ตอนที่ 170

เสน่ห์คมดาบ

“ท่านพ่อ ท่านพ่อทำอะไร? ท่านรู้หรือไม่ว่าทำอะไรอยู่? ทำไมท่านถึงทำเช่นนี้?” แคทเธอรีนร้องไห้ ดิ้นรนอย่างสุดแรง 

 

 

แคลร์ถอนหายใจแล้วปรับลมหายใจ พิงต้นไม้และมองดยุกกอร์ตั้นอย่างเย็นชา 

 

 

“ท่านพี่ ท่านพี่…” ราเซียร้องไห้อย่างหนัก 

 

 

“ท่านทำข้อตกลงอะไรกับวิหาร?” แคลร์ออกจากค่ายกลนี้ไม่ได้ ภายในร่างกายของนางกระจกดอกบัวกำลังรักษานางอยู่ แต่ว่า ครั้งนี้มันกลับช้าผิดปกติและพิษร้ายนั้นดูเหมือนจะไม่เพียงแต่กัดกร่อนร่างกายแต่ยังรวมถึงประสาทด้วย! 

 

 

แคลร์รู้ดีอยู่ในใจ ว่าตนเองถูกหักหลัง! 

 

 

ถูกหักหลังจากผู้ที่เรียกได้ว่าเป็นปู่! 

 

 

“ผู้ที่กำลังจะตาย ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องมากนักหรอก”น้ำเสียงของดยุกกอร์ตั้นเย็นชาแต่เมื่อเขาสบตากับแคลร์ แววตาของเขากลับฉายแววรู้สึกผิดและกลัว 

 

 

“ท่านพ่อ! แคลร์เป็นหลานสาวของท่าน ท่านทำได้อย่างไร…” แคทเธอรีนใจสลาย 

 

 

ดยุกกอร์ตั้นมองแคลร์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างเย็นชาเขายกยิ้ม เอ่ยถ้อยคำโหดร้าย “หลานสาว? ข้าไม่มีหลานสาวที่ดันทุรังเช่นนี้หรอก!” 

 

 

“ท่านพ่อ!” 

 

 

“ท่านปู่?!”ดวงตาของราเซียเบิกกว้าง ทำไมท่านปู่ถึงทำข้อตกลงกับวิหารแล้วทรยศต่อท่านพี่ล่ะ? 

 

 

แคลร์ไม่ได้พูดอะไร ยังคงเร่งดอกบัวในร่างกายให้รักษาอาการบาดเจ็บของนางค่ายกลนี้ยังไม่ได้ใช้พลังของมันอย่างเต็มที่ จะต้องฝ่าออกไปให้ได้เร็วที่สุดแต่บาดแผลที่อยู่ด้านหลังมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ความแข็งแกร่งดูเหมือนจะค่อยๆ สูญเสียไปอย่างช้าๆ กริชนี้ใส่ยาพิษชนิดใดกัน? 

 

 

“แคทเธอรีน ราเซีย พวกเจ้าลองคิดดูดีๆ ว่าเดิมทีแคลร์เป็นคนแบบไหน? บ้าผู้ชาย ไม่เอาไหน ทำไมนางถึงเปลี่ยนเป็นคนละคนหลังจากตกจากหลังม้า นางไม่ใช่แคลร์เลย! นางแค่อยู่ในร่างของแคลร์ นางฆ่าวิญญาณของแคลร์และยึดครองร่างของแคลร์!” สีหน้าของดยุกกอร์ตั้นเย็นชา มองสายตาของแคลร์แล้วยิ้มเยาะ 

 

 

แคทเธอรีนตะลึงแล้วหยุดดิ้น ส่วนราเซียตกใจยิ่งกว่าลาเกอร์สีหน้าซับซ้อนแคทเธอรีนและราเซียมองแคลร์ด้วยความงุนงงโดยไม่ขยับไปไหน 

 

 

แคลร์เลิกคิ้วเล็กน้อย ที่แท้ ชายชราผู้นี้สังเกตเห็นทุกอย่างมาก่อนแล้ว? แต่กลับไม่เปิดเผยเลย ยังบอกให้ตนเองเติบโตและเปล่งประกายเพราะว่าตนมีคุณค่าต่อตระกูลฮิลล์ตอนนี้วิหารแห่งแสงมีเงื่อนไขที่สูงกว่า ดังนั้นจึงละทิ้งตนเองอย่างไร้ยางอายงั้นหรือ? 

 

 

การเมืองที่ดี ความอดทนดี วิธีการดี! 

 

 

คนผู้นี้ เพื่อให้ตระกูลฮิลล์ได้ยืนหยัดอยู่ เขามีเหตุผลเสมอ! 

 

 

ดวงตาของแคลร์ค่อยๆ เลื่อนมองแคทเธอรีนแคทเธอรีนมองแคลร์ด้วยความสิ้นหวังใบหน้าซีดเซียว ลาเกอร์ถอนหายใจเบาๆ และปล่อยนางราเซียนิ่งงันมองแคลร์อย่างไม่เชื่อสายตา 

 

 

“มัน มันเป็นเรื่องจริงหรือ? แคลร์ เจ้าไม่ใช่แคลร์ของข้าหรือ?” สายตาของแคทเธอรีนแทบจะพร่ามัว แล้วถามออกมาเช่นนี้ 

 

 

แคลร์ถอนหายใจเบาๆมองตาของแคทเธอรีนแล้วพูด “ข้าไม่ใช่แคลร์คนเดิม” เวลานี้คำพูดใดๆ ก็ไร้ผลหลังจากที่แคลร์พูดสิ่งนี้ก็เงียบลง ยังคงให้กระจกดอกบัวในฟื้นฟูร่างกายต่อ 

 

 

อาร์ชบิชอปทั้งสิบสองยังคงร่ายคาถาอยู่ และแสงก็ก่อตัวบนพื้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไป๋ตี้และเฮยหยู่ที่อยู่บนไหล่ของแคลร์ก็กระโดดด้วยความกังวลเห็นได้ชัดว่าพวกเขาเข้าใจว่าค่ายกลนี้มีความสำคัญมาก 

 

 

แคทเธอรีนจ้องแคลร์ตะลึง ไม่ขยับ 

 

 

“แคทเธอรีนกลับก่อนเถอะ” ในใจของลาเกอร์ไม่อาจทนให้แคทเธอรีนได้เห็นฉากที่แคลร์จะถูกฆ่าได้แม้ว่าจะไม่ใช่ลูกสาวของพวกเขาแต่ก็เป็นร่างของลูกสาวและนางก็ช่วยแคทเธอรีนไว้ สิ่งเหล่านี้ลาเกอร์ไม่สนใจไม่ได้ 

 

 

“เจ้าก็กลับไปราเซีย เดี๋ยวก็ดีเอง”ดยุกกอร์ตั้นลูบหัวของราเซีย แล้วค่อยๆ ผลักราเซียเข้าไปหาแคทเธอรีน 

 

 

ลาเกอร์ดึงแคทเธอรีนแล้วกำลังจะจากไป 

 

 

ทันใดนั้นแคทเธอรีนก็หันไปและรีบวิ่งไปที่ด้านหน้าของอาร์คบิชอปคนหนึ่งอย่างบ้าคลั่ง กระแทกอาร์ชบิชอปออกไปและพูด “ข้าไม่สนว่านางจะเป็นใคร นางเป็นลูกสาวของข้า นางคือแคลร์ของข้า!” อาร์ชบิชอปผู้นั้นถูกขัดจังหวะการท่องคาถา ใจของเขาจึงคลายลง และแสงที่ก่อตัวก็เริ่มหรี่ลง 

 

 

แคลร์ตะลึงทุกคนก็ตะลึง 

 

 

“รีบไป แคลร์ รีบไป!” เวลานี้แคทเธอรีนเป็นเหมือนสิงโตบ้าคลั่งและก่อนที่ลาเกอร์และดยุกกอร์ตั้นจะได้สติ นางก็ผลักดันอาร์ชบิชอปคนอื่นๆอย่างเต็มที่ก่อนที่นางจะออกจากตระกูลหลี่นางได้ละทิ้งการฝึกฝนตัวเองไป ในตอนนี้นางจึงใช้วิธีทั่วไปที่สุดทั้งดึง จับ กัด เตะ ในการก่อกวนอาร์ชบิชอปที่ร่ายคาถาอยู่ในช่วงเวลานี้ ไม่มีใครแสดงปฏิกิริยาใดเลย 

 

 

แสงรูปดาวสิบสองแฉกค่อยๆ หรี่ลง 

 

 

แคลร์กัดฟัน หัวใจสั่นไหวความอบอุ่นที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ก่อตัวขึ้น นางรวบรวมพลังเตรียมจะรีบออกไปทำให้แคทเธอรีนผิดหวังไม่ได้! 

 

 

เมื่อเห็นเช่นนี้ดยุกกอร์ตั้นก็ไม่ลังเลเลยสักนิด เขาตะโกนออกมา แล้วพลังยุทธ์สีม่วงเข้มก็ระเบิดออกมาทั่วร่างเห็นได้ชัดว่าพลังของดยุกกอร์ตั้นนั้นเป็นจุดสูงสุดของนักดาบขั้นสูง และเขาก็กำลังจะบรรลุการเป็นนักดาบศักดิ์สิทธิ์! ดยุกกอร์ตั้นสีหน้าเย็นชาเขากระแทกแคลร์ด้วยหมัดด้วยความแรงทั้งหมดของเขาเขารู้ว่าหมัดของเขาฆ่าแคลร์ไม่ได้แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะบังคับให้แคลร์กลับเข้าสู่ค่ายกล 

 

 

“ไม่นะ…” ในเวลานี้แคทเธอรีนพุ่งไปขวางระหว่างดยุกกอร์ตั้นและแคลร์ยื่นมือไปกั้นด้านหน้าของแคลร์ไว้แคลร์ออกจากค่ายกลได้สำเร็จ และยืนอยู่ที่ขอบค่ายกล 

 

 

ทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากๆ 

 

 

ไม่มีใครคิดว่าแคทเธอรีนจะระเบิดศักยภาพออกมาได้ขนาดนี้ 

 

 

ใบหน้าของแคลร์เต็มไปด้วยเลือดแคทเธอรีนยื่นมือออกมาเพื่อกั้นใบหน้าของแคลร์ เห็นการแสดงออกของแคลร์อ่อนโยนและมีความทุกข์มากหมัดของดยุกกอร์ตั้นตั้งใจจะพุ่งไปที่หัวของแคลร์แต่ตอนนี้มันโดนแคทเธอรีนหมัดที่เต็มไปด้วยพละกำลังทั้งหมดทะลุหน้าอกของแคทเธอรีนโดยตรงเลือดสาดกระเซ็นเต็มใบหน้าของแคลร์และพื้น 

 

 

“ไม่…” เสียงเจ็บปวดของลาเกอร์ดังก้องไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน 

 

 

“ท่านแม่!” ราเซียร้องออกมาอย่างปวดใจ 

 

 

แคลร์จ้องมองไปที่หญิงผู้มีรอยยิ้มอ่อนโยนตรงหน้านางอย่างตะลึง หัวใจเหมือนจะหยุดเต้นว่างเปล่า 

 

 

แคลร์เอื้อมมือไปรับร่างของแคทเธอรีนไว้ 

 

 

แคทเธอรีนยังคงยิ้มดวงตาของนางก็ยังอ่อนโยนแต่ไม่หายใจอีกต่อไปแล้ว อุณหภูมิของร่างกายลดลงช้าๆ 

 

 

ดยุกกอร์ตั้นตะลึงไปเล็กน้อย และส่งกำปั้นของเขาที่แคลร์อีกครั้งทันที 

 

 

ต้องไม่ทำเสียเรื่องเพราะการตายของหญิงผู้นี้! 

 

 

แคลร์ยื่นมือออกไป แต่จับเพียงเบาๆ ก็คว้ากำปั้นรุนแรงของดยุกกอร์ตั้นไว้ได้แล้ว 

 

 

ดยุกกอร์ตั้นอึ้ง มองหมัดที่ใช้พลังทั้งหมดของเขาถูกแคลร์คว้าเอาไว้อย่างดายในหัวว่างเปล่า แม้ว่าจอมเวทชั้นเซียนจะแข็งแกร่งมาก แต่ว่า แต่ว่าจะแข็งแกร่งเช่นนี้เลยหรือ? 

 

 

ดวงตาของแคลร์นั้นโหดร้ายมากไม่พูดอะไร แล้วมือก็กระชับแน่นขึ้นอย่างช้าๆ 

 

 

เหงื่อเย็นไหลออกมาบนหน้าผากของดยุกกอร์ตั้นมือของเขา! มือเขาไร้เรี่ยวแรงหมดแล้ว! 

 

 

“ตาย!” แคลร์ตะคอกอย่างเย็นชา ใช้แรงจากมือกระแทกร่างของดยุกกอร์ตั้นจนกระเด็นไปข้างหลังกระแทกพื้นอย่างแรงจนเป็นหลุมลึก ฝุ่นฟุ้งกระจายสิ่งที่น่าตกใจยิ่งไปกว่านั้นคือกำปั้นของดยุกที่ดูเหมือนไม่เป็นไรแต่เมื่อร่างเขากระทบพื้นผิวหนังและเลือดเหนียวๆ ก็ทะลักออกมากำปั้นนั้นอย่างรุนแรง! แคลร์ทำให้มือของดยุกกอร์ตั้นแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแต่ผิวหนังยังคงอยู่ 

 

 

ดยุกกอร์ตั้นล้มลงไม่เคลื่อนไหวแต่อกยังสะท้อนขึ้นลง แสดงให้เห็นว่ายังไม่ตาย 

 

 

ภาพนั้นทำให้ทุกคนตกใจมาก 

 

 

ในเวลานี้อาร์ชบิชอปทั้งสิบสองคนได้สติเต็มที่แล้วคาถาหยุดลงและค่ายกลก็หายไปในเมื่อค่ายกลดักจับแคลร์เอาไว้ไม่ได้ เช่นนั้นจึงต่อสู้โดยตรง 

 

 

อาร์ชบิชอปทั้งสิบสองคนล้อมรอบแคลร์ไว้ตรงกลางลาเกอร์ดูเหมือนจะสูญเสียจิตวิญญาณไปแล้ว เขาทำเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความตะลึงไม่ขยับราเซียมองแคลร์ที่ถูกล้อมอยู่ก่อนจะเบือนสายตามามองแม่ที่ตายอย่างน่าเศร้าในอ้อมแขนของแคลร์ แล้วในที่สุดก็ดึงลาเกอร์ไปด้านข้างจิตใจของนางแทบพังทลาย! 

 

 

“ตาข่ายปราบมาร!” 

 

 

อาร์ชบิชอปทั้งสิบสองคนตะโกนขึ้นพร้อมกัน มือขวาชูขึ้นสูงส่องแสงสีขาวออกมาแสงสีขาวทั้งสิบสองเส้นไปบรรจบกันที่ด้านบนหัวของแคลร์ จากนั้นก็พุ่งลงมากลายเป็นตาข่ายแสงสว่างขนาดใหญ่ 

 

 

แคลร์ยังคงไม่ขยับ เพียงแค่ก้มหัวลงมองคนที่อยู่ในอ้อมแขนของตน ร่างนั้นอุณหภูมิลดลงเรื่อยๆ เลือดบนใบหน้าของแคลร์ก็ไม่มีความอุ่นแล้ว 

 

 

แคลร์ยังไม่ขยับแต่มีการเคลื่อนไหวจากนอกวงแหวน พลันเวทย์ธาตุไฟก็พุ่งเข้ากระแทกอาร์ชบิชอปคนหนึ่ง อาร์ชบิชอปคนนั้นโซซัดโซเซเลือดไหลออกจากปากแต่เขากลับไปยอมหยุดมือ ปากยังคงร่ายคาถา 

 

 

“แคลร์!”อูมาริวิ่งมาด้วยความรีบร้อนเวทมนตร์นั้นมาจากอูมาริชายหนุ่มเป็นนักเวทย์ การจะเอาชนะเชลส์ที่เป็นนักรบนั้นเป็นเรื่องยากมากสำหรับเขาซึ่งเชลส์นั้นก็ทำตามคำสั่งของดยุกกอร์ตั้นคือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่ให้อูมาริออกจากรถม้า 

 

 

แคลร์เงยหน้าขึ้นเห็นอูมาริวิ่งมาด้วยท่าทางกังวลแต่ภาพที่เห็นกลับทำให้เลือดของนางเย็นเฉียบ 

 

 

พระสันตะปาปาในชุดคลุมสีขาวลงมาจากท้องฟ้าโดยไม่มีแม้แต่คำพูด เขาโบกมือสังหารอูมาริแสงสีขาวทะลุออกมาจากด้านบนหัวของอูมาริและผ่าครึ่งตัวอูมาริไปเลย! 

 

 

ท่านอาจารย์!     

 

 

แคลร์รู้สึกเย็นไปทั้งตัวทุกสิ่งรอบตัวเย็นยะเยือก! ความโกรธปะทุออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ 

 

 

“การต่อสู้ของสัตว์ร้าย” พระสันตะปาปาร่อนลงบนพื้นด้วยใบหน้าเย็นชาและพูดเบาๆมือของเขาเริ่มร่ายคาถา. 

 

 

”กริชนั้นมีพิษ สามารถทำให้คนสูญเสียพลังได้อย่างช้าๆ และทำให้สติของคนค่อยๆ พร่าเลือน โกรธสิ ปล่อยให้ความโกรธครอบงำ เจ้าจะได้ถูกกลืนกินเร็วขึ้นอีก”