ตอนที่ 161 : ตัวตนจอมปลอม

คำพูดของไช่เหวินเซิงนั้นทำให้คนอื่น ๆ พยักหน้าเห็นด้วย  มันต้องมีการลดเกณฑ์คะแนนลงมาอย่างแน่นอน ไม่อย่างงั้นแล้วเขาจะผ่านการทดสอบทั้ง 10 วิชามาได้ยังไง

ข้อเขียน 4 วิชานั้นมีเนื้อหาจำนวนมาก อ่านจนตายก็แทบจะจำไม่หมดแล้ว ส่วนภาคสนาม 6 วิชานั้นจำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในระดับหนึ่งถึงจะผ่านไปได้

“แค่ 70 คะแนนเองหรือ  ? ”  แต่เมื่อหวังเย่าได้ยินแบบนั้น เขาก็แทบกระอักเลือดออกมา ทำไมเกณฑ์คะแนนของเขาถึงอยู่ที่ 80 คะแนนล่ะ นี่มันไม่ยุติธรรมเลย !

รึว่าทางมหาลัยพยายามจะยกระดับตัวเอง ?

เมื่อคิดแบบนั้นสีหน้าของหวังเย่าก็บิดเบี้ยวไป

 “หวังเย่า อย่าเข้าใจฉันผิด ฉันแค่พูดตรง ๆ กับนาย นายน่ะฉลาด นายคงผ่านเกณฑ์พวกนั้นได้แน่” เมื่อไช่เหวินเซิงเห็นสีหน้าอึมครึมของหวังเย่า เขาก็ตระหนักได้ว่าตัวเองคงพูดผิดไปและทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ อย่างไรก็ตาม การลดเกณฑ์คะแนนลง ก็ไม่ใช่เรื่องดี หากคนอื่นได้ยินเข้าคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเอาไปนินทาว่าที่หวังเย่าจบมาได้นั้นก็เพราะเกณฑ์คะแนนของเขาถูกลด

ดังนั้นไช่เหวินเซิงจึงรีบพูดขึ้นมาเพื่อไม่ให้หวังเย่าไม่พอใจเขา

หวังเย่าแสดงสีหน้าสับสนออกมา เขาไม่เข้าใจว่าไช่เหวินเซิงต้องการจะบอกอะไร

“ทำไมถึงเป็น 70 คะแนน ? ”  หวังเย่ากดความโกรธในใจไว้ไม่ไหว  “อาจารย์บอกฉันว่าต้องได้คะแนนมากกว่า 80 คะแนนถึงจะยื่นจบได้”

“80 คะแนนงั้นหรือ ? ”  ไช่เหวินเซิงและนักศึกษาคนอื่น ๆ ต่างก็พากันแปลกใจ ไม่ใช่ลดคะแนนแต่เป็นการเพิ่มคะแนน แล้วหวังเย่าก็ยังผ่านได้อีกหรือ ?

นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว !

แม้จะต่างกันแค่ 10 คะแนนแต่ความยากนั้นเพิ่มขึ้นมาหลายเท่า แม้แต่นักเรียนปี 4 ก็อาจจะทำไม่ได้ถึง 80 คะแนนเลยด้วยซ้ำ

“หวังเย่า นายพูดจริงหรือ ? เกณฑ์คะแนนของนายอยู่ที่ 80 คะแนนจริง ๆ หรือ ? ”  ไช่เหวินเซิงกลืนน้ำลายและถามขึ้นมา

“อืม”  หวังเย่าควบคุมอารมณ์ตัวเองได้อย่างรวดเร็ว

ไช่เหวินเซิงนั่งนิ่งราวกับโดนฟ้าผ่า

อันที่จริงแล้วไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่นักเรียนคนอื่น ๆ ก็พากันเงียบไปในทันที

“หวังเย่ายื่นเรื่องเรียนจบและเกณฑ์คะแนนของเขาก็อยู่ที่ 80 คะแนน”

เมื่อนักเรียนห้อง A ได้ยินข่าวนี้ต่างก็พากันอุทานออกมา

เมื่อพวกรุ่นพี่ที่อยู่ไม่ไกลได้ยินแบบนั้นก็พากันใจสั่น จากนั้นในใจพวกเขาก็ลังเลเล็กน้อยก่อนจะบอกว่าไม่เชื่อเรื่องนี้

“เรียนจบตอนอยู่ปี 1 นี่คือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น ความยากของเงื่อนไขในการเรียนจบก็ไม่ใช่น้อย ๆ มันต้องผ่านทั้ง 10 วิชา หวังเย่าไม่อาจจะผ่านไปได้แน่”

พวกรุ่นพี่คิดว่านี่คงเป็นเรื่องตลก

เย่ฉิวเกาเองก็ได้ยินเรื่องนี้เช่นกัน ตอนนั้นสีหน้าของเขาแสดงความไม่มั่นใจออกมา ชัดแล้วว่าในใจของเขาก็เกิดความสงสัยเช่นกัน

“หวังเย่าเรียนจบแล้วงั้นหรือ ? เหลวไหลสิ้นดี เขาโกหกพวกนาย ลองคิดดูสิ ยังไงก็เป็นไปไม่ได้”  เย่ฉิวเกาฮึดฮัดออกมา

คนอื่น ๆ ได้ยินแบบนั้นก็ถามขึ้นมา  “เขาจะพูดอะไรก็ได้นี่ ลองคิดตามที่เขาพูดสิ เกณฑ์ 80 คะแนนงั้นหรือ ?  แม้แต่พวกรุ่นพี่ปี 4 ก็ยังทำไม่ได้ไม่ใช่รึไง ? ”

ความสงสัยที่ทุกคนมีนั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาถึงกับบ่นกันออกมา หวังเย่าเองก็ได้ยินคำพูดของพวกและรู้สถานการณ์ทั้งหมด

แต่ความจริงน่ะเหนือกว่าข้อโต้แย้งใด ๆ หวังเย่าแค่หลับตาและรอให้การประชุมนี้จบลงก็พอ

การประชุมนี้กินเวลา 3 วัน ทุกคนจะมีโอกาสท้าสู้ได้ 1 ครั้งต่อวัน

หวังเย่าเอาชนะฮวงจินเทียนและคว้าอันดับ 1 มาครองได้ จึงเป็นธรรมดาที่จะเขาไม่ต้องท้าสู้กับใครอีก

แต่มันไม่ได้หมายความว่าเขาจะออกจากที่นี่ไปได้ เพราะคนอื่นก็มีสิทธิ์ท้าสู้กับเขาเหมือนกัน ส่วนเขาก็ต้องรับคำท้าของคนพวกนั้น

“แต่ใครจะเอาชนะฉันได้ ดูจากคนที่นี่แล้วมันไม่น่าจะมี”  หวังเย่าเริ่มหันไปสนใจทักษะพายุสังหารต่อ

ทักษะการต่อสู้นี้อยู่ระดับสูง มันยากที่จะเข้าใจได้แต่เมื่อเข้าใจมันแล้วและฝึกฝนมันอย่างถูกต้อง หวังเย่าก็สามารถใช้อัญมณีความทรงจำเร่งความเร็วในการฝึกฝนได้

แต่ว่าอัญมณีความทรงจำนั้นมีประโยชน์ต่อทักษะการต่อสู้ระยะประชิด ทักษะพายุสังหารนี้แฝงไปด้วยวิธีการใช้ลมมาช่วยนับไม่ถ้วน  มันต้องใช้ความเข้าใจ เรื่องแบบนี้อัญมณีความทรงจำไม่อาจจะช่วยอะไรได้

ตอนนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา

“หวังเย่า นายจะรับคำท้าของฉันมั้ย ? ”

หวังเย่าเลิกคิ้วและหันไปมองตามเสียงก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายคือคนจากสาขาเดียวกันรึอาจจะบอกได้ว่าเป็นคนรู้จักกันก็ว่าได้

“เย่ฉิวเกา นายมั่นใจหรือ ? ”  หวังเย่าย้อนถามอีกฝ่ายอย่างเฉยเมย

“แกคิดว่าได้อันดับ 1 มาครองแล้วจะแข็งแกร่งที่สุดงั้นหรือ ? ”  เขาพูดขึ้น “ฮวงจินเทียนแพ้ให้แกก็เพราะเขาประมาทเกินไป”  เย่ฉิวเกาถากถางออกมา  “ฉันจะเปิดโปงความจริงให้ทุกคนได้เห็น ทุกคนจะได้ไม่โดนแกหลอก”

“เปิดโปงงั้นหรือ ? ”  หวังเย่าลูบจมูกตัวเอง ภาพลักษณ์ของเขาในใจทุกคนเป็นแบบนั้นหรือ ?  นี่มันต่างจากที่เขาคิดเอาไว้มาก

“ได้ ฉันจะรับคำท้าของนาย”

ภายนอกหวังเย่าแสดงท่าทีเฉยชาแต่ในใจกลับหงุดหงิดอย่างมาก เพราะเกียรติที่ฝังอยู่ในกระดูกของเขาไม่อาจจะปล่อยให้ใครมาหยามได้

ทั้งสองเดินขึ้นไปบนลาน เพราะทั้งสองอยู่สาขาเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาจึงใช้อุโมงค์เดียวกัน

“หวังเย่า คนแบบแกมันหน้าด้าน, เสแสร้งและหน้าไม่อาย แกมันขยะดี ๆ นี่เอง คนอื่นอาจจะมองแกไม่ออก แต่ฉันรู้จักแกดี แกรอดูผลลัพธ์ของการแข่งขันนี้ได้เลย”

ไม่รู้ว่าเย่ฉิวเกาแค้นหวังเย่าถึงระดับไหน เขาถึงกับตะโกนออกมาให้ทุกคนได้ยินในสิ่งที่เขาพูด

เมื่อได้ยินแบบนั้น หวังเย่าก็โกรธขึ้นไปอีก อีกฝ่ายคิดจะทำลายภาพลักษณ์ของเขา เขาไม่อาจจะยอมได้

“เย่ฉิวเกา แกจะเอาแบบนี้จริง ๆ ใช่มั้ย ? ”  หวังเย่าถามขึ้นมา

“ทำไม ? แกไม่กล้ายอมรับรึไง ? ”  เย่ฉิวเกาฮึดฮัดออกมา  “เมื่อหน้าแกมันด้านขนาดนี้ งั้นฉันจะเล่นตามน้ำแกและเปิดโปงตัวตนของแกให้ทุกคนได้เห็น”