ตอนที่ 136 สิทธิ์ในการเลี้ยงดูเด็ก

เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

หวังเจียเหยามองหลิ่วอวี่เจ๋อด้วยใบหน้าตกตะลึง จนตอนนี้ทั้งสองคนยังไม่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งใดๆ เด็กคนนี้ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาทั้งนั้น

หวังเจียเหยากล่าว “นายพูดจาเหลวไหลอะไร ถ้าไม่เอาเด็กออกตอนนี้ ฉันจะเข้าบ้านนายได้ยังไง?”

ก่อนหน้านี้หลิ่วอวี่เจ๋อเคยพูดกับหวังเจียเหยาว่าเขาไม่ได้รังเกียจลูกของหญิงสาวเพียงแต่พ่อของเขาเป็นคนหัวโบราณ เขาดึงดันให้หญิงสาวทำแท้งมิฉะนั้นจะไม่ให้แต่งเข้าตระกูลหลิ่ว

หลิ่วอวี่เจ๋อคิดข้ออ้างเอาไว้แล้ว เขากล่าว “เจียเหยาขอโทษด้วยนะครับที่ผมหลอกคุณ”

“นายหลอกฉัน? หลอกอะไรฉันเหรอ?” ทันใดนั้นเองหวังเจียเหยาก็ยืนนิ่ง

หลิ่วอวี่เจ๋อก้มหน้าลงด้วยท่าทางสำนึกผิด “ที่จริงแล้วคุณปู่ของผมไม่รู้เรื่องที่คุณท้องหรอกครับ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณเคยแต่งงานมาก่อน ผมไม่เคยบอกเรื่องพวกนี้กับเขามาก่อน ส่วนคำที่เขาพูดเรื่องพวกให้คุณทำแท้งผมแต่งเอง”

หวังเจียเหยางุนงง “ทำไมนายต้องทำแบบนี้?”

หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว “ที่จริงแล้วผมอ้างชื่อคุณปู่มาให้คุณทำแท้ง ผมมันคนใจแคบ ผมหึงคุณ! ผมรักคุณ! จนทนไม่ไหวที่จะยอมให้คุณตั้งท้องลูกของชายอื่น! แต่ผมก็ไม่อยากให้คุณรู้สึกว่าผมเป็นผู้ชายใจแคบ ดังนั้นถึงได้…”

หวังเจียเหยาพูดไม่ออก หล่อนจับมือหลิ่วอวี่เจ๋อแล้วกล่าว

“อวี่เจ๋อ นี่ไม่ได้เรียกว่าใจแคบแต่นายใจกว้างมากแล้ว ผู้ชายทุกคนต่างก็ต้องมีความคิดแบบนี้ นี่ถือเป็นเรื่องปกติมากเลย นายควรจะบอกฉันตรงๆ”

ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเลี้ยงลูกของคนอื่น ต่อให้หลิ่วอวี่เจ๋อบอกกับหวังเจียเหยาตรงๆ หล่อนก็ไม่โทษเขา

จู่ๆ หลิ่วอวี่เจ๋อก็กล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “เจียเหยาผมดูรายงานสุขภาพของคุณแล้วถามหมอ เขาบอกว่าสุขภาพของคุณตอนนี้ ถ้าทำแท้งล่ะก็อนาคตจะมีลูกได้หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ! คุณก็รู้ว่าตระกูลใหญ่ๆ อย่างพวกเราให้ความสำคัญดับการสืบทอดของตระกูลมาก ทันทีที่คุณมีลูกไม่ได้ คุณปู่จะต้องขับคุณออกจากตระกูลแน่ พอตอนนั้นถึงผมจะปกป้องคุณ เกรงว่าก็คงจะยากเหมือนกัน!”

ตอนนี้คนที่มีลูกไม่ได้ก็คือหลิ่วอวี่เจ๋อชัดๆ แต่เขากลับผลักภาระเรื่องนี้ไปโทษหวังเจียเหยา

หวังเจียเหยาลนลาน หล่อนเคยทำการบ้านเรื่องอันตรายของการทำแท้งมาก่อน มีผู้หญิงบางคนทำแท้งหลายครั้งก็ไม่เป็นอะไร

แต่กับผู้หญิงบางคนกลับมีผลต่างกันออกไป โชคชะตาช่างชอบกลั่นแกล้งกันนัก

“หมอของฉันบอกเหรอ? ทำไมเขาไม่บอกฉันล่ะ?” หวังเจียเหยาหงุดหงิด

หลิ่วอวี่เจ๋อเตรียมซื้อหมอเอาไว้แล้ว “ถ้าคุณไม่เชื่อผมจะพาไปตรวจสุขภาพที่เทียนไห่อีกครั้ง หมอที่นั่นเก่งกว่าที่นี่ คุณลองไปพบพวกเขาก็ได้ ที่รักครับ ผมไม่อยากให้คุณต้องทนทุกข์ทรมาน ไม่ว่าจะพูดยังไงนั่นก็เป็นชีวิตคนเลยนะ! คุณอยากทำแท้งนั่นจะเท่ากับฆ่าคนเลยนะ! พวกเราจะใจร้ายแบบนั้นได้ยังไง!”

หลิ่วอวี่เจ๋อพูดจาราวตนเองเป็นคนมีเมตตาหนักหนา ไม่ว่าใครก็มองไม่ออกว่าเมื่อวานเขายังจะบังคับให้หญิงสาวทำแท้งให้ได้

หวังเจียเหยาย่อมไม่อยากทำแท้งอยู่แล้ว!

ผู้หญิงมีข้อได้เปรียบในเรื่องนี้ ไม่ต้องสนใจหรอกว่าพ่อของเด็กจะเป็นใคร แต่หล่อนคือแม่เด็ก

หวังเจียเหยากล่าว “ฉันย่อมไม่อยากทำแท้งอยู่แล้วแต่ฉันกลัวว่านาย…”

หลิ่วอวี่เจ๋อส่ายหน้าแล้วกล่าวอย่างลึกซึ้ง “ผมคิดได้แล้ว แล้วเคยลองคิดดูแล้วด้วย ถ้าผมไม่ได้พบคุณตอนนี้ แต่เป็นตอนที่คุณคลอดเด็กคนนี้แล้ว ผมจะไม่ตกหลุมรักคุณหรือ? หรือว่าเพราะคุณมีลูกผมจะไม่แต่งงานกับคุณอย่างนั้นเหรอ? คำตอบก็คือไม่อยู่แล้ว เพราะยังไงผมก็จะแต่งงานกับคุณ ดังนั้นถึงคุณคลอดลูกแล้วจะทำไม? ผมก็จะรักและเลี้ยงดูเด็กคนนี้จนโตเหมือนกับคุณ”

หวังเจียเหยาซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง อย่างน้อยๆ หล่อนก็รู้ว่าถ้าเป็นเย่เฉินเขาไม่มีทางพูดแบบนี้แน่ๆ!

“แต่ว่าที่บ้านของนาย…”

หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว “คุณปู่ของผมเป็นคนหัวแข็งดังนั้นพวกเราจะต้องหลอกเขาบอกว่าเด็กเป็นลูกของเราสองคน แล้วห้ามไม่ให้ญาติสนิทมิตรสหายของผมรู้เรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นแล้วพวกเขาจะต้องเตะคุณกับลูกออกจากตระกูลแน่!”

หวังเจียเหยาตื้นตันจนร้องไห้ออกมา ทำไมโลกใบนี้ถึงได้มีผู้ชายที่ดีแบบนี้นะ!

แต่อันที่จริงที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อปิดบังเรื่องที่ตนเองมีลูกไม่ได้

แต่หวังเจียเหยาที่น่าสงสารกลับคิดว่าหลิ่วอวี่เจ๋อคิดเผื่อหล่อน!

“นายเป็นคนดีจริงๆ นายเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในโลกใบนี้แล้ว!”

หวังเจียเหยาตื้นตันใจจนร้องไห้ออกมา หล่อนโผเข้าอ้อมกอดของอีกฝ่าย

หลิ่วอวี่เจ๋อลูบผมหล่อนเบาๆ แต่ใบหน้ากลับมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

……

สองชั่วโมงต่อมาหวังเจียเหยาก็ออกมาจากโรงพยาบาล แล้วโทรหาเย่เฉิน

ตอนนี้เย่เฉินกำลังงวิดพื้นออกกำลังกายอยู่ที่โรงแรม เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์เขาก็ชันตัวขึ้น

“หวังเจียเหยา…”

เย่เฉินประหลาดใจน้อยๆ หวังเจียเหยาลบวีแชทของเขาออกไปแล้ว เขาเลยคิดว่าชีวิตนี้หญิงสาวจะไม่โทรหาเขาแล้วเสียอีก

“ฮัลโหล”

เย่เฉินกดรับสาย

น้ำเสียงหวังเจียเหยาอ่อนโยน “นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

หล่อนได้ยินหลิ่วอวี่เจ๋อพูดว่าบริษัทต่างๆ ที่เย่เฉินเคยไปมีเรื่องมีราวด้วยต่างก็อยากจะล้างแค้นเขา ดังนั้นถึงได้ถามอีกฝ่ายอย่างห่วงใย

แต่อันที่จริงหวังเจียเหยาในตอนนี้โดนหลิ่วอวี่เจ๋อหลอกเข้าเต็มๆ หล่อนรักชายหนุ่มจนหมดใจ

ดังนั้นความเป็นห่วงเป็นใยนี้หล่อนแค่ถามเป็นมารยาทเท่านั้น

“ผมไม่เป็นไร” เย่เฉินตอบกลับเสียงเรียบ

หวังเจียเหยาจึงพูดโดยไม่อ้อมค้อมทันที “เอ่อ.. ฉันคิดๆ ดูแล้วก็ตัดสินใจได้ว่าจะไม่ทำแท้งแล้วล่ะ”

เย่เฉินดีอกดีใจอย่างมาก ถ้าเป็นแบบนี้เขาจะได้ไม่ต้องส่งคนไปเฝ้าตามโรงพยาบาลต่างๆ แล้ว

เย่เฉินกล่าว “ขอบใจมากระหว่างช่วงที่คุณท้องผมดูแลคุณไม่ได้ แต่ผมจะโอนเงินให้คุณเดือนละหมื่นหยวน ถือเป็นค่าจ้างแม่บ้านมาดูแลคุณแล้วกัน”

ยังไงเสียเด็กก็เป็นสายเลือดของเขา จะให้เขาอยู่เฉยๆ ไม่ได้

หวังเจียเหยากล่าว “ไม่ล่ะ ฉันมีเงิน นายเอาเงินไปดูแลตัวเองเถอะ”

หล่อนรู้ว่าในตอนนี้เย่เฉินไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย

เย่เฉินรู้ว่าตระกูลหวังเป็นตระกูลที่ร่ำรวย หลอนย่อมไม่เห็นค่าเงินหมื่นนี้อยู่แล้วจึงกล่าวว่า “ผมรู้ว่าเงินแค่นี้คุณคงไม่ขาดแคลนหรอก แต่ว่าผมจำเป็นต้องให้คุณ”

“ตามใจนาย” หวังเจียเหยาไม่เถียงอะไรกับเขาอีก “ที่ฉันโทรมาก็เพราะจะบอกนายว่าถ้าลูกคลอดออกมา ฉันจะเป็นคนเลี้ยงเอง”

เย่เฉินรีบกล่าว “ไม่ได้ลูกต้องเป็นสิทธิ์ของผม คุณหอบลูกของเราไปแต่งงานกับคนอื่นก็ลำบากคุณนะ”

หวังเจียเหยากล่าว “นายเลี้ยง? นายจะเอาอะไรมาเลี้ยง? ลูกต้องพักอยู่โรงแรมจิ้งหรีดกับนายหรือไง? แค่บ้านนายยังไม่มีปัญญาซื้อ ต่อไปลูกจะสมัครเข้าโรงเรียนยังไง? นายมีปัญญาซื้อบ้านในเขตการศึกษาขึ้นมาเมื่อไหร่ค่อยมาคุยเรื่องสิทธิ์การเลี้ยงดูลูกกับฉันแล้วกัน!”

พูดจบหญิงสาวก็กดวางสาย

เย่เฉินยิ้มบางๆ สำหรับเขาแล้วบ้านในพื้นที่การศึกษาก็เป็นเหมือนค่าข้าวมื้อหนึ่งของคนทั่วไปก็เท่านั้น

เขาไม่สนใจหรอกว่าหญิงสาวจะแย่งชิงสิทธิ์เลี้ยงดูกับเขาจริงๆ หรือไม่

นั่นเพราะทันทีที่หญิงสาวคลอด แล้วยืนยันว่าเย่เฉินเป็นพ่อเด็กแล้ว เย่เฉินเองก็ไม่มีสิทธิ์เลี้ยงดูสั่งสอนเด็กคนนี้

เพราะตระกูลเย่จะส่งคนไปรับตัวเด็กไป จากนั้นเด็กจะได้รับการอบรมสั่งสอนและเข้ารับการฝึกฝนต่างๆ

พอถึงตอนนั้นหวังเจียเหยาก็ขวางอะไรไม่ได้