“ถ้าต้องการเงินแล้วทำไมพ่อไม่ไปหาเองล่ะ” เฉินซิงเยียนตั้งคำถาม

 

 

“อย่าพูดกับพ่อแบบนั้นสิ” อันจื่อเฮ่าสะกิดศอกของเฉินซิงเยียนเพื่อเตือนไม่ให้เธอพูดอะไรผิดๆ และทำร้ายตัวเธอเองในระหว่างนั้น

 

 

“ฉันพูดผิดตรงไหน พ่อฉันหายตัวไปตั้งแต่ฉันหกขวบ ประสบอุบัติเหตุจนจำทางกลับบ้านไม่ได้ จะปล่อยให้ฉันเชื่อแบบนั้นไม่ได้หรือไง” เฉินซิงเยียนถามชายที่อยู่ตรงหน้าเธอด้วยดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา

 

 

ในความเป็นจริง เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่อุบัติเหตุที่ทำให้ชายคนนี้หายไปอย่างไร้ร่องรอย เฉินซิงเยียนเข้าใจเรื่องนี้มานานแล้ว

 

 

“ซิงเยียน พ่อเข้าใจว่าตอนนี้ลูกเป็นดาราดังแล้วและลูกก็มีเงินด้วย ดังนั้นได้โปรดช่วยน้องชายของลูกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อไม่มีทางเลือกจริงๆ พ่อคงไม่มาแสดงตัวต่อหน้าลูกตอนนี้หรอก” ชายคนนั้นดูแก่ชรา เขาสวมแว่นสายตา มือกุมเด็กชายตัวน้อยที่อยู่ข้างๆ ไว้แน่นโดยไม่คิดจะปล่อยมือเลยแม้แต่วินาทีเดียว

 

 

เฉินซิงเยียนไม่ตอบ หลังผ่านไปชั่วครู่ อันจื่อเฮ่าถามคุณพ่อเฉินขึ้น “ผมคิดว่าตอนนี้คุณควรกลับบ้านไปซะ”

 

 

คุณพ่อเฉินเข้าใจดีว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับเฉินซิงเยียนที่จะยอมรับทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าของเธอ ดังนั้นเขาถึงถอนหายใจก่อนจะกลับไปพร้อมเด็กชายตัวน้อย

 

 

“เขามีสิทธิ์อะไร…”

 

 

“ถ้าเธอไม่มีหวังในตัวพ่อเธอแล้ว เธอก็จะไม่ผิดหวังอะไร อยู่ที่นี่นะ ฉันจะไปดูว่าเขามีที่อยู่หรือเปล่า”

 

 

เฉินซิงเยียนเปิดปากเพื่อบอกให้อันจื่อเฮ่าอย่าไปสนใจ แต่คำพูดเหล่านั้นไม่อาจหลุดออกจากปากของเธอได้ ท้ายที่สุดเธอเพียงแค่พูดว่า “ฉันจะไปทำงาน”

 

 

 

 

หลังพาตัวพ่อและลูกชายไปยังโรงแรมแห่งหนึ่ง อันจื่อเฮ่าก็ช่วยจ่ายค่าห้องให้พวกเขา คุณพ่อเฉินมองอันจื่อเฮ่าและเกือบทรุดลงคุกเข่าหลังจากเข้าไปในห้องพัก “ช่วยพูดให้เฉินซิงเยียนช่วยฉันทีเถอะ”

 

 

“เอาจริงๆ คุณไม่มีสิทธิ์อะไรในฐานะพ่อแล้ว ดังนั้นคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรแล้วมาคาดหวังให้เฉินซิงเยียนทำอะไรเพื่อคุณ”

 

 

คุณพ่อเฉินเข้าใจเรื่องนี้ดี ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นและถอนหายใจ “ไม่งั้นก็เท่ากับเธอปล่อยเราไปตายสินะ”

 

 

“คุณต้องการเท่าไหร่”

 

 

คุณพ่อเฉินอึ้งไปชั่วขณะก่อนในที่สุดเขาจะตอบ “หนึ่งล้านเหยวน เป็นค่ารักษาพยาบาลของลูกชายฉัน”

 

 

“ผมจะให้เงินคุณภายใต้เงื่อนไขหนึ่ง คืออย่ามาปรากฏตัวต่อหน้าซิงเยียนและแม่เธออีก”

 

 

“ตราบใดที่ฉันช่วยลูกชายเอาไว้ได้ ฉันจะรักษาระยะห่างจากสองคนนั้นแน่นอน” คุณพ่อเฉินรับคำ

 

 

หลังยืนยันยอดรักษาพยาบาลแล้ว อันจื่อเฮ่าก็วางเอกสารไว้ข้างๆ เขาต้องการบอกกับชายคนนั้นว่าถ้าเขาสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยเงิน เขาก็เลือกที่จะไม่เปิดใจให้อีกฝ่าย สำหรับคนที่ยินดีจะละทิ้งลูกเมียตัวเองแบบนี้ อันจื่อเฮ่าไม่คิดจะเกี่ยวข้องด้วย

 

 

แต่กระนั้นเขาไม่รู้เลยว่าท่าทีมีน้ำใจของเขาในครั้งนี้จะนำมาซึ่งปัญหาร้ายแรง

 

 

 

 

บ่ายวันต่อมา ถังหนิงและโม่ถิงเดินทางไปยังมัลดีฟส์ ขณะที่ลูกทั้งสองอยู่ภายใต้การดูแลซย่าอวี้หลิงและไป๋ลี่หวาเป็นการชั่วคราว

 

 

แม่ของทั้งสองมีความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันมากจะแทบจะเรียกได้ว่าเป็นพี่น้องกัน ไป๋ลี่หวาถึงขนาดเคยไปนอนค้างที่บ้านตระกูลถังเป็นระยะ ส่งผลให้ทั้งสองครอบครัวกลายเป็นครอบครัวใหญ่เดียวกัน

 

 

ครั้งนี้ เฉินซิงเยียนตัดสินใจไม่บอกให้ไป๋ลี่หวารู้เรื่องคุณพ่อเฉินเพราะเธอไม่รู้จะพูดเรื่องนี้อย่างไร ในขณะเดียวกัน เธอก็กลัวว่าแม่ของเธอจะต้องเจ็บปวดอีกเป็นครั้งที่สอง ดังนั้นเธอถึงได้แค่เล่าเหตุการณ์คร่าวๆ ให้ถังหนิงฟัง

 

 

ถังหนิงไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าเฉินซิงเยียนกำลังจะประสบกับประสบการณ์อันเจ็บปวดแสนสาหัส

 

 

ตอนบ่ายในอีกสองวันหลังจากนั้น เฉินซิงเยียนอยู่ระหว่างการถ่ายทำรายการหนึ่งก่อนที่จะมีอุบัติเหตุครั้งใหญ่เกิดขึ้นในปักกิ่ง ชายวันกลางคนคนหนึ่งเมาเหล้าและยาขณะขับรถ ส่งผลให้รถชนเจ็ดคันซ้อน มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุสองคน บาดเจ็บสาหัสสามคนและบาดเจ็บเล็กน้อยอีกสี่คน

 

 

แหล่งข่าวรีบทำการสืบหาพื้นเพของผู้ก่อเหตุอย่างรวดเร็วและพบว่าชายคนนั้นมีชื่อว่าเฉินเทียนเหา จากบันทึกของตำรวจ ชายผู้นี้เป็นพ่อของศิลปินชื่อดัง เฉินซิงเยียน

 

 

ในวันนั้น อันจื่อเฮ่ากำลังอยู่ระหว่างการหารือเกี่ยวกับสัญญาพรีเซนเตอร์ให้เฉินซิงเยียน ดังนั้นเสี่ยวชีจึงเป็นผู้อยู่กับเฉินซิงเยียนแทนอันจื่อเฮ่า ตำรวจติดต่อเสี่ยวชีและเสี่ยวชีรอจนกระทั่งเฉินซิงเยียนถ่ายทำรายการเสร็จก่อนที่จะรีบวิ่งมาบอกเรื่องนี้กับเธอ “มีบางอย่างเกิดขึ้น เราต้องไปที่สถานีตำรวจ”

 

 

“เกิดอะไรขึ้น” เฉินซิงเยียนกลัวว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับอันจื่อเฮ่า

 

 

แต่เมื่อเสี่ยวชีนำข่าวดังกล่าวให้เธอดู เธอช็อกเล็กน้อยแต่แสร้างทำเป็นไม่สนใจ “เขาขับรถชนคนอื่น แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน”

 

 

“ตำรวจขอให้พี่ไปที่สถานีตำรวจเพราะลุงเฉินเพิ่งได้รับเงินจำนวนหนึ่งจากบัญชีธนาคารปริศนา ตำรวจเลยต้องการยืนยันเรื่องนี้”

 

 

“เงินอะไร” เฉินซิงเยียนสับสนเพราะเธอไม่รู้เลยว่าอันจื่อเฮ่าได้มอบเงินให้คุณพ่อเฉิน

 

 

หลังเดินทางมาถึงสถานีตำรวจ เฉินซิงเยียนถูกขว้างโดยสมาชิกในครอบครัวของเหยื่อจากอุบัติเหตุรถยนต์ทันที “เอาชีวิตพ่อแม่ของฉันคืนมา…”

 

 

“เอาชีวิตน้องชายฉันคืนมา…”

 

 

แม้เฉินซิงเยียนจะเข้าใจความรู้สึกของคนพวกเนี้ดี แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ

 

 

“ขอโทษนะคะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน”

 

 

“จะไม่เกี่ยวข้องกับเธอได้ยังไงกัน เธอเป็นลูกฆาตกรนะ!”

 

 

“ฉันไม่เคยมีพ่อมาตั้งแต่ฉันอายุหกขวบแล้ว ตั้งแต่นั้นฉันเป็นลูกไม่มีพ่อ พวกคุณจะให้ฉันมารับผิดชอบเรื่องนี้ได้ยังไง” เฉินซิงเยียนถาม

 

 

“ห้ามตะโกนโหวกเหวกหน้าสถานีตำรวจ! เฉินซิงเยียนเข้ารับการสอบปากคำ!” เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งสังเกตเห็นความวุ่นวายด้านนอกและเข้ามาต่อว่าทุกคนทันทีก่อนจะหาตัวเฉินซิงเยียนไปยังห้องสอบปากคำ

 

 

“ผมมั่นใจว่าคุณคงได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นกับพ่อของคุณแล้วใช่ไหม” เจ้าหน้าที่เอ่ยถาม “ผมดูข้อมูลเรื่องนี้แล้วพบว่าพ่อของคุณติดต่อคุณไปเมื่อไม่กี่วันก่อน”

 

 

“ฉันไม่มีพ่อ” เฉินซิงเยียนตอบอย่างตรงไปตรงมา หลังเว้นวรรคชั่วครู่หนึ่ง เธอเริ่มอธิบาย “อยู่ๆ เมื่อวันก่อนเขาก็โผล่มาขอเงินเพื่อช่วยลูกชายตัวเอง แต่ฉันไม่สนใจเขา”

 

 

“ถ้าอย่างนั้นคุณอธิบายเงินจำนวนนี้มาเขาได้รับจากบัญชีของอันจื่อเฮ่าได้ไหม” เจ้าหน้าที่ถาม

 

 

เฉินซิงเยียนรับบันทึกการโอนเงินจากมือของเจ้าหน้าที่และยืนยันว่าเงินก้อนนี้มาจากอันจื่อเฮ่าจริง

 

 

เจ้าบ้านั่น ทำไมถึงได้พยายามสะสางเรื่องนี้เองโดยไม่บอกให้เธอรู้

 

 

“คุณรู้หรือเปล่า เพราะเงินก้อนนี้ เฉินเทียนเหาไปซื้อรสสปอร์ต จากนั้นก็เที่ยวสำมะเลเทเมา เล่นการพนัน เล่นยา ทะเลาะวิวาท เขาทำมันทุกอย่าง เพราะเงินก้อนนี้เขาถึงได้มีเงินมาก่ออาชญากรรม เขาซื้อยาแถมยังเมาแล้วขับ ทำลายชีวิตคนถึงหกครอบครัว”

 

 

หลังได้ยินเช่นนั้น ดวงตาเฉินซิงเยียนเบิกโพลงด้วยความช็อกพลางรีบอธิบายในทันที “ใช่ ฉันขอให้ผู้จัดการของฉันโอนเงินนี้ให้เขาเพราะฉันไม่ต้องให้เขามายุ่งวุ่นวายกับฉันอีก แต่ฉันแค่โอนเงินให้เขา ฉันก่อคดีอะไรอย่างนั้นเหรอ สุดท้ายฉันโอนเงินให้เขาเพราะแนคิดว่าเขาจะเอามันไปช่วยใครบางคน ฉันไม่คิดว่าเขาจะเอามันไปใช้ทำอย่างอื่น”

 

 

เจ้าหน้าที่คนนั้นจ้องมองเฉินซิงเยียนและส่ายหน้า “ผมกลัวว่าความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของคุณจะไม่มีวันสงบสุขไปตลอดชีวิตเสียแล้วละ”

 

 

ขณะนั้นเอง น้ำตาเริ่มไหลรินออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของเฉินซิงเยียน อย่างไรก็ตาม เธอรีบเช็ดน้ำตาพวกนั้นและโทรหาไป๋ลี่หวา

 

 

สุดท้ายเธอเพียงแต่พูดกับเจ้าหน้าที่ “ฉันจะให้ทุกอย่างอยู่ในการจัดการของเจ้าหน้าที่”