ขณะที่อันหลินกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เซวียนหยวนเฉิงก็มาอีกครั้ง

“สหายอันหลิน เมื่อครู่ข้าเจอทังซือหยวน ข้าเดาได้จากอากัปกิริยาของนาง การสนทนาก่อนหน้านี้ของพวกเจ้าทั้งสองสุขใจเป็นอย่างมาก รีบเล่าความคืบหน้าของพวกเจ้าให้ข้าฟังหน่อย” เซวียนหยวนเฉิงมองอันหลินด้วยสายตาที่อ่อนโยน แต่ความสงสัยบนใบหน้าปิดอย่างไรก็ปิดไม่มิด

เมื่ออันหลินได้ยินก็อึดอัดใจขึ้นมาอีก

สนทนาอย่างสุขใจเหรอ นางน่ะสุขใจอยู่หรอก แต่ฉันโมโหจนเกือบทำอะไรไม่ถูกแล้วไหมเล่า!

“ก็ใช้ได้ ตอนนี้ข้ากับนางเป็นแค่สหายธรรมดา” อันหลินพยายามฝืนยิ้ม พูดอย่างขอไปที

เซวียนหยวนเฉิงตบไหล่อันหลินปุๆ แววตาเปี่ยมด้วยการให้กำลังใจ “สู้เขาสหายอันหลิน เจ้าต้องหาความสุขของตัวเองเจอแน่!”

อันหลินพยักหน้า เขาคิดว่าเซวียนหยวนเฉิงแลดูจะใส่ใจปัญหาด้านความรู้สึกของเขามากเกินเหตุไปหน่อยแล้ว

แต่เขาก็ไม่คิดอะไรมาก อย่างไรเสียเรื่องระหว่างเขากับทังซือหยวนก็สิ้นสุดลงแล้ว ตอนนี้ได้เวลาขยับตัวไปเที่ยวเล่นที่อื่น ผ่อนคลายตัวเองสักหน่อย

อืม…ไปไหนดีล่ะ

อันหลินนึกถึงธารน้ำตกพันจั้งแห่งยอดเขาแสงสวรรค์ สถานที่แห่งนั้นมีทิวทัศน์พิเศษ คิดว่าอาณาบริเวณโดยรอบน่าจะสนุกมากทีเดียว

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเริ่มขี่ก้อนอิฐมุ่งสู่ยอดเขาแสงสวรรค์เพียงลำพัง

คุณถามถึงต้าไป๋กับเจ้าอัปลักษณ์เหรอ

ต้าไป๋กำลังนอนหลับอุตุ

ส่วนเจ้าอัปลักษณ์คาดว่าน่าจะปีนขึ้นไปทำสมาธิบนต้นไม้สักต้น เพราะการบำเพ็ญเพียรไม่ใช่เรื่องอะไรที่ง่ายเลย

ยอดเขาแสงสวรรค์เป็นยอดเขาที่มีทิวทัศน์งดงามที่สุดในบรรดายอดเขาทั้งห้า ปีนไต่จากตีนเขาขึ้นยอดเขาทีละก้าว ก็จะได้พบกับทัศนียภาพดุจเทพนิมิตมากมาย

อันหลินทำเช่นนี้แหละ หลังจากที่เขาขี่ก้อนอิฐเหาะไปถึงตีนเขาแล้ว ก็เริ่มทำการปีนป่าย

ตลอดทางนี้มีแมกไม้เขียวชอุ่มโอบล้อม ดอกไม้หอมหวน นกร้องขับขาน สายลมโชยลูบหน้า

เสียงของธารน้ำตกแว่วมาจากอีกฟากของภูเขา ก่อตัวเป็นท่วงทำนองแสนพิเศษ ให้ความรู้สึกดุจกระแสเสียงอยู่ไกลโพ้น

เขาฮัมเพลงพลางไต่ขึ้นไปทีละก้าว

ยามไม่สบายใจ ควรจะออกกีฬากลางแจ้งแบบนี้ให้มาก เช่นนั้นอารมณ์ที่อัดอั้นอยู่ภายในใจจึงจะถูกปลดปล่อยออกมา

การเดินเอ้อระเหยไร้จุดหมายเช่นนี้ ทำให้อันหลินก้าวออกจากเงามืดของหินวิญญาณได้สำเร็จ สบายใจขึ้นเยอะโข

ขณะที่อันหลินกำลังชื่นชมทิวทัศน์ตามรายทางอย่างสบายใจอยู่นั้น เขาก็พบเข้ากับชายหนุ่มน่าสนใจคนหนึ่งบนยอดของต้นไม้ต้นหนึ่ง

ชายคนนี้สวมชุดสีขาว ไว้ผมสีเงินสะดุดตา ผิวขาวดุจหิมะ มีไอเย็นพรูออกจากปากเป็นระยะๆ

เขานอนอยู่บนยอดไม้ สองมือแบออก ฝ่ามือส่องแสงสีฟ้าระยิบระยับ มีภาพลวงตาของน้ำแข็งสลักพิลึกน่าสนใจหลากหลายชนิดปรากฏให้เห็น

ก่อตัวเป็นพญาอินทรีก่อน จากนั้นก็กลายเป็นแมวเหมียวตัวน้อย สุดท้ายแปลงร่างเป็นโลมา ภาพลวงตาหลากรูปร่างเปลี่ยนแปรไม่หวาดไม่ไหว มองดูน่าสนใจมากทีเดียว

สุดท้าย ดอกไม้น้ำแข็งที่มีไอเย็นแผ่ซ่านสีฟ้าก็ปรากฏกลางฝ่ามือของเขา

เขากับอันหลินสบตากันครู่หนึ่ง จากนั้นดอกน้ำแข็งสีครามก็ลอยมาหาอันหลินช้าๆ

อันหลินชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็รับดอกไม้ดอกนี้มา ถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจว่า “ให้ข้าหรือ”

ชายผมเงินผงกหัว

อันหลินเพิ่งเคยรับดอกไม้จากบุรุษครั้งแรก ในใจสับสนอย่างยิ่ง…

แต่เขาก็ตอบกลับอย่างสุภาพอยู่ดีว่า “ขอบใจ”

ชายผมเงินยิ้มบางๆ พูดด้วยเสียงราบเรียบว่า “ไม่เป็นไร อย่างไรเสียอีกไม่กี่วินาทีก็ละลายแล้ว”

“หา” อันหลินกะพริบตาปริบๆ

พรึ่บ…

จู่ๆ ดอกไม้สีครามก็ละลายกลายเป็นแอ่งน้ำเย็น ชุ่มโชกฝ่ามืออันหลิน แม้แต่กางเกงก็พลอยเปียกไปด้วย

อันหลิน “…”

มุกตลกเหรอ ต้องเป็นมุกตลกแน่ๆ!

มาชกกันสักตั้งไหม

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของอันหลิน สีหน้าของชายผมเงินกลับไม่เปลี่ยนแปลง สร้างน้ำแข็งสลักที่ไม่เหมือนเดิมกลางฝ่ามือต่อ เริ่มเล่นโดยไม่สนใจใครทั้งนั้น

อันหลินเห็นเช่นนั้นมุมปากก็กระตุก แต่กลับพูดอะไรไม่ออก

เขาไม่อยากวิวาทกับคนอื่นในขณะที่ออกมาผ่อนคลายข้างนอกหรอกนะ จึงยักไหล่ เดินเลียบขึ้นไปตามหนทางต่อไป

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็มาถึงที่ราบโล่งกว้างแห่งหนึ่ง

ที่นี่มีลูกศิษย์มากมายของสำนักกำลังฝึกยุทธ์ แลดูครึกครื้นยิ่งนัก

และเขายังเห็นข่วงเร่อกำลังนั่งทำสมาธิอยู่ริมลำธารสายหนึ่งอีกด้วย ประหนึ่งชายหนุ่มรูปงามผู้เงียบขรึม

มันทำให้เขาตกใจเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าข่วงเร่อผู้มีภาพลักษณ์ไม่ดี จะมีช่วงเวลาที่สงบจิตสงบใจแบบนี้ด้วย

ไม่รู้เพราะอะไร ในสมองของอันหลินเกิดนึกถึงสำนวนนั้นขึ้นมา ‘ยามนิ่งดุจพรหมจารี เมื่อขยับเหมือนกระต่ายซุกซน…’

เขาส่ายหน้าหวือ ไม่มองอีก มุ่งหน้าสู่ยอดเขาแสงสวรรค์ต่อไป

บนยอดเขาแห่งแสงสวรรค์ มีหอน้ำแข็งสยบปีศาจหลังหนึ่ง

มันเป็นสีขาวแวววาว บริสุทธิ์ผุดผ่องเจิดจ้าเป็นล้นพ้นภายใต้แสงตะวันสาดส่อง และมีลำแสงสีรุ้งพุ่งผ่านเป็นครั้งคราว แลดูงดงามอย่างยิ่ง

ก่อนหน้านี้อันหลินเคยทอดมองไกลๆ ก็ตกตะลึงแล้ว ยามนี้ปีนถึงยอดเขาพอดี จะได้ชื่นชมให้หนำใจสักที

ย่างเท้าเยื้องย่างมาตลอดทาง เดินอยู่เนิ่นนาน พระอาทิตย์เริ่มคล้อยตกไปทางเส้นขอบฟ้าช้าๆ ผืนฟ้าก็แปรเปลี่ยนเป็นสีสลัว มีแสงตะวันหลากสีฉาบท้องนภา เจิดจ้าอย่างยิ่ง

เมฆสีทั้งหลายแหล่ลอยล่องบนเวหา รูปร่างของมันมีหลากหลาย เคลื่อนไหวไม่หยุด

สีสันของก้อนเมฆ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ประเดี๋ยวเป็นเหมือนก้อนสำลีสีขาว ประเดี๋ยวก็เหมือนเกลียวคลื่นสีทอง ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ก็เป็นดุจเทพธิดางดงามที่สวมกระโปรงแดงเพลิงร่ายรำบนอัมพร

“น่าสนุกเกินไปแล้ว การเปลี่ยนแปลงของแสงสายัณห์สวยงามขนาดนี้เชียวเหรอ”

อันหลินหยุดเดิน ทอดมองเมฆสีบนท้องฟ้าพลางชมไม่หยุดปาก

ทว่าไม่นานเมฆสีก็รวมตัวกันช้าๆ เปลี่ยนจากสีทองเป็นสีแดง สุดท้ายก็กลายเป็นสีแดงก่ำ

“ฝนจะตกแล้วเหรอ” อันหลินย่นคิ้ว ไม่มองตะวันยกแสงบนฟากฟ้าอีก มุ่งหน้าขึ้นยอดเขาอีกครั้ง

ตรงสันเขา ชายผมเงินแหงนหน้ามองเมฆสีที่รวมตัวกันบนท้องนภาเงียบๆ น้ำแข็งสลักในมือกลายเป็นดอกไม้สีคราม แผ่ไอเย็นเป็นระลอกๆ อีกครา

“จะเริ่มแล้วหรือ” เสียงเรียบเฉยดังออกมาจากปากของเขา ไม่มีอารมณ์ใดเจือปนเลยแม้แต่นิด

ดอกไม้สีครามในมือลอยขึ้นตามลม ล่องผ่านพนาไพร โบยบินไปตามแนวผาอย่างเชื่องช้า

ไกลออกไป ธารน้ำตกพันจั้งที่เทกระหน่ำลงมา แผดเสียงดังสนั่น ลำแสงสลัวฉาบสีสันอันงดงามให้มัน ท่ามกลางไอหมอกที่ลอยละล่อง ดอกไม้สีครามลอยเข้าไปในธารน้ำตก ดั่งเศษธุลีร่วงหล่นสู่ผืนสมุทรกว้าง

จากนั้นทุกอย่างก็เริ่มหยุดนิ่ง

กระแสเสียงที่ดังกึกก้องของธารน้ำตก หยดน้ำมากเหลือคณานับที่ล่องลอยในอากาศ เริ่มแข็งตัวอย่างเชื่องช้า…

แกรก…

แสงสีครามเลือนรางกระจายไปทั่วทุกสารทิศ ทำให้ทุกหนแห่งที่พาดผ่านเยือกแข็งด้วยความเย็นอันน่ากลัวยิ่ง

ความเร็วของมันรวดเร็วเป็นอย่างมาก แทบจะในเสี้ยววินาที ธารน้ำตกพันจั้งก็กลายเป็นหน้าผาสีเงินอันเย็นเยียบไปเสียแล้ว ส่องแสงสีเงินระยับภายใต้แสงตะวันที่สาดส่อง

ธารน้ำตกแข็งตัวกลายเป็นหน้าผาสีขาว แผ่ความเย็นจับขั้วหัวใจเป็นระยะๆ

ยอดเขาแสงสวรรค์เงียบสงัดลงทันตาเพราะการแข็งตัวของธารน้ำตก ไม่เคยเงียบเช่นนี้มาก่อน เงียบราวกับไม่มีชีวิตแล้วอย่างไรอย่างนั้น

อันหลินยังคงเดินขึ้นยอดเขาเช่นเดิม จู่ๆ ก็มีปุยหลิวขาวแวววาวลอยลงมาจากฟ้า

เขายื่นมือออกไป พบว่าปุยหลิวอันงดงามละลายทันทีเมื่อต้องมือ กลายเป็นความเย็นสบาย

“หิมะตกเหรอ”