สาวใช้คุกเข่าลงแล้วคำนับแสดงความเคารพต่อชายชราที่นั่งอยู่ในห้องโถง

“พอแล้ว พอแล้ว” นายใหญ่จางยิ้มเอ่ยแล้วยกมือขึ้น “ลุกขึ้นพูดเถิด”

สาวใช้ขอบตาแดงก่ำ

“นายหญิงมาถึงเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” นางถามอย่างรีบร้อน “มาเมืองหลวงทำไม พวกนายใหญ่ขับไล่นางหรือ”

พูดถึงตรงนี้ น้ำตาก็เอ่อล้นออกมา

สาวใช้และนายใหญ่จางต่างหัวเราะ

“ปั้นฉิน เจ้าประเมินนายหญิงของเจ้าต่ำเกินไปแล้ว” นายใหญ่จางยิ้มเอ่ย “ใครจะขับไล่นางได้”

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ไมใช่” สาวใช้ยังคงยิ้มและมองไปที่สาวใช้ซึ่งกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ “พวกเรามาที่นี่นานแล้ว”

“มาถึงแล้ว ทำไมไม่มาหาข้าเล่า” สาวใช้ร้องไห้เอ่ย

“นี่มิใช่มาแล้วหรือ” สาวใช้ยิ้มขณะที่ช่วยพยุงแขนของสาวใช้อีกคน “ปั้นฉิน อย่าร้องไห้ไปเลย รู้ว่าเจ้าคิดถึงนายเก่า แต่คนอยู่จะคิดว่านายใหญ่รังแกเจ้านะ”

นายใหญ่จางหัวเราะลั่น และส่ายหัวใส่ซู่ซิน

“เจ้านี่ ไม่ต้องมาชมข้าแทนนางเลย” เขาเอ่ย

สาวใช้ได้สติกลับคืนมาจากนั้นจึงเช็ดน้ำตาอย่างเร่งรีบ

“นายใหญ่ ปั้นฉินลืมจนทำอะไรไม่ถูกแล้วเจ้าค่ะ” นางสะอึกสะอื้นพร้อมกับคำนับนายใหญ่และเอ่ยขอบคุณสาวใช้ “พี่สาวฉลาด ไหวพริบดี และรู้จักพูดมากกว่าข้า ข้าโง่เขลานัก”

สาวใช้หัวเราะ

“ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว” นางยิ้มเอ่ย “นายใหญ่ฉลาดเฉลียวมากเกินไป เมื่ออยู่ต่อหน้านายใหญ่ พวกเราก็เหมือนกัน”

นายใหญ่จางหัวเราะลั่น

“เจ้านี่ ต่อหน้านายหญิงของเจ้าก็กะล่อนเช่นนี้หรือ” เขาเอ่ย

“นายหญิงข้าก็เป็นคนฉลาดเฉลียว ต่อหน้านายหญิง ข้าก็กลายเป็นคนที่ทำปากจู๋ดุจน้ำเต้า รับมือไม่ทันและพูดช้า” สาวใช้ถอนหายใจอย่างเสแสร้ง

ครานี้สาวใช้ก็หัวเราะไปด้วย

“พอแล้ว หยุดพูดชื่นชมนายใหม่ ชมข้าได้แล้ว” นายใหญ่จางยิ้มเอ่ยพลางมองไปที่สาวใช้ “ทำไมพวกเจ้าถึงมาที่นี่และมาตั้งแต่เมื่อใดกัน”

“พวกข้ามาถึงตั้งแต่ปีก่อนและตอนนี้อาศัยอยู่ที่บ้านฝั่งตายายของนายหญิงเจ้าค่ะ” สาวใช้ยิ้มเอ่ย

นายใหญ่จางพยักหน้า

“นายหญิงสบายดีใช่ไหม” สาวใช้ถามอย่างรีบร้อน

“สบายดี” สาวใช้ยิ้มเอ่ย

“ญาติฝั่งมารดาไปรับนายหญิงมาหรือ” สาวใช้เอ่ยถาม “พวกเขาดีกับนายหญิงไหม”

สาวใช้ยิ้ม

“คนอื่นจะดีหรือไม่ นายหญิงก็อยู่ดีกินดีทั้งนั้น” นางยิ้มเอ่ย

นั่นหมายความว่าไม่ดี…

หากดีจริง จะแย่งสินสอดโดยไม่คำนึงถึงคนทั้งคนได้อย่างไร

แม้จะรับนายหญิงมาอยู่ด้วย ก็คงแค่ไม่ให้หิว ไม่ให้หนาว สุนัขและแมวก็เลี้ยงดูได้เช่นเดียวกัน แต่คนทั้งคน มิใช่สุนัข มิใช่แมว

สาวใช้ดูเศร้าหมอง

แต่จะให้ทำอย่างไรได้

การให้กำเนิดเด็กบ้าถือเป็นเรื่องน่าอับอายของตระกูล ซึ่งเก้าในสิบคนจะเลือกที่จะกดน้ำตายตั้งแต่ยังเป็นทารก หากไม่กดน้ำตาย ทารกนี้ก็เหมือนกับคราบสกปรกที่ติดชุดอันงดงามของทั้งสองตระกูล และถูกบงการไปตลอดชีวิต

ความเกลียดชังนี้ได้แทรกซึมเข้าไปในกระดูกและเลือดเนื้อของตระกูลทั้งสอง จนไม่อยาก และไม่เต็มใจที่จะดูแลบุตรสาวคนนี้เลย

“ไม่โลภ ใจย่อมแกร่ง ไม่ร้องขอ คือทางออก” นายใหญ่เอ่ยและมองไปที่สาวใช้ “นายหญิงของเจ้าไม่เป็นอะไรหรอก อย่าหาเรื่องใส่ตัวเลย”

สาวใช้รีบก้มศีรษะขานตอบ

“ข้าต้องขอตัวกลับก่อนแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้เอ่ยพร้อมกับนั่งหลังตรง “นายหญิงให้ข้ามาดูว่านายใหญ่กลับมาถึงแล้วหรือไม่ ตอนนี้ข้าอยู่นานเกินไปแล้ว“

สาวใช้อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่กล้าถาม

นายใหญ่จางพยักหน้าและยิ้ม โดยมิได้รั้งหรือถามนางต่อ

“อืม เจ้าไปเถอะ” เขาพูดเพียงเท่านี้

สาวใช้ลุกขึ้นและยิ้มให้กับสาวใช้อีกคนแล้วเดินออกไป

สาวใช้มองดูสาวใช้อีกคนหายไปในลานบ้านอย่างร้อนใจ

“หยุดมองได้แล้ว ไม่ช้าก็ได้เจอกันแล้ว” นายใหญ่จางยิ้มเอ่ย “ก็ภายในสองวันนี้แหละ รีบไปคิดเร็วว่าจะทำอาหารใดให้นายหญิงเจ้ากิน นายหญิงเจ้าจะได้เห็นว่า เมื่อไม่ได้อยู่กับนางแล้ว ฝีมือการทำอาหารของเจ้าก้าวหน้าขึ้นเพียงใด ดูสิว่านางจะเสียดายหรือไม่”

ทันใดนั้นสาวใช้ก็หัวเราะชอบใจ

“นายใหญ่เจ้าคะ ฝีมือการทำอาหารของข้าจะก้าวหน้าเพียงใด นายหญิงก็เป็นคนสอนข้าทั้งนั้น ต่อหน้านายหญิง ข้าเป็นเพียงคนธรรมดา” นางเอ่ย

“พอแล้ว พอแล้ว ข้ารู้ ข้ารู้ ว่านายหญิงของเจ้าดีที่สุด หาใครบนโลกมาเทียบเคียงมิได้เลย” นายใหญ่จางยิ้มเอ่ยและโบกมือไปมา

สาวใช้ก็ยิ้มเช่นกันก่อนจะคำนับแล้วขอตัวออกไป

ณ บ้านตระกูลโจว สาวใช้สองคนเดินถือถังซักผ้าสองถังอย่างลำบาก

“พี่สาว ข้าเหนื่อยแล้ว ขอหยุดพักก่อน” ปั้นฉินเหลียวหลังเอ่ย

ถังทั้งสองที่สอดกับไม้หาบเห็นได้ชัดว่าเข้าใกล้นางมากกว่า

สาวใช้ร่างเล็กที่อยู่ด้านหลังโมโหและวางถังไม้ลงกับพื้น

“ทำไมต้องมาเดินอ้อมผ่านแถวนี้ด้วย เดินอ้อมไกลจนข้าเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว” นางเอ่ย

ปั้นฉินหัวเราะและเอ่ยว่าลำบากแล้ว พลางมองไปที่เรือนริมถนนโดยไม่ตั้งใจ

ประตูบ้านถูกเปิดออก มองเห็นสาวใช้หลายคนในบ้านพูดคุยหยอกล้อกัน

ยกเว้นในยามจำเป็นที่จะต้องออกไปข้างนอก หญิงสาวผู้นั้นก็จะนั่งเงียบๆ อยู่ในบ้าน ความเคยชินทั้งหมดนี้มิได้เปลี่ยนไปเลย เพียงแต่คนข้างกายเปลี่ยนไปเท่านั้น

“พี่ปั้นฉิน”

มีเสียงเรียกมาจากระยะไกล ปั้นฉินจึงมองไปด้วยความตกใจ มองเห็นสาวใช้สง่างามคนหนึ่งเดินเข้ามาช้าๆ ทั้งสาวใช้และแม่นมที่เดินผ่านต่างเอ่ยทักทายนางด้วยรอยยิ้ม

นางรีบก้มศีรษะและยกไม้ขึ้น

“รีบไปกัน รีบไปกันเถอะ ” นางเอ่ย “หากไปถึงช้า แม่นมหยางต้องเอาดุอีกแน่”

สาวใช้ยกขึ้นด้วยความโกรธ ขณะที่ปั้นฉินเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้นางเดินเซเล็กน้อย

“นี่ช้าหน่อยเถอะ ในเมื่อรีบยังจะเดินอ้อมอีก” นางเอ่ยพลางเดินตามไปด้วย บ่นไปด้วย

ณ ลานซักล้าง เมื่อพวกนางมาถึงก็ทำให้แม่นมที่ยืนพูดคุยกันอยู่ถึงกับสะดุ้งและรีบนำถังไม้มาปิด พอเห็นชัดว่าเป็นพวกนาง จึงชักสีหน้าใส่

“ไปหลบขี้เกียจที่ไหนมา” แม่นมคนหนึ่งตะโกนด้วยใบหน้าตึงเครียด

ก่อนที่ปั้นฉินจะพูด สาวใช้ผู้นั้นก็บีบไหล่ของนางและบ่น

“เพราะนางเลย ขี้เกียจสันหลังยาว ถึงได้ช้าเช่นนี้” นางเอ่ย

ปั้นฉินก้มศีรษะและนำถังไม้ไปที่สระซักผ้า

“พอแล้ว เจ้าไปพักผ่อนเถอะ” แม่นมเบิกตากว้างแล้วชำเลืองมองสาวใช้

สาวใช้ยิ้มและเอ่ยขอบคุณแม่นมแล้วหันหลังวิ่งออกไป

แม่นมหันหน้าไปมองปั้นฉินที่กำลังเทเสื้อผ้าลงสระอยู่

“เจ้าไปเก็บเสื้อผ้าในบ้านก่อน” แม่นมเอ่ย

ปั้นฉินขานตอบพร้อมกับเช็ดมือที่เปียกบนร่างกายแล้วเดินเข้าไปในห้อง

แม่นมหันหลังแล้วเดินไปหาเหล่าแม่นมที่เหลือด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

“พวกเจ้าว่าจะทำอย่างไรกันดี” นางพูดพลางก้มหน้ามองไปที่ถังไม้ตรงหน้า

ภายในถังไม้มีกระโปรงอยู่สองตัว ซึ่งตอนนี้ถูกย้อมไปด้วยสีสันสดใส

“นี่คือกระโปรงตัวโปรดสองตัวของฮูหยิน” แม่นมอีกคนเอ่ย “ครั้งนี้ต้องมีคนรับผิดแล้ว”

ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ทุกคนต่างทำท่าทางหลบเลี่ยงเล็กน้อย

“สาวใช้เป่าต้องลงทุนลงแรงถึงได้ย้ายไปปรนนิบัติข้างกายฮูหยิน แม่ของนางก็ได้งานใหม่ในครัว ส่วนน้องสาวสนิทสนมกับภรรยาของพ่อบ้านเฉา หากครั้งนี้ไม่ช่วยนาง ลงโทษสาวใช้เป่าง่ายนิดเดียว แต่คงจะถูกครอบครัวนี้ชำระแค้นในภายหลังเป็นแน่” แม่นมคนหนึ่งเอ่ย

“แล้วจะให้ทำอย่างไรเล่า” อีกคนเอ่ย “จะหาคนอื่นมารับโทษแทนไม่ง่ายเลย ลานซักผ้าเรามีคนมากกว่าสิบคน แต่ละคนล้วนมีความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิง หากกลัวว่าล่วงเกินคนนี้ จะไม่ล่วงเกินอีกคนด้วยหรือ”

แม่นมทั้งหลายนิ่งเงียบไปชั่วขณะแล้วหันหน้าไปมองที่ห้องนั้น

“หากจะพูดถึงคนที่เหมาะสม ก็มีอยู่คนหนึ่ง” นางเอ่ย

ทุกคนตะลึงและมองไปตามสายตาของนาง

เมื่อประตูถูกเปิดออก จะเห็นร่างผอมบางที่เดินผ่านไปมากำลังจัดเก็บห่อผ้าทั้งหมดโดยอุ้มไปมาทีละห่อ

……………………………………………………..