ตอนที่ 245 ขั้นสูง? / ตอนที่ 246 ดูถูกพวกเราเหรอ?

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 245 ขั้นสูง?

 

 

“หืม?”

 

 

เมื่อเห็นรูปการณ์ ชายที่เป็นหัวหน้าก็นิ่งอึ้งทันที

 

 

เครื่องสะกดรอยตามที่อยู่ในมือเขามีฟังก์ชันร้องเตือนก็จริงอยู่ ที่ผ่านมาเขาไล่จับผู้วิวัฒนาการมามากมายเหลือเกิน แต่ยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนเลย

 

 

ต่อให้เจอผู้วิวัฒนาการขั้นสูง เสียงเตือนก็ไม่เคยแหลมสูงและถี่รัวแบบนี้…

 

 

“หัวหน้า เกิดอะไรขึ้นหรือครับ?”

 

 

ชายหนุ่มที่เหลืออีกหลายคนต่างมองดูเครื่องสะกดรอยตามของชายผู้เป็นหัวหน้า ใบหน้ามีแต่ความสงสัยเช่นเดียวกัน

 

 

“ไม่รู้ เสียหรือเปล่า?” ชายผู้เป็นหัวหน้าพลันเผยสีหน้าสงสัยออกมาเล็กน้อย

 

 

“หะ…หัวหน้า รีบดูสิครับ!”

 

 

ทันใดนั้นเอง หนึ่งในบรรดาชายหนุ่มก็ชี้ไปที่อุปกรณ์ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง

 

 

ชายผู้เป็นหัวหน้ามองไปที่อุปกรณ์โดยอัตโนมัติ

 

 

ที่แท้ตัวอักษร F ที่แสดงอยู่บนหน้าจอของอุปกรณ์จู่ๆ ก็เกิดอาการรวนขึ้นมา

 

 

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

 

 

เมื่อเห็นว่าตัวอักษรแสดงเลเวลที่อยู่บนเครื่องสะกดรอยตามหายไป ชายผู้เป็นหัวหน้าก็มีสีหน้าแปรเปลี่ยนไปทันที

 

 

เลเวลสูงต่ำของผู้วิวัฒนาการแบ่งได้เก้าเลเวล SSS, SS, S, A, B, C, D, E และ F

 

 

เครื่องสะกดรอยตามเครื่องนี้ตรวจวัดเลเวลของผู้วิวัฒนาการได้ แต่วัดได้แค่ต่ำกว่าเลเวล B ลงไปเท่านั้น

 

 

หากมีขั้นสูงที่เหนือขึ้นไปอย่างเลเวล B, A รวมทั้ง S, SS และ SSS เครื่องสะกดรอยตามก็จะแสดงผลไม่ได้และเกิดอาการรวน

 

 

“นี่มันหมายความว่ายังไง? เลเวล B? หรือว่าจะเป็นเลเวล A?”

 

 

ทันใดนั้น หนึ่งในนั้นก็ตะโกนร้องเสียงดังออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง

 

 

“แถวนี้มีผู้วิวัฒนาการขั้นสูงปรากฎตัวอย่างนั้นเหรอ?”

 

 

เป็นไปได้อย่างไรกัน!

 

 

ยอดฝีมือเลเวล B มีน้อยยิ่งนัก ส่วนเลเวล A ก็เป็นลูกพี่ใหญ่ที่มีอำนาจในการยึดครองเขตแดนได้ และ เลเวล S ก็ยิ่งเป็นตำนาน แล้วจะมาโผล่ที่นี่ได้อย่างไร?

 

 

เมื่อเห็นสถานการณ์ ร่างของชายผู้เป็นหัวหน้าก็สั่นเทิ้ม มองสำรวจรอบด้านด้วยความระแวดระวัง

 

 

เพียงแต่บนหาดทรายผืนนี้ นอกจากพวกเขาแล้วก็ไม่มีใครอีก

 

 

‘ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด!’

 

 

เสียงเตือนของเครื่องสะกดรอยตามทวีความแสบแก้วหูมากขึ้นเรื่อยๆ ประหนึ่งเป็นการขัดขืนและคำรามใส่วันสิ้นโลกอย่างนั้น

 

 

“ต้องเสียแน่ๆ ”

 

 

ชายผู้เป็นหัวหน้าขมวดคิ้วเล็กน้อย จะมีผู้วิวัฒนาการขั้นสูงอยู่ได้อย่างไร

 

 

“หัวหน้า ดูผู้หญิงคนนั้นสิครับ!”

 

 

พอได้ยิน ชายผู้เป็นหัวหน้าก็มองไปยังหลินเยียน

 

 

“เป็นไปได้ยังไง?!”

 

 

เห็นเพียง ‘หลินเยียน’ ยืนขึ้นมาใหม่ ตาข่ายไฟฟ้าเปล่งประกายอย่างรุนแรง ยังไม่หมดฤทธิ์

 

 

วินาทีต่อมา ‘หลินเยียน’ ฉีกกระชากตาข่ายไฟฟ้าออกอย่างง่ายดายภายใต้สายตาของทุกคน จากนั้นก็โยนทิ้งลงด้านข้าง

 

 

“เครื่องสะกดรอยตามมีปัญหา แม้แต่อุปกรณ์ควบคุมก็มีปัญหาเหมือนกัน” ชายผู้เป็นหัวหน้าพึมพำ

 

 

“หัวหน้า ให้ผมจัดการเถอะ ตอนนี้เธอคงเหลือพลังต่อสู้ไม่มากแล้ว” ชายหน้าบากที่อยู่ในกลุ่มสาวเท้ายาวๆ เดินเข้าหา ‘หลินเยียน’ ที่ทลายตาข่ายออกมา

 

 

ไม่นานนักชายหน้าบากก็เดินไปถึง ‘หลินเยียน’ เปล่งเสียงพูดอย่างเย็นชาออกมาว่า “เธอจะยอมจำนนแต่โดยดี หรือต้องให้ฉันลงมือ”

 

 

‘หลินเยียน’ ยืนอยู่ที่เดิม มือคลำอยู่ในกระเป๋าเสื้อของตนเอง คล้ายกำลังหาอะไรบางอย่างอยู่

 

 

“ดูท่าเธอคงดื้อด้านมากจริงๆ ด้วยสินะ” ชายหน้าบากยิ้มหยัน

 

 

หลักจาก ‘หลินเยียน’ ควานกระเป๋าเสื้ออยู่สักพัก จู่ๆ ก็ใช้ดวงตาเย็นชาคู่หนึ่งมองชายหน้าบาก

 

 

“มีไฟแช็กไหม”

 

 

‘หลินเยียน’ เอ่ยปากเรียบๆ

 

 

“รนหาที่ตาย!” ชายหน้าบากถูกท่าทางเฉยชาของหญิงสาวกระตุ้นโทสะ ตวาดเสียงดุร้ายครั้งหนึ่ง จากนั้นจึงยกมือขึ้นแล้วซัดไปที่ ‘หลินเยียน’

 

 

‘ปัง!’

 

 

ได้ยินเพียงเสียงดังทึบๆ ครั้งหนึ่งเท่านั้น

 

 

ชายหน้าบากสลบเหมือดตรงนั้นทันทีภายใต้สายตาเหลือเชื่อของทุกคน ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครเห็น ‘หลินเยียน’ ลงมือ

 

 

ขณะนี้ ‘หลินเยียน’ ใช้มือข้างหนึ่งแตะไหล่ซ้ายของชายหน้าบากที่สลบเหมือดไป ส่วนมืออีกข้างก็ควานหาในกระเป๋าเสื้อชายหน้าบาก

 

 

ไม่นานนัก ‘หลินเยียน’ ก็หยิบบุหรี่และไฟแช็กออกมาจากกระเป๋าเสื้อชายหน้าบาก

 

 

วินาทีต่อมา ‘หลินเยียน’ ก็โยนชายหน้าบากลงไปในทะเลที่อยู่ไม่ไกลนัก

 

 

 

 

 

ตอนที่ 246 ดูถูกพวกเราเหรอ?

 

 

‘หลินเยียน’ ยืนอยู่ที่เดิม เล่นไฟแช็กในมือด้วยท่าทางสบายอารมณ์อย่างยิ่ง ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดัง ‘พรึ่บ’

 

 

ค่ำคืนอันมืดมิด แสงไฟลุกโชน บุหรี่ถูกจุด ควันลอยเอื่อยกลางราตรี

 

 

‘หลินเยียน’ ยืนอยู่ที่เดิม ดวงตาอันเย็นชาทั้งสองข้างค่อยๆ กวาดผ่านทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้น

 

 

ไม่ว่าดวงตา ‘หลินเยียน’ ไปจ้องที่คนใด ทุกคนต่างเบนสายตาหลบแทบจะอัตโนมัติ

 

 

ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด กลับมีแรงกดดันแปลกประหลาดอย่างหนึ่งทำให้ทุกคนใจเต้นรัวและเย็นวาบเล็กน้อย

 

 

แม้แต่ชายผู้เป็นหัวหน้า เมื่อจ้องดวงตาเย็นชาปราศจากความรู้สึกใดๆ ของมนุษย์ ดวงตาที่แสนจะเย็นเยียบเสียดกระดูกของ ‘หลินเยียน’ คู่นั้น ก็ยังต้องแสดงอาการกระสับกระส่ายออกมาทางแววตาอยู่บ้าง

 

 

ตอนนี้ชายผู้เป็นหัวหน้าจ้อง ‘หลินเยียน’ เขม็ง ส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยันออกมาจากปากครั้งหนึ่ง “จะไม่พูดก็ไม่ได้ ดูถูกเธอไปหน่อยแล้วจริงๆ กลับยังเหลือพลังต่อสู้อยู่อีก”

 

 

“หัวหน้า รีบสู้จะได้รีบจบกันเถอะ ในทีมมีคนได้รับบาดเจ็บแล้วนะครับ” ชายหนุ่มที่อยู่ในทีมพูดเสียงเบาพลางมองไปที่ชายหน้าบากซึ่งถูกลากขึ้นมาจากทะเล

 

 

“ยิ่งไปกว่านั้นผมรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้…มีบางอย่างแปลกๆ ไม่รู้ว่าผมหลอนไปหรือเปล่า…”

 

 

“เมื่อกี้เครื่องสะกดรอยตามร้องเตือน ไม่แน่ว่าแถวนี้จะมีผู้วัฒนาการขั้นสูงโผล่มาจริงๆ ที่นี่อยู่นานไม่ได้”

 

 

เมื่อได้ฟัง ชายผู้เป็นหัวหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ผงกศีรษะ สะบัดแขนไปข้างหน้าทันที

 

 

วินาทีต่อมา ‘หลินเยียน’ ถูกทุกคนโอบล้อมอีกครั้ง

 

 

เพียงแต่เสียงเตือนจากเครื่องสะกดรอยตามของชายหนุ่มกลับยิ่งแสบแก้วหู ทำให้แต่ละคนรู้สึกกระสับกระส่าย ชายหนุ่มมองเครื่องสะกดรอยตามพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ปิดแหล่งไฟฟ้าของเครื่องสะกดรอยตามไปเสีย

 

 

……

 

 

เมื่อเผชิญกับการล้อมโจมตี ‘หลินเยียน’ กลับยังยืนอยู่ที่เดิม ปราศจากความเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น แววตานั้นประหนึ่งกำลังก้มลงมองตัวตลกกลุ่มหนึ่งจากเบื้องบน

 

 

“บัดซบ เป็นแค่เลเวล F เท่านั้นเอง ดูถูกพวกเราเหรอ!”

 

 

ชายหนุ่มหนึ่งในสมาชิกถูกสายตาเย็นชาหยิ่งผยองซึ่งเหมือนกำลังมองลงมาจากที่สูงของ “หลินเยียน” คู่นั้นทำให้รู้สึกขนลุก โพล่งด่าออกมาทันที

 

 

“หักแขนขาของมันซะ ให้มันคุกเข่าอ้อนวอน!”

 

 

“ฮ่าๆๆ พอแขนขาถูกหักหมดแล้ว ยังจะไม่คุกเข่าอ้อนวอนอีกเหรอ?”

 

 

“ถ้าไม่ไหวจริงๆ ให้คลานอ้อนวอนอยู่กับพื้นก็ได้”

 

 

อย่างไรก็ตาม ‘หลินเยียน’ ซึ่งถูกทุกคนหัวเราะเยาะเย้ยกลับไม่สะทกสะท้าน มือขวายังคงเล่นไฟแช็ก อยู่ในมือ

 

 

“แกมันช่างรนหาที่ตายซะจริง!”

 

 

พอพูดจบ ทุกคนต่างหวดกำปั้นโจมตี ‘หลินเยียน’ ในบัดดล

 

 

กำปั้นของทุกคนรุนแรงมาก เมื่อหวดกำปั้นออกไป หากกระแทกถูกอย่างจัง ไม่ต้องพูดถึงร่างกายเลือดเนื้อ ต่อให้เป็นหินผาก็ต้องแหลกสลาย

 

 

“ฟึ่บ”!

 

 

ทันใดนั้น ‘หลินเยียน’ ซึ่งไม่ขยับเขยื้อนยืนอยู่ที่เดิมมาตลอด ตอนนี้กลับมีการเคลื่อนไหวแล้ว

 

 

เห็นเพียง ‘หลินเยียน’ ดีดไฟแช็กที่อยู่ในมือออกไปโดยไม่ได้ขยับเท้าแม้แต่น้อย ด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายอย่างยิ่ง

 

 

ชั่วเสี้ยววินาทีที่ไฟแช็กถูกดีดออกไป ความเร็วก็พุ่งถึงขีดสุดราวกับธนูที่หลุดออกจากแล่ง กรีดเป็นวงโค้งสายหนึ่งกลางอากาศ

 

 

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดัง ‘ปัง’ เบาๆ ครั้งหนึ่ง ชายหนุ่มที่บุกอยุ่ข้างหน้าสุดถูกไฟแช็กกระแทกใบหน้า และแทบจะในขณะเดียวกัน ไฟแช็กก็เกิดระเบิด

 

 

เศษไฟแช็กทิ่มเข้าเนื้อตัวชายหนุ่มอย่างจัง ส่วนพลังโจมตีจากการดีดไฟแช็กออกไปก็กระแทกชายหนุ่มจนลอยกระเด็นออกไปหลายเมตร

 

 

“หน้าของฉัน!”

 

 

ชายหนุ่มหน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความเดือดดาล จ้องมอง ‘หลินเยียน’ ด้วยสายตาอันดุร้าย หากสายตาฆ่าคนได้ สงสัยว่า ‘หลินเยียน’ คงตายเป็นพันเป็นหมื่นครั้งแล้ว

 

 

ขณะนั้นคนที่เหลือต่างมองหน้ากันไปมา ใช้ไฟแช็กทำร้ายคน?

 

 

เพียงแต่โชคยังดี ยังดีทีไฟแช็กอันนั้นทำมาจากพลาสติก ถ้าหากทำมาจากโลหะแล้วล่ะก็…