ถังหยินเคลื่อนไหวตามการสะบัดแขน ก่อนต่อยสวนกลับไปที่เดิม

มือสังหารผู้นั้นรู้สึกราวกับว่าถูกค้อนทุบเข้าที่หน้าอกอย่างแรง ก่อนที่ร่างของเขาจะลอยกระเด็นไปติดกับกำแพง ทำให้เกราะแตกออกและเลือดไหลออกจากปาก

“หา ?” นักฆ่าที่เหลือต่างก็หน้าซีด พวกเขาไม่คาดคิดว่าคนที่ใส่เกราะปราณจะถูกชกกระเด็นแบบนี้ได้

จากนั้นชัวน่าก็พลันเปิดผ้าออกมาหันมองถังหยินด้วยความตะลึง ก่อนจะกล่าวกับพวกนักฆ่า “พวกเจ้าเป็นใคร ? ใครส่งเจ้ามา ?”

“องค์หญิง ?” พวกมือสังหารไม่คิดว่าชัวน่าจะอยู่ในห้องนี้ ทำให้พวกเขาเริ่มมีสีหน้าที่ตื่นตะลึงมากขึ้นกว่าเดิม

พวกเขามองหน้ากันและกัน ก่อนเริ่มถอยกลับไปหาคนที่บาดเจ็บ ด้วยสำหรับพวกเขาแล้วนั้น ถังหยินน่ากลัวมากกว่าองค์หญิงเสียอีก ดังนั้นจึงคิดอยากจะถอนกำลังกลับ

ถังหยินหัวเราะขึ้นเสียงดัง เอียงคอมอง กำหมัดแน่นก่อนพูดว่า “อะไรกัน ? แค่นี้พวกเจ้าก็คิดจะหนีแล้วหรือ ? เสียใจด้วย ห้องของข้านั้นใช่ว่าจะคิดเข้าก็เข้าออกก็ออกได้โดยง่ายเช่นนั้น !”

พวกนักฆ่ามองถังหยินอย่างโกรธเกรี้ยว หากแต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ทำอะไร ชายหนุ่มก็พลันโถมตัวพุ่งเข้าใส่พร้อมด้วยฝ่ามือที่กลายเป็นคมดาบ

ไม่ใช่แค่พวกนักฆ่าที่ตกตะลึง แม้แต่ชัวน่าที่ยืนอยู่ก็มีสีหน้าที่ไม่ต่างกัน

หลังจากที่มือกลายเป็นใบมีดแล้ว ถังหยินก็มองพวกนักฆ่าทั้งสี่อย่างใจเย็น

พวกเขาตะโกนออกมาพร้อมกันด้วยความหวาดกลัว “ปีศาจ !”

ตอนนี้ถังหยินเปรียบเสมือนปีศาจไปแล้วจริง ๆ …การที่สามารถเปลี่ยนมือตัวเองให้กลายเป็นดาบแบบนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่ามนุษย์แล้ว

ชายหนุ่มหัวเราะอย่างเปรมปรีดิ์ก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่กลางวงพวกนักฆ่าแล้วตะโกน “ข้าชอบคำพูดของพวกเจ้าจัง” พร้อมกับฟาดฟันใบมีดเข้าใส่ทั้งสี่

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะชายหนุ่มเข้ามาเร็วเกินไปหรือว่าพวกเขากลัวจนขยับไม่ได้ ถังหยินจึงมีโอกาสฟาดฟันอาวุธของพวกเขาที่ถูกยกขึ้นมาปัดป้องจนกระเด็นออกไป จากนั้นก็หายตัวแล้วไปโผล่ที่ข้างหลังอย่างรวดเร็วพร้อมกับทุบลงไปด้วยแรงมหาศาล

ทั้งสี่ทรุดอยู่บนพื้น สายตาได้แต่จับจ้องไปที่ใบมีดที่ถูกห่อหุ้มไปด้วยเปลวไฟสีดำด้วยความหวาดกลัว !

ไม่อาจรู้ได้ว่าใครตะโกนขึ้นมา “องค์หญิงช่วยข้าด้วย !”

ชัวน่าที่ได้สติก็พลันพุ่งเข้าไป หมายจะช่วยพวกเขาโดยการเข้าขวางระหว่างกลาง

“เจ้า เจ้าห้ามฆ่าพวกเขา !” นางกล่าวอย่างห้าวหาญ

ถังหยินยกดาบขึ้นสูง ไม่คิดจะหยุดมือด้วยคำพูดแค่นี้แม้แต่น้อย “หลีกไป ถ้าไม่ทำล่ะก็ ข้าจะฆ่าท่านด้วยเสียเลย !”

แม้ว่าดาบที่ถืออยู่จะมีไฟสีดำปกคลุมทำให้ดูน่ากลัวเป็นพิเศษ แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังคงกัดฟันพูดขึ้น “ไม่ !”

“ถ้างั้นก็ตายไปพร้อมกับพวกมันนั่นแหละ !” ถังหยินยิ้มออกมาอย่างเลือดเย็น

“ไม่ว่าจะเป็นยังไงเจ้าก็ห้ามฆ่าพวกเขา !”

เมื่อได้ฟังคำยืนยันอีกครั้งภายใต้สถานการณ์ที่บีบคั้นเช่นนี้ ถังหยินก็ได้แต่ขมวดคิ้วแน่น แล้วจึงยกดาบลง

ชัวน่าคือองค์หญิงของที่นี่ ถ้าหากเขาพลั้งมือจัดการนางไป อย่าว่าแต่สงบศึกเลย สงครามคงได้มีต่อไปตลอดกาลแน่ ๆ

เขามองนักฆ่าที่อยู่ด้านหลังหญิงสาวแล้วกล่าว “ข้าไม่ว่าอะไรหรอกถ้าพวกเจ้าจะลอบเข้ามาแบบนี้ แต่การหลบอยู่ด้านหลังผู้หญิงแบบนั้นมันใช้ได้ที่ไหนกัน เอางี้ดีกว่า ถ้าพวกเจ้ายอมปลดเกราะของตัวเองออก ข้าจะปล่อยเจ้าไป”

ทั้งสี่โกรธกับคำพูดดังกล่าว หากแต่พวกเขาก็ยังหวาดกลัวชายหนุ่มเกินกว่าจะพูดโต้ตอบคำใดกลับไป

เมื่อเห็นว่าทั้งสี่ยังไม่ยอมขยับตัว ถังหยินจึงพูดต่อ “เจ้ากล้ามาลอบสังหารข้า แต่ไม่กล้าที่จะเปิดเผยตัวตนเนี่ยนะ ?”

พวกนักฆ่าทนไม่ไหว จึงตัดสินใจปลดเกราะปราณออก เผยให้เห็นใบหน้าที่ยังดูหนุ่มแน่นอันไม่คุ้นเคย ทำให้ถังหยินแปลกใจเล็กน้อย และเมื่อเขาเห็นเครื่องแต่งกายของคนพวกนี้ ชายหนุ่มก็รู้ได้ในทันทีว่าตัวตนของพวกเขานั้นน่าจะสูงส่งเอาการ

ชัวน่าหันไปถามพวกเขา “ใครสั่งให้พวกเจ้ามา ?”

ทั้งสี่คือผู้มีตำแหน่งและเป็นถึงขุนนางชั้นสูง ซึ่งแน่นอนว่านั่นก็รวมไปถึงคนที่สลบอยู่ด้วย โดยตระกูลพวกเขานั้นมีเงินทองและมีฐานะสูงมากในราชสำนัก

ชัวน่าคุ้นเคยกับพวกเขาเป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อได้ยินเสียงร้องให้ช่วยนางจึงไม่กล้าปฏิเสธ แต่ที่นางกำลังสงสัยอยู่ก็คือใครกันที่คนบงการสิ่งนี้ ?

“ใครส่งพวกเจ้ามา ?” นางถามอีกครั้ง

ทั้งสี่ไม่ตอบ เอาแต่หันมามองหน้ากันและกัน

จนหญิงสาวเริ่มมีน้ำโห ตวาดออกมาว่า “ข้าไม่เชื่อหรอกนะว่าพวกเจ้าคิดจะกระทำการแบบนี้กันเอง เพราะถ้าแบบนั้นข้าจะรายงานไปยังพ่อของข้าเพื่อให้จัดการตระกูลของพวกเจ้าเสียทั้งหมด

“ช้าก่อนฝ่าบาท ท่านดยุคส่งพวกเรามา…”

“ดยุคไหน ?”

“ท่านดยุคคนีส…”

“ว่าแล้วเชียว”

นางไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เป็นเขา แต่ที่ไม่เข้าใจคือพวกเขาไม่ใช่ลูกน้องโดยตรงแท้ ๆ ทำไมถึงทำแบบนี้ ?

ชายนักฆ่ากล่าว “ท่านดยุคบอกว่าองค์ราชาหวาดกลัวถังหยินจึงได้ทำการเจรจานี้ และยังบอกอีกว่า ถ้าหากพวกเราจัดการถังหยินได้ก็จะสามารถขจัดความหวาดกลัวออกจากฝ่าบาทได้ พร้อมทั้งจะทำให้เกิดสันติภาพขึ้น…”

“ไอ้โง่ !” ถังหยินกล่าวขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

เขาเปลี่ยนดาบให้กลับกลายเป็นมือ ก่อนที่จะขึ้นไปนั่งบนเตียง “พวกเจ้ากำลังถูกมันหลอกใช้อยู่”

“ม่ะ หมายความว่ายังไง ?”

“คนีสบอกให้พวกเจ้ามาฆ่าข้าเพื่อทำให้ราชาวางใจใช่ไหม แต่พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าถ้าข้าตาย สงครามก็จะบังเกิดต่อ และในทางกลับกัน หากข้าจัดการพวกเจ้า สงครามก็จะยังคงมีอยู่เช่นกัน เพราะคนีสจะใช้ข้ออ้างนี้แหละบังคับให้ราชาทำศึกต่อ ให้ข้าเดานะตระกูลพวกเจ้ายังไม่ได้เลือกข้างสินะ ?”

ได้ยินแบบนี้ทั้งสี่ก็ตาสว่างขึ้นมาทันที พวกเขามองหน้ากันแล้วครุ่นคิดตามสิ่งที่ถังหยินบอกมา

ชายหนุ่มเดาได้ถูกต้องโดยสังเกตจากสีหน้า “ถ้าเป็นแบบนี้ ไม่ว่าข้าจะเป็นหรือตายคนีสก็ยังเป็นผู้กำชัยในการเดิมพันนี้อยู่ดี”