอน กระชับผ้าห่ม จากนั้นก็ผล็อยหลับไป

ผ่านไปพักใหญ่

เผยเชียนตื่นขึ้นมาแล้วพบดวงอาทิตย์กำลังลาลับฟ้า

จู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่าตาข้างขวากำลังกระตุก

“หืม มีอะไรรึเปล่านะ”

เผยเชียนขยี้ตา แต่ตาก็ยังกระตุกอยู่

“ขวาร้าย ซ้ายดี

“ลางไม่ดีเลยแฮะ”

เผยเชียนรีบลุกยืน ก่อนจะเดินวนรอบห้องทำงานสองรอบ จากนั้นก็มองออกไปยังวิวนอกหน้าต่าง

ไม่นานเปลือกตาข้างขวาก็หยุดกระตุก

“เฮ้อ ตกใจหมดเลย สงสัยจะเพราะดูซีรีส์เยอะเกินไป ตาเลยล้า”

เผยเชียนโยนแก่นแอปเปิ้ลลงถังขยะ จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ เตรียมตัวดูซีรีส์ต่อ

ทันใดนั้นเปลือกตาข้างซ้ายก็กระตุกอีกครั้ง!

ถึงจะขยี้ตาก็ไม่หายกระตุก!

“ขวาร้าย ซ้ายดี

“โอเค แสดงว่าจะโชคดี ก็ยังดีกว่าตาข้างขวากระตุกแหละเนอะ

“เอ๊ะ

“เดี๋ยวนะ มันแปลกๆ…

“ถ้าตาข้างซ้ายกระตุก แปลว่าโชคดี! แสดงว่าจะมีลาภลอย!”

เผยเชียนดีดตัวลุกขึ้นยืน ไม่สามารถนั่งได้อีกต่อไป

เขานึกขึ้นได้ว่าตอนนี้มีปัญหาแล้ว!

คนอื่นอาจจะคิดว่าตาข้างซ้ายกระตุกคือลางดี เพราะใครกันจะไม่อยากโชคดีมีลาภหล่นใส่

แต่สำหรับเผยเชียน ไม่ว่าตากระตุกข้างไหนก็ไม่แตกต่างกันเลย!

เพราะถือเป็นลางร้ายทั้งคู่!

“แย่แล้ว ต้องเกิดปัญหาที่ไหนสักแห่งแน่

“ไม่กี่วันก่อนก็รู้สึกกระวนกระวาย ตอนนอนกลางวันก็ฝันไปว่าร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูทำกำไรได้ วันนี้ตากระตุกสองข้างอีก ต้องเป็นลางร้ายแน่ๆ”

เผยเชียนยืดหลังตรง ก่อนจะเดินวนไปวนมารอบห้องทำงาน

“ฉันต้องหาให้เจอว่าปัญหาอยู่ตรงไหน…”

เผยเชียนคิดถึงโปรเจ็กต์ต่างๆ ในหัว สุดท้ายก็ไปหยุดอยู่ที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู

สองสาขาใหม่เพิ่งเปิดทำการ น่าจะยังทำเงินไม่ได้

แสดงว่าต้องเป็นสาขาหลัก!

เผยเชียนคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้แวะไปที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว

พอคิดได้อย่างนั้น เขาก็รีบเดินออกจากห้องทำงานไป

ตอนนี้เย็นแล้ว หลายคนกำลังเก็บข้าวของเตรียมกลับบ้าน

เผยเชียนรีบเรียกหาเลขาซิน “คืนนี้ไปส่งผมที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู”

“ได้ค่ะ บอสเผย” เลขาซินไม่ได้ตะขิดตะขวงใจอะไร เพราะเธอมั่นใจว่าจะได้ค่าล่วงเวลาจากบอสเผยโดยไม่ต้องเตือน

ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาหลัก

ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่ม ลูกค้าหลายคนมารออยู่ที่หน้าทางเข้า

พนักงานจำนวนหนึ่งกำลังย้ายโต๊ะไปพื้นที่ว่างด้านนอกร้าน

ที่ตรงนี้เคยเป็นร้านอาหารมาก่อน จึงมีพื้นที่ด้านนอกกว้างขวางไว้เป็นที่จอดรถ แต่พอเปลี่ยนมาเป็นร้านอินเทอร์เน็ต ที่จอดรถก็ไม่จำเป็นอีก พื้นที่ตรงนี้จึงปล่อยว่างมาจนถึงปัจจุบัน

แต่วันนี้พนักงานส่วนหนึ่งยกโต๊ะเก้าอี้สวยหรูมีร่มติดมาวางจนเต็มพื้นที่ที่ว่า ตอนนี้เป็นช่วงเย็นของหน้าร้อน พื้นที่ตรงนี้ดูแล้วเหมือนเป็นเมืองเล็กๆ ริมหาดสักเมืองในยุโรป

แน่นอนว่า ถ้าพิจารณาจากสภาพอากาศ เมืองจิงโจวนั้นเทียบยุโรปไม่ได้เลย แต่ถ้าดูที่สไตล์อย่างเดียว ที่ตรงนี้ก็ไม่ได้ดูแย่อะไร

โซนบาร์ในร้านแทบจะแน่นขนัด มีผู้คนมากมายนั่งอยู่ด้านนอกร้าน

พวกเขาสามารถมองเห็นเวทีผ่านผนังกระจกได้ แถมหม่าหยางยังยกลำโพงออกมาตั้งด้านนอกเพื่อที่ลูกค้าจะได้ฟังเฉินเหล่ยร้องเพลง

พอเห็นลูกค้าทยอยเข้าร้านเรื่อยๆ ใบหน้ายาวใหญ่ของหม่าหยางก็ผุดยิ้มกว้าง

“เห็นมั้ย ทำแบบนี้ก็หมดปัญหาเรื่องที่นั่งไม่พอใช่มั้ยล่ะ” หม่าหยางดูจะพอใจกับสภาพตรงหน้ามาก

จางหยวนยกนิ้วโป้งให้ “อืม ไอเดียดีสุดๆ เลยน้องหม่า!”

หลังจากแฟนคลับของเฉินเหล่ยทยอยหลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆ ที่นั่งด้านในก็เต็มหมด หม่าหยางจึงผุดไอเดียทำที่นั่งด้านนอกเพิ่ม

ตอนนี้เป็นช่วงหน้าร้อน ร้านอาหารหลายๆ ร้านเพิ่มที่นั่งด้านนอกร้านกันเป็นเรื่องปกติ

จริงๆ จางหยวนก็ผุดไอเดียนี้ขึ้นมาเหมือนกัน แต่ก็ถือว่าได้เอาใจหม่าหยาง เขาเลยไม่ได้บ่นอะไร

หญิงสาวแต่งตัวทันสมัยเดินไปตรงเคาน์เตอร์บาร์ จากนั้นก็หยิบกระดาษโน้ตออกมาสองแผ่น “แสงเหนือสามแก้ว แก้วหนึ่งให้ฉัน อีกสองแก้วให้เฉินเหล่ย ส่วนโน้ต… อืม เขียนไปว่า ‘แฟนคลับคนนี้จะรักเฉินเหล่ยตลอดไป’!”

บาร์เทนเดอร์เริ่มชงค็อกเทลแสงเหนืออย่างช่ำชอง ครู่เดียวค็อกเทลแสงเหนือหนึ่งแก้วก็ไปปรากฏในมือหญิงสาว

“อย่าลืมเอาค็อกเทลไปให้เฉินเหล่ยทันทีที่เขาขึ้นเวทีนะ” พอย้ำกับบาร์เทนเดอร์อีกรอบเสร็จ หญิงสาวก็เดินกลับออกไป

หม่าหยางมองสิ่งที่เกิดขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้าฉีกกว้างกว่าเดิม

จางหยวนเอ่ยชมหม่าหยางอีกรอบ “ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวเราก็น่าจะได้ไปบอกบอสเผยว่าเราพลิกจากขาดทุนมาทำกำไรได้แล้ว!”

หม่าหยางผยองใจ “ฮึม ผมต้องพิสูจน์ให้เห็นให้ได้ว่าผมเก่งกว่าหวงซื่อปั๋ว!”

ไอเดียนี้หม่าหยางกับจางหยวนไม่ได้เป็นคนคิด พวกเขาบังเอิญได้ไอเดียมาจากการที่ลูกค้า ‘ให้ทิป’ เฉินเหล่ย

แผนแรกของหม่าหยางคือแบ่งกำไรครึ่งหนึ่งของเครื่องดื่มทุกแก้วที่ลูกค้าสั่งให้เฉินเหล่ย

พอนำไอเดียไปปรับใช้ก็ฮิตกันยกใหญ่ในหมู่ลูกค้า ทุกคนสนับสนุนกันดีมาก!

แฟนคลับสาวหลายคนเริ่มใช้วิธีนี้จีบเฉินเหล่ย

มีแฟนคลับคนหนึ่งสั่งค็อกเทลเพิ่มเป็นแก้วที่สองแต่ดื่มไม่หมด เธอเลยถามบาร์เทนเดอร์ว่าไม่รับเครื่องดื่มแก้วที่สองแต่ให้ทิปเฉินเหล่ยโดยตรงเลยได้ไหม

บาร์เทนเดอร์ไม่กล้าตัดสินใจเลยไปถามผู้จัดการสาขา จากนั้นผู้จัดการสาขาก็มารายงานให้หม่าหยางกับจางหยวนทราบ

หม่าหยางรีบตอบไปทันทีว่า “ไม่มีปัญหา!”

ค็อกเทลหนึ่งแก้วราคาหกสิบหยวน ถ้าลูกค้าไม่อยากดื่มแต่อยากให้ทิปเฉินเหล่ย ก็สามารถให้เงินเฉินเหล่ยสามสิบหยวน ส่วนอีกสามสิบหยวนเก็บเป็นรายได้ของร้าน!

ทำแบบนี้แฟนๆ ก็สามารถแสดงน้ำจิตน้ำใจได้ เฉินเหล่ยกับร้านก็ได้ผลประโยชน์ ถือว่าได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย

จึงเป็นที่มาของเหตุการณ์ในวันนี้

หลายคนสั่งเครื่องดื่มรวดเดียวสองแก้ว แก้วหนึ่งให้ตัวเอง อีกแก้วให้เฉินเหล่ย

หม่าหยางนั่งถือค็อกเทลอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์ ในใจรู้สึกเบิกบานสุดๆ

จากสถานการณ์ในปัจจุบัน พวกเขาจะสามารถพลิกจากขาดทุนมาทำกำไรได้ในเดือนหน้า

ก็เหมือนคำพูดที่ว่า ถ้าทุกอย่างไปได้ดี ทุกคนก็มีความสุข

ฉันให้เฉินเหล่ยเวียนไปร้องเพลงที่ร้านอีกสองสาขาได้

พอดึงดูดลูกค้าไปที่ร้านสาขาได้ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จไปกว่าครึ่ง!

หลังจากทำให้ราคาอินเทอร์เน็ตทั้งสามสาขาทำกำไรได้ ฉันจะไปบอกข่าวดีนี้กับพี่เชียน พี่เชียนได้ตกใจใหญ่แน่!

จากนั้นในสายตาพี่เชียน หม่าหยางผู้นี้ก็จะมีตำแหน่งสูงกว่าหวงซื่อปั๋ว เปาซวี่ ลู่หมิงเหลียง และคนอื่นๆ!

ฉันอย่างพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าหม่าหยางผู้นี้เป็นพนักงานที่ทรงคุณค่าที่สุดในเถิงต๋า!

คิดได้อย่างนั้น หม่าหยางก็ผุดยิ้มอย่างชื่นบาน

ด้านนอกร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู เผยเชียนอึ้งไปหลังเดินลงมาจากรถ

ฉันเป็นใคร

ที่นี่ที่ไหน

ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูของฉันหายไปไหน

ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูที่ใหญ่ๆ เงียบๆ ร้างผู้คนที่ฉันสร้างไว้ตรงนี้หายไปไหน!

ที่นั่งด้านนอกนี่มันอะไร!

ฝีมือใครกัน!