ตอนที่ 171 รักษาองค์ชาย ขอผลประโยชน์ (2)

หมอหญิงจ้าวดวงใจ

ตอนที่ 171 รักษาองค์ชาย ขอผลประโยชน์ (2)
เหยาเยี่ยนอวี่นำเข็มเงินฝังที่ทำให้รู้สึกเหน็บชาฝังลงไป ถึงแม้ตอนนี้อาปาเข้อช่าจะสลบไสลไป ทว่าใครก็ไม่สามารถรับรองว่าตอนที่ตัดชิ้นเนื้อเน่าเสียออกนั้นเขาจะไม่รู้สึกเจ็บจนฟื้น หากเขารู้สึกเจ็บจนขยับตัวเล็กน้อย มีดในมือของเหยาเยี่ยนอวี่เกิดไปโดนส่วนอื่นขึ้นมาก็คงแย่

หลังจากที่ทำการฝังเข็มเพื่อทำให้รู้สึกเหน็บชาเสร็จ เหยาเยี่ยนอวี่ก็เริ่มฆ่าเชื้อตรงแผลบริเวณปอด

นางตัดเนื้อที่เน่าเสียออก ทำให้เห็นเนื้อและเลือดสด นี่เป็นแผลที่ถูกธนูยิง ยังดีที่ลูกศรธนูแทงโดนซี่โครง กระดูกซี่โครงหนึ่งซี่หักแบบเปิด ลูกศรธนูแค่ปาดโดนกลีบปอดเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เช่นนั้นองค์ชายผู้มีเคราะห์ร้ายท่านนี้คงสิ้นใจไปนานแล้ว

หลังจากที่เหยาเยี่ยนอวี่ทำการผ่าตัดแผลที่ไม่มีอาการร้ายแรงตรงกลีบปอดเสร็จ ก็ผ่าตัดกระดูกซี่โครงซี่ต่อ สุดท้ายค่อยเย็บแผลเป็นชั้นๆ

ผู้ที่ยืนชมอยู่ข้างๆ แต่ละคน รวมไปถึงจางชางเป่ยและชุ่ยผิงที่คอยเป็นผู้ช่วยของเหยาเยี่ยนอวี่ต่างก็รู้สึกตื่นเต้นจนหยาดเหงื่อเต็มศีรษะ สีหน้าของเฉิงอ๋องซีดขาว เขาพยายามใช้แรงทั้งหมดอดทนเอาไว้ เจิ้นกั๋วกงและหันซังเกอดีกว่าเฉิงอ๋องเพียงน้อยเดียว ส่วนขันทีเอกและเหยาเหยียนอวี่ทนดูไม่ไหวตั้งนานแล้ว วิ่งไปอาเจียน

“แหวะะะ แค่กๆ…แหวะะะ” ขันทีเอกนอนฟุบอยู่บนราวจับตรงระเบียง อาเจียนจนน้ำหูน้ำตาไหล เกือบจะรักษาหน้าตาไว้ไม่ได้อีกต่อไป

“โธ่! โอ้แม่เจ้า!” ไหวเอินอาเจียนจนไม่มีอะไรให้ออกมาแล้ว จากนั้นก็พิงอยู่ตรงเสาและราวจับระเบียงพร้อมกับหายใจแรงๆ

“กงกง…ท่านไม่เช่นไรใช่หรือไม่” เหยาเหยียนอี้มองขันทีเอกเพียงชั่วพริบตา แล้วคลี่ยิ้มอย่างขมขื่น

“ข้าว่า…คุณชายเหยา น้องสาวผู้นี้ของท่านกินอะไรเติบโตมา…โอ้แม่เจ้า…ตอนใช้มีดหั่นลงไป ไม่แม้แต่กะพริบตา…อื้ม…แหวะ! แหวะ…” ไหวเอินนึกถึงเหยาเยี่ยนอวี่ก็เหมือนนึกถึงเนื้อเน่าขององค์ชายอาเอ่อร์เข้อที่ถูกตัดออก ในกระเพาะจึงเกิดอาการไหลย้อนอีกครั้ง แม้แต่น้ำดีก็เกือบจะอาเจียนออกมา

“กงกง…ท่านนี่…แหวะะะ” เหยาเหยียนอี้ถูกอาการอาเจียนของไหวเอินทำให้รู้สึกอยากอาเจียนอีกครั้ง จึงรีบวิ่งไปจับเสาระเบียงแล้วก้มตัวลงไปอาเจียน

ผู้ที่เฝ้าเวรโรงเตี๊ยมยกน้ำชาคอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างๆ แล้วเห็นสถานการณ์ที่แสนรันทดของสองท่านนี้ จึงส่ายหัวไม่หยุด ทีแรกก็อยากจะเข้าไปร่วมสนุกสนานข้างใน พอเห็นตอนนี้ใครก็ไม่ยอมเข้าไป

เวลาครึ่งชั่วยามผ่านไป เหยาเยี่ยนอวี่ก็ได้จัดการกับแผลบริเวณปอดเสร็จ แล้วกำลังจะทาผงยา จากนั้นก็ใช้ผ้าฝ้ายสีขาวห่อหุ้มไว้ แล้วหันไปรักษาแผลที่ถูกดาบฟันตรงบริเวณหัวใจต่อ

แผลที่ถูกดาบฟันนี้อันตรายเป็นพิเศษ ทว่ายังโชคดี ตอนที่ดาบแทงเข้าไปก็เฉียงไปข้างๆ หนึ่งนิ้ว ทำให้ไม่ได้โดนหัวใจ และโชคดีที่ไม่โดนเส้นเลือดใหญ่ ภายในใจของเหยาเยี่ยนอวี่กำลังคิดว่าองค์ชายผู้มีเคราะห์ร้ายผู้นี้ยังไม่ถือว่าโชคร้าย ถึงแม้แผลจะลึกมาก ทว่าก็ถือว่าเป็นเพียงแผลภายนอกที่อาการหนักหน่อย ถ้าเทียบกับแผลตรงกลีบปอดก็ถือว่าเบากว่าเยอะ นางจึงสามารถทำการผ่าตัดเร็วยิ่งกว่า

จางชางเป่ยมองเหยาเยี่ยนอวี่ที่กำลังตัดเนื้อเน่าตรงจุดนี้ออก แล้วยังเย็บอย่างตั้งอกตั้งใจ เหมือนกำลังเย็บปักถักร้อยอยู่ จึงอดเงยหน้ามองแม่นางผู้นี้เพียงพริบตาเดียวไม่ได้ เหยาเยี่ยนอวี่เย็บแผลด้วยความตั้งใจ และไม่สนใจสายตาของทุกคน จางชางเป่ยจึงกระตุกเคราตรงใต้คางขึ้น นัยน์ตาเปล่งประกายด้วยความชื่นชม อืม แม่นางท่านนี้ ถือว่าไม่เลวจริงๆ!

การผ่าตัดครั้งนี้กับการผ่าตัดครั้งก่อนที่ต่อเส้นเอ็นให้หันซังเกอไม่เหมือนกัน ครั้งนี้เป็นการผ่าตัดศัลยกรรม โดยพื้นฐานแล้วไม่ต้องใช้การรมยาแบบไท่อี่ จึงใช้เวลาทั้งหมดหนึ่งถึงสองชั่วยาม นี่ก็ไม่ได้หนักหน่วงอะไรสำหรับเหยาเยี่ยนอวี่เลย

ในชาติก่อน เวลายาวนานที่สุดที่เธอยืนอยู่ในห้องผ่าตัดเป็นเวลาห้าชั่วโมง พอทำการผ่าตัดเสร็จ น่องขาของเธอยึดแข็ง ผ่านไปสักพักก็ยังขยับไปไหนไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องถูกเพื่อนร่วมงานเข็นเธอออกมาด้วยรถเข็น

กรรไกรขนาดเล็กตัดเส้นใยไหมให้ขาด ตอนที่เหยาเยี่ยนอวี่เอาเข็มไว้ข้างๆ ก็รู้สึกโล่งอกเล็กน้อย จากนั้นค่อยทาผงยา ขั้นตอนการปิดแผลก็สามารถมอบหมายให้ชุ่ยผิงจัดการต่อ

นางถอยหลังไปสองก้าว จากนั้นก็ถอดถุงมือที่เปรอะเปื้อนด้วยคราบเลือดทิ้ง แล้วสั่งการด้วยเสียงเรียบ “ล้างมือ”

ชุ่ยผิงกำลังทายาให้อาปาเข้อช่า ชุ่ยเวยก็ไม่อยู่ ผู้ที่ยืนอยู่ข้างกายเหยาเยี่ยนอวี่ตลอดคือแม่ทัพติ้งหย่วนเว่ยจาง แค่เหยาเยี่ยนอวี่ไม่ได้สังเกตเห็นเขา ดังนั้นจึงได้สั่งการขึ้นอย่างผิวเผิน

เว่ยจางตกตะลึงเล็กน้อย แล้วไม่พูดไม่จา จากนั้นก็หันไปยกน้ำสะอาดที่เตรียมไว้แต่เนิ่นๆ ยื่นมาให้ เหยาเยี่ยนอวี่ยื่นมือเข้าไปในกะละมังถึงจะสังเกตเห็นผู้ที่ยกน้ำมาให้นั้นผิดปกติ จึงเงยหน้าสบตากับนัยน์ตาอันลุ่มลึกของเขา

“อื้ม…ขอบคุณท่านมาก” เหยาเยี่ยนอวี่พยายามสงบสติ แล้วก้มหน้าลงล้างมือต่อ

เฝิงหมัวมัวที่อยู่ตรงประตูรีบเบียดเข้ามา แล้วพูดอย่างรู้สึกผิด “ท่านแม่ทัพ ให้บ่าวทำเถอะเจ้าค่ะ”

“ไม่ต้อง” เว่ยจางไม่ได้ขยับไปไหน แล้วยังคงยกกะละมังทองแดงที่ใส่น้ำครึ่งหนึ่งด้วยมือข้างเดียว

เหยาเยี่ยนอวี่มีมือที่ขาวผ่องและเปราะบาง นิ้วมือเรียวยาวและขาวผุดผ่องดุจหยก เป็นมือที่งดงามอย่างไร้ที่ติ แค่ไม่ได้ไว้เล็บยาวเหมือนดั่งสตรีคนอื่น และยิ่งไม่ได้ทายาเล็บด้วยสีดอกเทียนบ้าน เล็บของนางถูกตัดอย่างเป็นระเบียบและดูอมชมพู อีกทั้งยังเปล่งประกายแสงอันแวววับ ดูมันแววเหมือนดั่งผิวไข่มุก

เมื่อครู่ตอนที่ถอดถุงมือออก ปลายนิ้วมือเปรอะเปื้อนด้วยเลือดเล็กน้อย ตอนที่จุ่มลงไปในน้ำ คราบเลือดแทบจะถูกล้างออกไปจนหมด นางเหมือนไม่ได้ใส่ใจ ปลายนิ้วค่อยๆ ถูกันอย่างเบามือ ล้างทุกซอกทุกมุม

เว่ยจางมองมือคู่นี้ แค่รู้สึกคอแห้ง เหมือนมีเปลวไฟกำลังปิ้งคอของเขาอยู่ ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะละสายตาไปทางอื่น พร้อมกับกลืนน้ำลาย รอให้เหยาเยี่ยนอวี่ล้างมือจนเสร็จ เว่ยจางถึงจะยื่นกะละมังทองแดงไปให้เฝิงหมัวมัว แล้วแอบถอนหายใจ เหมือนเพิ่งผ่านบททดลองอันใหญ่หลวงมา

ทางฝั่งจางชางเป่ยรอจนกว่าชุ่ยเวยจัดการกับแผลของอาปาเข้อช่าจนเสร็จ ก็รีบยื่นมือไปตรวจจับชีพจรของอาปาเข้อช่า ทันใดนั้น จางชางเป่ยก็ทำสีหน้าที่แปลกพิลึกแล้วมองเหยาเยี่ยนอวี่ที่ถอดหน้ากากและหมวกออก แล้วอุทานขึ้น “คุณหนูเหยาเป็นแม่นางที่อัศจรรย์ชั่วนิรันดร์ เป็นหมออัศจรรย์ชั่วนิรันดร!”

เหยาเยี่ยนอวี่ได้ยินจึงตกตะลึง แล้วมองจางชางเป่ยที่มีผมงอกเต็มหัว และสวมใส่ชุดสีขาวโพลน ผ่านไปสักพักก็ยังไม่ได้สติกลับมา เว่ยจางจึงทำการอธิบายข้างกายนางด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ท่านนี้คือขุนนางหมอขั้นที่หนึ่งที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้ จางชางเป่ย หมอหลวงจาง”

เขาเน้นคำว่า ‘ข้างกายฮ่องเต้’ ‘ขุนนางหมอขั้นที่หนึ่ง’ ประโยคเหล่านี้ เหยาเยี่ยนอวี่ถึงจะได้สติกลับมา แล้วรีบโค้งลำตัวลงลึกๆ พร้อมกับก้มหน้ากล่าวขึ้น “ใต้เท้าจางเอ่ยชมเกินจริงแล้วเจ้าค่ะ”

“การรมยาแบบไท่อี่ ข้าก็เคยได้ยิน แค่ไม่เคยมีบุญวาสนาได้เห็น ถึงแม้จะว่ากันว่านี่คือทักษะขั้นสูงสุดในโลกการแพทย์ ทว่าคนสมัยก่อนเป็นผู้คิดค้น คนรุ่นหลังได้วิเคราะห์ฝึกฝน ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่อัศจรรย์อะไร แค่ทักษะการใช้มีดผ่าตัดหัวใจและปอดของแม่นางดูคุ้นเคยยิ่งนัก ทำให้คนรู้สึกนับถือจริงๆ” จางชางเป่ยพูดไป จึงชูหัวแม่มือออกมาให้เหยาเยี่ยนอวี่ พร้อมกับเน้นย้ำอีกครั้ง “ทำให้คนนับถือจริงๆ!”

ผู้ที่เป็นบุคคลชั้นสูงในโลกการแพทย์ยังชื่นชมเยี่ยงนี้ เหยาเยี่ยนอวี่ก็รู้สึกประหม่า หน้าก็เริ่มแดงเล็กน้อย จากนั้นโค้งลำตัวพร้อมกล่าวขึ้น “ใต้เท้าเอ่ยชมเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”

จางชางเป่ยลูบจับเคราแล้วมองเหยาเยี่ยนอวี่พลางคลี่ยิ้มบางๆ แล้วหันไปทูลเฉิงอ๋อง “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ฮ่องเต้ทรงรอให้กระหม่อมกลับไปรายงานเรื่องวันนี้ กระหม่อมไม่มากความแล้ว ขออำลาก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

เฉิงอ๋องพยักหน้า “รีบเถอะ อย่าให้เสด็จพี่คอยนาน”

จางชางเป่ยพยักหน้าให้กับเจิ้นกั๋วกง จากนั้นก็เหลือบมองเหยาเยี่ยนอวี่อย่างรวดเร็ว หันหลังออกจากประตู ทั้งตามตัวขันทีเอกแล้วจากไปอย่างเร่งรีบ