ตอนที่ 108 ยุยงส่งเสริม

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 108 ยุยงส่งเสริม

คำกล่าวของอันหลิงเกอถือเป็นการมิเคารพฮูหยินผู้เฒ่า ทว่าในตอนนี้อีกฝ่ายกำลังรู้สึกผิดต่ออันหลิงเกอและคิดว่านางมิได้รับความเป็นธรรมจึงได้แต่ขานรับ อือ แล้วบอกให้สาวใช้พาอันหลิงเกอไปรอทำแผล

เดิมทีอันหลิงเกอก็มิหวังว่าฮูหยินผู้เฒ่าจักหักใจลงโทษอันหลิงเฉว่ได้อยู่แล้ว นางถึงได้ดึงดันมิยอมแพ้เพื่อให้อันหลิงเฉว่ใช้ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นเกราะกำบัง จากนั้นฮูหยินผู้เฒ่าจักได้เห็นด้วยตาว่าหลานสาวที่รักมิเพียงใจจืดใจดำ แต่ในช่วงเวลาสำคัญยังใช้ท่านย่าเป็นเกราะกำบังความผิดของตนอีกด้วย

แสดงให้เห็นว่าอันหลิงเฉว่มิได้มีนิสัยดี อ่อนโยนหรือไร้พิษภัยเหมือนที่ฮูหยินผู้เฒ่าเห็น ตรงกันข้ามคือใจร้ายและโหดเหี้ยม คราวนี้ฮูหยินผู้เฒ่าอาจมิใส่ใจแต่ถ้าคราวหน้ายังมีเรื่องเยี่ยงนี้เกิดขึ้นอีก ฮูหยินผู้เฒ่าย่อมมิเข้าข้างอันหลิงเฉว่โดยไร้เหตุผลแน่

เรื่องที่เกิดขึ้นในเรือนชิงเฟิงลอยไปถึงหูหลี่ซื่ออย่างรวดเร็ว เพราะสาวใช้กว่าครึ่งของจวนโหวล้วนก็เป็นคนของนางทั้งสิ้น การที่นางอยากรู้เรื่องราวอันใดในเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าจึงเป็นเรื่องง่ายดาย

เมื่อได้ฟังสาวใช้เล่าว่าอันหลิงเกอและอันหลิงเฉว่ทะเลาะกัน หลี่ซื่อที่กำลังตรวจดูสมุดบัญชีถึงกับวางสมุดบัญชีในมือทันที

ใบหน้าของนางมีรอยยิ้มแห่งความสุขปรากฎขึ้น ในดวงตาเต็มไปด้วยแววแห่งความชั่วร้าย “อันหลิงเกอชั้นต่ำทะเลาะกับอันหลิงเฉว่ต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่า พวกนางมิได้สนิทกันมาโดยตลอดหรอกหรือ ? มีเรื่องอันใดทำให้พวกนางทะเลาะกันได้”

“เรียนฮูหยินรอง บ่าวได้ยินว่าเพราะคุณหนูรองยั่วยวนท่านมู่ซื่อจื่อ พอคุณหนูใหญ่ทราบก็รู้สึกโมโหมาก ทั้งสองคนเถียงกันต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่าอย่างมิมีใครยอมใคร สุดท้ายคุณหนูใหญ่เห็นแก่หน้าฮูหยินผู้เฒ่าจึงมิเอาความคุณหนูรองเจ้าค่ะ” สาวใช้คนหนึ่งเล่าสิ่งที่ได้ยินให้หลี่ซื่อฟังอย่างละเอียดและมิกล้าเล่าตกหล่นแม้แต่น้อย

รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่ซื่อมลายหายไป หากสิ่งที่อันหลิงเกอคิดเป็นความจริง เยี่ยงนั้นนางต้องวางแผนเรื่องมู่ซื่อจื่อให้อีเอ๋ออย่างรอบคอบมากกว่านี้

เดิมทีหลี่ซื่อคิดว่าสตรีชั้นต่ำอันหลิงเกอจักเป็นอุปสรรคในการแต่งเข้าจวนอ๋องมู่ของอีเอ๋อ แต่ผู้ใดจักรู้ว่ายังมีผู้อื่นจับจ้องมู่ซื่อจื่อด้วยเช่นกัน

แม้อันหลิงเฉว่ยังเด็ก แต่ซ่อนความคิดเยี่ยงนี้ได้ลึกเสียจริง ถ้ามิเป็นเพราะการให้ร้ายอันหลิงเกอ ผู้อื่นคงเดามิออกว่านางมีความคิดเช่นนี้อยู่ในใจ

เมื่อลองเปรียบเทียบระหว่างอันหลิงเกอและอันหลิงเฉว่ ก็พบว่าอันหลิงเกอต่างหากที่เป็นอุปสรรคในการที่อีเอ๋อจักได้แต่งเข้าจวนอ๋องมู่ ส่วนอันหลิงเฉว่แค่ต้องระวังไว้หน่อยเท่านั้น

หลังจากหลี่ซื่อจมดิ่งสู่ความคิดครู่หนึ่งก็กระตุกยิ้มมุมปาก “คุณหนูใหญ่เป็นแผลบนหน้าผากถือเป็นเรื่องใหญ่ เจ้าไปเรียกอีเอ๋อมา แล้วพวกเราจักไปเยี่ยมนางด้วยกัน”

โอกาสในการยุแยงที่ดีถึงเพียงนี้ นางมิยอมปล่อยผ่านอย่างเปล่าประโยชน์หรอก

อันหลิงอีโดนหลี่ซื่อลากไปที่เรือนฉีอู๋ด้วยใบหน้ามิสบอารมณ์ “ท่านแม่ อันหลิงเกอมีอันใดดีกันเล่า พวกเราต้องลดตัวไปเยี่ยมนางเชียวหรือ ข้าว่าพวกเราควรไปหาอันหลิงเฉว่แล้วหัวเราะเยาะเสียงดังดีกว่าเจ้าค่ะ”

อันหลิงอีนึกถึงตอนอยู่ที่สำนักศึกษาจิงตูที่โดนอันหลิงเฉว่ลอบรังแก นี่มิได้เป็นโอกาสให้นางเอาคืนหรอกหรือ ? โอกาสมาหาถึงที่แล้ว ทว่ามารดามิให้ไปหาอันหลิงเฉว่กลับดึงดันให้มาหาอันหลิงเกอแทน

หลี่ซื่อได้ฟังคำบ่นของอันหลิงอีนานแล้วจึงเป็นธรรมดาที่จักรู้ว่าบุตรสาวกำลังคิดอันใดอยู่

นางใช้มือจิ้มไปที่หน้าผากของอันหลิงอีแล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เด็กโง่ เจ้าคิดว่าการแต่งเข้าจวนอ๋องมู่กับการไปเย้ยหยันอันหลิงเฉว่เรื่องใดสำคัญกว่ากัน เจ้ามิรู้หรืออย่างไร ? ”

“ยิ่งไปกว่านั้น อันหลิงเฉว่ก็อยากได้มู่ซื่อจื่อ อยากแต่งเข้าจวนอ๋องมู่เช่นกัน ทว่าเรื่องนี้เจ้ามิต้องห่วง เพียงแค่เรากำจัดอันหลิงเกอออกไปได้ แม่จักไปขอให้หลี่กุ้ยเฟยช่วยเจ้าได้แต่งเข้าจวนอ๋องมู่อย่างราบรื่น เยี่ยงนี้แล้วก็สามารถเอาคืนอันหลิงเฉว่ได้ นางต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟมิใช่หรือ ? ”

เมื่ออันหลิงอีลองไตร่ตรองแล้วก็เข้าใจในสิ่งที่มารดาต้องการสื่อ

เมื่อเข้าใจแล้วใบหน้าที่มิพอใจของอันหลิงอีก็ถูกแทนที่ด้วยความดีใจและตั้งตารอ ทว่าเพียงครู่เดียวใบหน้าของอันหลิงอีก็เริ่มแสดงความกังวลออกมา “แต่ท่านแม่เจ้าคะ คนชั้นต่ำอันหลิงเกอก็เจ้าเล่ห์มิน้อย เมื่อก่อนพวกเราคิดว่านางโดนท่านแม่ควบคุมแล้ว คิดว่านางขี้ขลาดและโง่เขลา แต่ผู้ใดจักคิดว่านางเสแสร้งตั้งแต่แรกแล้วยังมีจางโมโม่คอยชี้แนะอยู่ข้างหลัง นางสามารถหลอกพวกเราได้ตั้งหลายปีและตอนนี้นางได้หมั้นกับมู่ซื่อจื่อแล้วจึงได้เผยโฉมหน้าแท้จริงออกมา”

พอกล่าวถึงเรื่องนี้อีกครั้ง หลี่ซื่อก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที

นางเข้าใจไปเองว่าซื้อตัวจางโมโม่ได้แล้ว อยากให้ไปยุยงอันหลิงเกอจนกลายเป็นคนขี้ขลาดและโง่เขลา คาดมิถึงว่าอันหลิงเกอและจางโมโม่จักร่วมมือกันต่อต้านนาง ยืมมือนางซ่อนความสามารถ และตอนนี้ก็กลายเป็นอันหลิงเกอที่นางมิสามารถแตะต้องได้ง่ายอีกต่อไป

แววตาของหลี่ซื่อเข้มขึ้น มุมปากยกยิ้มเย็นชา “อันหลิงเกอจักซ่อนความสามารถตอนอยู่ต่อหน้าแม่แล้วเยี่ยงไร ? มันก็เหมือนเว่ยซื่อชั้นต่ำที่ได้ออกมาจากเรือนเพียน ทว่าก็ได้แต่อยู่ดูแลฮูหยินผู้เฒ่าและมิกล้าทำตัวโอหังต่อหน้าแม่”

“อันหลิงเกอแค่อาศัยที่ตนจักได้แต่งเข้าจวนอ๋องมู่จึงกล้าเผชิญหน้ากับพวกเรา แต่นางมิคิดบ้างว่าฤกษ์สมรสถูกกำหนดไว้อีกหนึ่งปีข้างหน้า ซึ่งในหนึ่งปีนี้จักมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นบ้างและมีอันใดเปลี่ยนแปลงไปบ้างก็มิมีผู้ใดล่วงรู้”

อันหลิงอีได้รับฟังและมองใบหน้าชั่วร้ายของมารดาก็อดหัวเราะออกมามิได้ “ท่านแม่ ท่านฉลาดยิ่งนัก ท่านต้องช่วยลูกสั่งสอนอันหลิงเกอได้แน่นอนเจ้าค่ะ ! ”

อันหลิงอีกล่าวเอาใจและจับแขนหลี่ซื่ออย่างออดอ้อน ส่วนหลี่ซื่อก็ยิ้มอย่างมีความสุข ต่อจากนั้นพวกนางก็สนทนากันอย่างสนุกสนานจนไปถึงเรือนฉีอู๋

“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ฮูหยินรองและคุณหนูสามมาเจ้าค่ะ” หมิงซินเปิดม่านแล้วรายงานให้อันหลิงเกอทราบ

ปี้จูเพิ่งล้างแผลให้อันหลิงเกอเสร็จ เมื่อได้ยินเยี่ยงนั้นก็หันไปมองด้านหน้าประตูที่สองแม่ลูกหลี่ซื่อกำลังเดินเข้ามา ใบหน้ากลมเล็กของปี้จูเต็มไปด้วยความระแวงระวัง

“เกอเอ๋อ เหตุใดบาดแผลบนหน้าผากของเจ้าจึงร้ายแรงถึงเพียงนี้ ? ” หลี่ซื่ออุทานออกมาด้วยความตกใจ จากนั้นก็เดินเข้ามานั่งลงด้านข้างอันหลิงเกออย่างเป็นห่วง “ข้าได้ยินว่าเกอเอ๋อเดินชนท่านแม่จึงโดนท่านแม่ขว้างถ้วยชาใส่ ข้าจึงรีบพาอีเอ๋อมาเยี่ยมเจ้าทันที”

แม้อันหลิงอีมิอยากแสดงละครฉากนี้ต่อหน้าอันหลิงเกอ แต่ต้องกล่าวออกมาภายใต้สายตากดดันของหลี่ซื่อ

“พี่หญิงใหญ่เดินชนท่านย่าที่ไหนเล่า ท่านแม่ เห็นได้ชัดว่าเป็นความผิดของพี่หญิงรอง พี่หญิงใหญ่แค่อยากทวงความเป็นธรรม แต่ท่านย่าลำเอียงเข้าข้างพี่หญิงรองและเป็นเหตุให้ใบหน้าพี่หญิงใหญ่เป็นแผลอีก ถ้าใบหน้าพี่หญิงใหญ่เกิดแผลเป็นเพราะเรื่องนี้ คงน่าเสียดายมิน้อย มิแน่ว่าทางจวนอ๋องมู่จักมิแต่งกับคนเสียโฉมได้นะเจ้าคะ ! ”

“เรื่องเป็นอย่างที่อีเอ๋อกล่าวหรือไม่ ? ” หลี่ซื่อแสร้งถามแล้วมองอันหลิงเกอด้วยสายตาเวทนากว่าเดิม “เกอเอ๋อผู้น่าสงสารของข้า ในตอนนี้เจ้าคงเข้าใจเสียทีว่าผู้ใดในจวนที่รักเจ้าอย่างแท้จริง เจ้าดูสิ ข้าดูแลจวนโหวตั้งหลายปีแต่มิเคยให้เจ้าได้รับความอัปยศมาก่อน ส่วนท่านแม่เพิ่งกลับมาอยู่จวนโหวได้มิเท่าไร เกอเอ๋อก็โดนท่านแม่ทำให้เสียโฉมเสียแล้ว เจ้าควรไกลหรือใกล้กับใครก็คงรู้แก่ใจดีแล้วหรือไม่ ? ”

เห็นชัดว่าสองแม่ลูกยอมเสียหน้า ยอมอ่อนข้อและแสร้งทำดีเห็นใจอันหลิงเกอทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังผิดใจกันอยู่ ทว่าหลี่ซื่อทำมิสนใจและแสร้งทำสนิทสนมเปี่ยมน้ำใจเพื่อยุยงให้อันหลิงเกอกับฮูหยินผู้เฒ่าผิดใจกัน การกระทำของหลี่ซื่อนี้อันหลิงเกอเข้าใจว่ามิได้มีเจตนาดี

แม้หลี่ซื่อจักกล่าวยุยงอันใดออกมา ใบหน้าของอันหลิงเกอยังเรียบเฉย มองมิออกว่ากำลังชอบใจหรือโกรธกันแน่ “เกอเอ๋อทำให้อี๋เหนียงเป็นห่วงแล้ว แต่ข้ารู้ดีว่าควรทำเยี่ยงไร”

หลังจากที่อันหลิงอีเห็นท่าทางมิร้อนรนของอันหลิงเกอ นางก็แอบกัดฟันอย่างมิพอใจ