“นังหนู เจ้าออกไปครั้งนี้ได้อะไรกลับมาไม่น้อยเลย” หลงเหวินเซวียนมองหลิวหลีที่กำลังจะไล่ตามเขาทันอย่างพอใจ เห้อ คลื่นลูกแรกๆ อย่างเขาพักอยู่บนหาดทรายนานมากแล้ว
“นังหนู ตอนนี้จะตีเจ้า ก็คงจะสู้เจ้าไม่ได้ ดูแล้วลุงสามคงต้องพยายามให้มากแล้ว” หลงจิ่งหลินก็รู้สึกกดดันเช่นกัน หลานสาวนางนี้ จะยอมให้เขาได้หายใจหายคอหรือไม่นะ
“ท่านตา ท่านลุง พวกท่านพูดอะไรกัน พวกท่านเป็นผู้อาวุโส ข้าไม่มีทางตอบโต้กลับแน่นอน อีกอย่าง ถ้าข้าไม่ทำผิด ลุงสามก็ไม่ตีข้าหรอก” หลิวหลีพูดแบบไม่ได้สนใจอะไร
นังหนูพูดได้ดี นางไม่ได้ปลอบอะไรพวกเขา แต่พวกเขาก็แค่พูดไปอย่างนั้น ใครจะตีนางได้ลงคอ
“จริงสิ ท่านตา ท่านแม่สบายดีหรือไม่” นางยังคงเป็นห่วงความสุขของมารดาอยู่ตลอด
“สบายดี พ่อของเจ้าก็เช่นกัน พลังบำเพ็ญเพียรของแม่เจ้าตอนนี้อยู่ในช่วงปราณก่อนกำเนิดระยะกลางแล้ว บวกกับยาศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า ทำให้พื้นฐานค่อนข้างมั่นคง” หลงเหวินเซวียนกล่าว ลูกสาวของเขาแค่สบายดีที่ไหน นางสบายดีมากๆ เลยต่างหาก ดีจนไม่สนใจยาศักดิ์สิทธิ์ระดับกลางกับระดับล่างอีกต่อไป ระดับสูงก็พอจะฝืนยอมเหลือบแลบ้าง นางถูกนังหนูตรงหน้าทำให้หัวสูงขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ลูกสาวเขาไม่ต่างกับหลานสาวแม้แต่น้อย ต่างชอบให้รางวัลคนอื่นเป็นยาศักดิ์สิทธิ์ แถมยังบอกเขาว่านังหนูกล่าวไว้ว่าถูกชะตาใครก็ให้ตบรางวัล แต่ถ้าไม่ชอบใครก็เอายาศักดิ์สิทธิ์ทุบไปเลย ทำให้คนสกุลจ้านที่ไม่พอใจกับงานแต่งครั้งนี้ ต่างกระจายข่าวไปทั่ว ใครใช้ให้หลงซินเยว่คลอดลูกเป็น ให้กำเนิดลูกสาวที่เป็นนักปรุงยาระดับสูงที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ จะไม่ยอมปรุงยาที่ไม่ใช่ยาคุณภาพชั้นเลิศ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ นังหนูคนนี้ดีกับมารดานัก จนถึงตอนนี้ยังไม่ยอมรับบิดา และยังไม่ชอบคนสกุลจ้านอยู่
“อืม ท่านแม่มีความสุขก็พอแล้ว มีอะไรขวางหูขวางตาท่านบ้างหรือไม่?” หลิวหลีไม่ได้พูดตรงๆ แต่ทุกคนก็เข้าใจได้เองว่านางหมายถึงคนสกุลจ้าน
“ใครจะกล้าขวางหูขวางตา ทุกคนก็รู้ว่าเจ้าให้ความสำคัญกับแม่เจ้าแค่ไหน หาเรื่องแม่เจ้าแล้วเจ้าเกิดไม่พอใจขึ้นมา ไม่ยอมปรุงยาให้พวกเขา พวกเขาไม่กล้าเสี่ยงหรอก” หลงจิ่งอู๋พูดพลางหัวเราะ
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว ไม่มีใครขวางหูขวางตาก็พอ” มารดานางอ่อนโยนขนาดนั้น ใครกล้าท่านแม่ไม่พอใจ นางจะทำให้พวกเขาทั้งสกุลไม่มีความสุขแน่
“ท่านลุงสาม” ผู้บำเพ็ญหญิงคนหนึ่งเดินข้ามาด้วยใบหน้าซีดเผือด นางอุ้มเด็กสาวคนหนึ่งไว้ในอ้อมกอด
“จิ่งหลิง เกิดอะไรขึ้น? ทำไมสีหน้าแย่ขนาดนี้ ชายหนุ่มสกุลหลินผู้นั้นล่ะ” หลงเหวินเซวียนขมวดคิ้วมองหลงจิ่งหลิง
“ลุงสาม ข้าหย่ากับเขาแล้ว เขารับอนุแล้วทอดทิ้งเสี่ยวเสี่ยว” หลงจิ่งหลิงพูดพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น เด็กน้อยในอ้อมแขนเงียบสนิท ไม่มีปฏิกิริยาใด
“อะไรนะ ถึงขนาดกล้าฉีกหน้าสกุลหลง ตาแก่หลินต้าหมิงนั่นรู้เรื่องนี้แล้วหรือยัง” หลงเหวินเซวียนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ บรรดาพี่น้องสกุลหลงคนอื่นๆ ก็ไม่พอใจเช่นกัน
“ลุงสาม ผู้นำสกุลหลิงยังไม่รู้เรื่อง” หลงจิ่งหลิงพูดพลางส่ายหัว
“นี่คือเสี่ยวเสี่ยว? เสี่ยวเสี่ยวมาหาท่านตาสามนี่มา” หลงเหวินเซวียนมองเด็กสาวในอ้อมกอดพลางโบกมือให้นางน้อยๆ
หลินเสี่ยวเสี่ยวไม่เคลื่อนไหว
“เสี่ยวเสี่ยว มาหาพี่ทางนี้มา” หลิวหลีกวักมือเรียกหาหลินเสี่ยวเสี่ยว
ทันใดนั้น หลินเสี่ยวเสี่ยวเกิดเคลื่อนไหว เดินมาหาหลิวหลี
“น่ารักจริงๆ เลย เสี่ยวเสี่ยว อยู่กับพี่สาวดีไหม ร่างกายของแม่เจ้าจำเป็นต้องได้รับการดูแล รอนางหาย ข้าจะพาเจ้ากลับไปกู้ศักดิ์ศรีคืนมา เจ้าพูดได้ ที่นี่ปลอดภัย” หลิวหลีมองตาเสี่ยวเสี่ยว และพูดกับอีกฝ่ายอย่างจริงใจ
“จริงหรือเจ้าคะ” อาจเพราะหลินเสี่ยวเสี่ยวไม่ได้พูดนาน ทำให้น้ำเสียงไม่อ่อนหวานเหมือนกับเด็กทั่วไป
“จริงสิ” หลิวหลีพยักหน้า
“นังหนู เจ้าหมายความว่าอย่างไร” หลงเหวินเซวียนจับความผิดปกติในคำพูดออก
“ความหมายน่ะหรือก็ตามที่ข้าพูดอย่างไร ท่านน้าจิ่งหลิงโดนพิษเรื้อรัง เสี่ยวเสี่ยวคงรู้เรื่องนี้ นางเลยไม่ยอมพูด แสร้งทำตัวราวตุ๊กตา บ้านสกุลหลินคงไร้ซึ่งวาสนาจริงๆ ร่างดวงจิตสวรรค์ที่หาได้ยากขนาดนี้ กลับต้องยกให้บ้านสกุลหลง เห้อ เสียหายหนักแล้ว” หลิวหลีพูดพลางทอดถอนใจ
“จิ่งหลิงโดนพิษหรือ” หลงเหวินเซวียนอึ้งไป
“เสี่ยวเสี่ยวเป็นร่างดวงจิตสวรรค์?” หลงจิ่งหลิงพูดอย่างประหลาดใจ
“เจ้าค่ะ ชื่อหลินเสี่ยวเสี่ยวไม่เพราะเลย ชื่อหลงเสี่ยวเสี่ยวดีหรือเปล่า เจ้าอายุเพียงเท่านี้ก็ต้องมาปกป้องแม่แบบนี้ ลำบากเจ้าแล้วแท้ๆ” หลิวหลีพูดพลางใช้มือลูบหัวเสี่ยวเสี่ยว
“ไม่ลำบากเจ้าค่ะ ท่านแม่ไม่เป็นไรก็ดี ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่เจ้าค่ะ” หลงเสี่ยวเสี่ยวพูดพลางส่ายหัว หลงจิ่งหลิงที่อยู่ข้างๆ ร้องสะอึกสะอื้น นางคิดมาตลอดว่านางเป็นคนปกป้องลูกสาว แต่นึกไม่ถึงเลยว่าแท้จริงแล้ว ลูกสาวต่างหากที่เป็นคนปกป้องนาง
“ท่านตา เรื่องนี้รอช้ามิได้ รีบนำชื่อเสี่ยวเสี่ยวใส่รายชื่อตระกูล ข้าว่าหากผู้นำสกุลหลินรู้เข้าต้องรีบตามมาแน่” หลิวหลีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
“เอาล่ะ เจ้าใหญ่ บอกคนเฝ้าประตูว่า ให้ขวางคนสกุลหลินทุกคนไม่ว่าใรก็ตาม เจ้าสาม ไปเรียกลุง ป้า น้า อาของเจ้ามา ข้าจะเอาชื่อของเสี่ยวเสี่ยวใส่ในรายชื่อตระกูล” หลงเหวินเซวียนรีบตัดสินใจทันที
เสี่ยวเสี่ยวจับมือหลิวหลีไว้
“พี่สาว ท่านร้ายนะ” หลงเสี่ยวเสี่ยวตำหนิ
“มองข้ามไปๆ ถ้าไม่ใช่เพราะบิดาเจ้าชอบเด็กผู้ชาย ก็เห็นแก่สายเลือดครึ่งหนึ่งของเขาที่ไหลวนในตัวของเจ้า เจ้ามองข้ามไปเถอะ อยู่กับข้าดีจะตาย เดี๋ยวพี่จะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เจ้า จะได้ตอกคนสกุลหลินให้หน้าหงายไปเลย” หลิวหลียังคิดอยู่ว่าเลือดบริสุทธิ์หยดสุดท้ายของเต่าดำควรมอบให้ใคร นังหนูคนนี้เหมาะสมที่สุดแล้ว
“เจ้าค่ะ”
“เจ้าเป็นร่างดวงจิตสวรรค์ ใช้มันให้ดีๆ จะกลายเป็นอาวุธสังหารที่เยี่ยมยอด สกุลหลินตาถั่วจริงๆ” ถึงแม้ปากหลิวหลีจะบอกเสียดาย แต่สีหน้ากลับยินดีกับความโชคร้ายของคนอื่น
“แต่พี่สาว ข้าทำพันธสัญญาได้กับเต่าดำเท่านั้น”
“เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา ข้ากับเผ่าเต่าดำเป็นมิตรกัน ให้เจ้าทำพันธสัญญากับเต่าดำไม่มีปัญหาอยู่แล้ว หากไม่ยินยอม ข้าจะเอายาศักดิ์สิทธิ์ฟาดหน้าเผ่าเต่าดำเอง” หลิวหลีแสดงทีท่าให้เห็นว่านี่ไม่ใช่ปัญหา
จู่ๆเสี่ยวเสี่ยวก็นับถือในตัวพี่สาวผู้นี้อย่างมาก นางเก่งเหลือเกิน ช่างเปิดเผยอย่างมาก ต่อไปนางอยากจะเป็นแบบนี้เหลือเกิน
หลินต้าหมิงหัวเสียอยู่ที่บ้านสกุลหลิน ทุกคนก็ทำท่าทีกล้าๆกลัวๆ หลินอวี่ไม่กล้าส่งเสียงออกมาเลยแม้แต่น้อย ส่วนผู้หญิงที่ยืนข้างๆ เนื้อตัวสั่นเทา
“หลินอวี่ เจ้าบอกว่าเจ้าหย่ากับหลงจิ่งหลิงแล้วหรือ เจ้าไปเอาความกล้าจากไหนมา ถึงกล้าฉีกหน้าสกุลหลงขนาดนี้” หลินต้าหมิงถูกหลานชายผู้โง่เขลาคนนี้ทำให้หัวเสียจนอยากหัวเราะออกมา
“ท่านลุง หลงจิ่งหลินให้กำเนิดบุตรสาวที่โง่เขลากับข้า แล้วไม่ยอมคลอดลูกอีก ความอกตัญญูนั้นมีอยู่สามประการแต่ข้อสำคัญคือเรื่องทายาทสืบสกุล เหยียนเหยียนกำลังตั้งครรภ์ เด็กในท้องแข็งแรงมาก” หลินอวี่อธิบาย เขาก็แค่อยากจะมีลูก เขาผิดหรือ
“ตั้งครรภ์หรือ?” หลินต้าหมิงจ้องท้องผู้หญิงที่ชื่อเหยียนเหยียน
“ใช่ขอรับ ท่านลุง” หลินอวี่นึกว่าหลินต้าหมิงจะใจอ่อน
“เหอะๆ ใครก็ได้มาเอาผู้หญิงคนนี้ออกไป รีดลูกนางออก จับนางดื่มยาทำหมันเลย” หลินต้าหมิงพูดด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม
“ไม่นะไม่ ท่านลุง ท่านจะทำเช่นนั้นไม่ได้ อีกอย่าง ข้าแค่รับเหยียนเหยียนมาเป็นอนุเอง หลงจิ่งหลิงนางใจแคบเอง” หลินอวี่ผลักคนเดินเข้าราวคนบ้า แล้วดึงเหยียนเหยียนเข้าไปในอ้อมกอด
ซุนเหยียนเหยียนเคียดแค้น ทำไมนางต้องเชื่อคำของมารดา ยั่วยวนคนในห้าสกุล ผลคือพวกเขาดูถูกนางแถมยังคิดจะทำลายนางอีก
“หึ หลินอวี่ อย่าบีบข้าให้ต้องขับเจ้าออกจากสกุล เจ้ารู้หรือไม่ ตอนนี้เราต้องเอาใจคนสกุลหลง แต่เจ้ากลับยั่วโทสะคนสกุลหลง หลงหลิวหลีเป็นคนที่ไม่ทำอะไรตามหลักเหตุผล ถ้านางรู้เรื่องนี้เข้า หากนางออกหน้า เราสกุลหลินคงทำได้แค่อดทน คิดไม่ถึงว่าเจ้าไม่เข้าใจความร้ายแรงของเรื่องนี้ แต่เจ้ายังมีหน้าพานังหญิงชั่วนางนี้ มาขอร้องเพื่อเอานางเข้าในรายชื่อสกุล ข้าจะบอกเจ้านะ หลินอวี่ ครอบครัวเจ้ามีแค่หลงจิ่งหลิงเท่านั้นที่จะมีรายชื่ออยู่ในสกุลได้ หรือแม้แต่ตัวเจ้าเอง ข้าก็สามารถเอารายชื่อออกจากสกุลได้ด้วยเช่นกัน หากบ้านสกุลหลงไม่ให้อภัยเจ้า เมื่อเป็นเช่นนั้นเจ้าก็รอถูกขับไล่ออกจากสกุล ไปเป็นคนเร่ร่อนกับคู่รักของเจ้าได้เลย ส่วนเด็กในท้องก็ปล่อยให้หลงจิ่งหลินจัดการแล้วกัน” หลินต้าหมิงตบหน้าทั้งสองคนแทบจะลงไปกองกับพื้น
หลินอวี่นิ่งไป คิดไม่ถึงว่าจะขับเขาออกจากตระกูล ตอนนี้หลินอวี่ถึงได้เข้าใจความรุนแรงของเรื่องนี้
“ใครก็ได้มา พวกเราต้องรีบไปบ้านสกุลหลง”
ณ ศาลบรรพชนสกุลหลง ทุกอย่างถูกเตรียมไว้พร้อมสรรพ
หลิวหลีเห็นความว้าวุ่นใจของเสี่ยวเสี่ยว จึงจับมือของนาง
“เป็นอะไรไปเสี่ยวเสี่ยว ไม่ยินยอมหรือ?”
“ไม่เจ้าค่ะ แค่รู้สึกแปลกๆนิดหน่อย” เสี่ยวเสี่ยวพูดพลางส่ายหัว
“ไม่ต้องเป็นห่วง เจ้าเองก็น่าจะรู้ จริงๆแล้วข้าควรจะแซ่จ้าน แต่ข้าก็ใช้แซ่ของมารดาข้า แซ่อะไรพวกนี้ไม่สามารถขัดขวางความอาลัยอาวรณ์ของเจ้าที่มีต่อคนสกุลหลินบางคนได้หรอก” หลิวหลีอธิบาย
“พี่สาว ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวเสี่ยวพยักหน้า
“เจ้าบอกว่า ไม่ให้ข้าเข้าไปหรือ” หลินต้าหมิงแทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง ก่อนนี้จ้านเฟิงอวี้เป็นคนต้องห้าม ตอนนี้มาถึงคราวเขาแล้ว นี่เรียกว่าลมเปลี่ยนทิศใช่หรือไม่
“ขอรับ ผู้นำสกุลสั่งมาเช่นนี้” ผู้เฝ้าประตูพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ไม่สิ ทำไมถึงเปิดศาลบรรพชน” หลินต้าหมิงรู้สึกสังหรณ์ใจ
“ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน” ผู้เฝ้าประตูส่ายหัว
“เอาล่ะ ต่อไปนี้เจ้าก็เป็นลูกหลานสกุลหลงแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง ขอแค่เจ้าไม่ทำเรื่องที่ผิดต่อฟ้าดิน ออกไปทำตัวโอหังที่ไหนก็ได้ไม่เป็นไร” หลงเหวินเซวียนพูดพลางตีหลงเสี่ยวเสี่ยวเบาเบา
“ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านตาสาม” หลงเสี่ยวเสี่ยวคุกเข่าขอบคุณ รับป้ายหยกที่เป็นของนาง ในที่สุดนางก็มีป้ายหยกเป็นของตัวเอง นางได้รับการยอมรับแล้ว
“มา เดี๋ยวพี่จะแขวนป้ายหยกให้เจ้า เราควรออกไปพบแขกได้แล้ว” หลิวหลียิ้มอย่างสดใส เฮ้อ คนสกุลหลิน อยากจะเห็นจริงๆ ว่าพวกเจ้าทำหน้าอย่างไร
ในที่สุดหลินต้าหมิงก็เดินเข้ามา แต่กลับเห็นนังมารสกุลหลงอุ้มเสี่ยวเสี่ยวอยู่ แย่แล้ว ทำไมนังหนูถึงดูเชื่อฟังนังมารขนาดนี้ ดูแล้วเรื่องนี้คงจัดการยากเสียแล้ว
“เสี่ยวเสี่ยว เจอกันครั้งแรก พี่ยังไม่ได้ให้ของขวัญเจ้าเลย” หลินต้าหมิงยังไม่ทันได้พูดอะไร หลิวหลีก็ชิงพูดขึ้น นางหยิบถุงเก็บของที่หลินต้าหมิงคุ้นเคยเป็นอย่างดีออกมา เห้อ หลินต้าหมิงพบว่าถุงเก็บของใบนี้ ช่างคุ้นตายิ่งนัก
“ท่านพี่ นี่คืออะไร” เสี่ยวเสี่ยวเปิดถุงเก็บของแล้วก็หยิบขวดเล็กๆ ออกมา
“เอาไว้ให้เจ้าเล่น”
………………………………….