ตอนที่189 ซุปหิมะยืดอายุขัย

ยอดคุณหมอสกุลเฉิน

ตอนที่189 ซุปหิมะยืดอายุขัย

ฉีเล่ยได้แต่ยิ้มแห้งตอบกลับไปว่า

“นั่นสินะครับ อุตส่าห์มาถึงแล้วทั้งทีกินเค้กสักชิ้นสองชิ้นก่อนค่อยกลับดีกว่า”

เหอจื่อยิ้มกว้าง สีหน้าดูมีความสุขอย่างมาก

“ใช่แล้วค่ะอาจารย์ฉี ไหนๆก็มาแล้วเข้าไปข้างในก่อนเถอะค่ะ”

ฉีเล่ยเดินตามเหอจื่อเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ ขณะเดินเข้าไปก็แอบชำเลืองไปเห็นมู่เซียวหยานที่กำลังสาละวนอยู่ภายในห้องนั่งเล่น

ชุดราตรียาวสีชมพูครามฟ้า คอเสื้อเป็นทรงวีเชฟยาวลงมาจนเผยให้เห็นร่องอกสีขาวราวกับหิมะขนาดใหญ่อันทรงเสน่ห์ของเธอ ชุดราตรีนี้เป็นกระโปรงทรงสั้นเหนือเข่า แต่นับว่ายังโชคดีที่มีถุงน่องตาข่ายสีน้ำตาลอ่อนปกคลุมเอาไว้ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นไปถึงด้านบน

และเนื่องจากอยู่ในบ้านของตนเอง เธอก็เลยสวมเพียงแค่รองเท้าแตะผ้าฝ้ายน่ารักซึ่งดูสบายตาอย่างมากคู่หนึ่ง ในระหว่างที่ฉีเล่ยกำลังเดินเข้ามานั้น เธอก็กำลังสาละวนอยู่กับการปักเทียนลงไปบนเค้กก้อนใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะทานข้าวตัวยาว

แล้วก็เป็นอย่างที่ใครๆพูดกันไว้ไม่ผิด หากไม่ได้รู้จักครอบครัวนี้เป็นการส่วนตัวมาก่อน ยากนักที่คนนอกจะสามารถดูออกว่า มู่เซียวหยานกับเหอจื่อเป็นแม่ลูกกัน หากบังเอิญเดินผ่านไปพบเห็นคนทั้งคู่เข้า ก็คงเข้าใจผิดคิดว่า พวกเธอทั้งสองคนเป็นพี่น้องกันอย่างแน่นอน

แต่สิ่งหนึ่งที่ฉีเล่ยไม่รู้เลยก็คือ นี่ล่ะคือความต้องการของมู่เซียวหยาน

หากถามผู้หญิงร้อยทั้งร้อย จะมีผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่กลัวความแก่ชรา?

มู่เซียวหยานส่งยิ้มหวานให้กับฉีเล่ย

“ฉีน้อย มานั่งลงตรงนี้สิจ๊ะ”

ฉีน้อย?

ฉีเล่ยถึงกับตะลึงงันไปชั่วขณะ

เมื่อเห็นสีหน้าของฉีเล่ยที่แสดงออกมาในเวลานี้ เหอจื่อก็ถึงกับขมวดคิ้วตึง พร้อมกับร้องตะโกนสวนตอบคนเป็นแม่กลับไปด้วยความโกรธเคือง

“มู่เซียวหยาน! นี่เธอพูดบ้าอะไรออกมารู้ตัวมั๊ย?”

มู่เซียวหยานหยิบเทียนออกมาทีละเล่มอย่างสบายใจ ปากก็พลางเอ่ยตอบลูกสาวกลับไปว่า

“นี่ฉันพูดอะไรผิดงั้นเหรอ? ฉันเป็นแม่ของแก ส่วนฉีน้อยก็เป็นอาจารย์ของแก อีกอย่างดูเขาก็ไม่ได้แก่กว่าแกเท่าไหร่เลย ฉันเรียกแบบนี้ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ใช่ไหมจ๊ะฉีน้อย?”

โดยไม่รอให้เหอจื่อได้พูดอะไรอีก จู่ๆมู่เซียวหยานก็ปั้นสีหน้าเศร้าโศก เหลือบมองดูเค้กวันเกิดของตัวเอง พลางหันไปถามลูกสาวว่า

“อ่อ.. ว่าแต่ตอนนี้แกอายุเท่าไหร่แล้วนะ?”

เหอจือตอบกลับด้วยน้ำเสียงเจือหงุดหงิดรำคาญ

“18”

“18?”

สีหน้าของมู่เซียวหยานเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวน่าเกลียดเล็กน้อย ก่อนจะยกมือป้องปากหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันดูถูก

“ยังเป็นเด็กน้อยอยู่เลยนี่”

เหอจื่อตะคอกสวนกลับไปด้วยความโมโห

“เด็กอะไรกัน? ตั้ง 18ปีแล้วต่างหาก! อีกแป๊ปเดียวก็จะ20ปี บรรลุนิติภาวะแล้ว! มู่เซียวหยาน เธอนั่นแหละที่แก่เป็นคุณป้าแล้ว!”

มู่เซียวหยานยกมือเท้าสะเอวทันที เปิดฉากทะเลาะกับลูกสาวฉับพลัน

“นี่ฉันแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ? ถ้าคิดว่าตัวเองอายุตั้ง18แล้ว ถ้างั้นก็ตอบฉันมาสิว่า มีแม่อายุเลขสามคนไหนที่ยังสวยเท่าฉันบ้าง?!”

ฉีเล่ยที่ยืนเฝ้ามองเหตุการณ์อยู่ข้างๆ เวลานี้ได้แต่เริ่มเหงื่อตกออกมาบ้างแล้ว

ไม่น่าแปลกใจที่เหอจื่อเคยเล่าให้เขาฟังว่า เธอกับแม่มักจะชอบทะเลาะโต้เถียงกันอยู่บ่อยครั้ง แต่ใครจะไปคิดล่ะว่า แม่ของเธอจะเป็นพวกที่ชอบชวนทะเลาะ แล้วก็มีจุดเดือดต่ำมากขนาดนี้

มิหนำซ้ำคนเป็นลูกเองก็เป็นพวกไม่ยอมคนเหมือนกันอีก…

“แล้วเธออายุเท่าไหร่ล่ะ? แน่จริงก็เอาบัตรประชาชนขึ้นมาโชว์!”

“แล้วทำไมฉันต้องโชว์บัตรประชาชนให้แกดูด้วยล่ะ? แกเป็นตำรวจรึไง?”

“มู่เซียวหยาน ฉันเป็นลูกสาวของเธอนะ! จะอยากรู้อายุจริงๆของเธอไม่ได้รึไง?”

“ใครบอกว่าแกเป็นลูกสาวของฉัน? เราเคยตรวจพิสูจน์ DNAกันแล้ว แต่ที่ฉันยังไม่เอาผลตรวจออกมาโชว์ ก็เพราะกลัวว่าแกจะจิตตกยังไงล่ะ ฉันก็เลยไม่เคยบอกความจริงอันแสนโหดร้ายนี้ให้แกฟังยังไงล่ะ!”

“เออก็ดี! คราวหน้าจะได้ไม่ต้องฝืนเรียกเธอว่าแม่แล้ว!”

“ห๊ะ? นี่แกกล้าเหรอ? ต่อให้แกไม่ใช่ลูกของฉันจริงๆ แต่ฉันก็เป็นคนเลี้ยงแกมาจนตัวโตเท่าควายนะ! ตอนที่แกอึแกฉี่ รู้ไหมว่าใครกันที่คอยเปลี่ยนผ้าอ้อมแล้วก็เช็ดก้นให้? แล้วรู้บ้างไหมว่า ค่านมผงต่อเดือนมันแพงขนาดไหน? แพมเพิสราคาเท่าไหร่? ค่าใช้จ่ายที่ฉันเลี้ยงแกมาจนโตขนาดนี้ มันแพงซะยิ่งกว่าค่าเลี้ยงหมาฮัสกี้ทั้งฝูงอีกนะ! การจะเลี้ยงดูลูกสักคนมันไม่ได้ง่ายนะยะ! รู้แบบนี้แล้วแกยังจะใจจืดใจดำไม่เรียกฉันว่าแม่อีกงั้นเหรอ?”

ฉีเล่ยสังเกตเห็นว่าใบหน้าของเหอจื่อเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นทำทมิฬลงเรื่อยๆ และเป็นเพราะกลัวว่าสองแม่ลูกจะทะเลาะกันรุนแรงมากไปกว่านี้ เขาจึงรีบเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างคนทั้งคู่ พร้อมกับพูดขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“คุณ…คุณอาครับ สุขสันต์วันเกิดนะครับ!”

ขอบอกตามตรงว่า ตั้งแต่ที่มู่เซียวหยานเรียกเขาว่าฉีน้อย ก็ทำเอาสมองและระบบรวบรวมความคิดของเขารวนไปหมด ขืนเรียกอีกฝ่ายว่าป้า มีหวังเขาคงโดนก้านคอสลบอย่างแน่นนอน คำว่า คุณอา นี่แล่ะที่ดูจะเป็นคำกลางๆที่สุดแล้ว

อีกอย่างหากเขาเรียกเธอว่าป้า ก็เท่ากับขยับศักดิ์ของเหอจือขึ้นมาด้วย ในฐานะอาจารย์ของเธอจะให้เรียกลูกศิษย์ตัวเองว่า พี่เหอจือ ก็คงไม่ได้เช่นกัน

ใบหน้างดงามของมู่เซียวหยานที่บึ้งตึงเมื่อครู่ พลันเปลี่ยนมาเป็นเบ่งบานสดใสราวกับดอกไม้ดังเดิม และส่งยิ้มหวานฉ่ำให้กับฉีเล่ยอีกครั้ง

“คุณอางั้นเหรอ? แหมฉีน้อย เธอนี่น่ารักจัง เอาล่ะนั่งรอตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวอาหารเย็นก็น่าจะเสร็จแล้วล่ะ”

ฉีเล่ยยิ้มและตอบกลับไปว่า

“ไม่เป็นไรครับ ผมยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ เป็นเพราะกะทันหันไปหน่อย ผมก็เลยไม่มีเวลาเตรียมหาของขวัญมาให้ จะมีก็แค่ของเล็กๆน้อยๆ ถือว่าเป็นของขวัญแทนน้ำใจเล็กน้อยจากผมก็แล้วกันนะครับ”

พูดจบฉีเล่ยก็ยื่นกระดาษแผนหนึ่งที่เตรียมไว้ในรถส่งให้อีกฝ่ายทันที

มู่เซียวหยานรับกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดู คิ้วทั้งคู่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย พร้อมกับเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย

“นี่คืออะไรจ๊ะ?”

เธอไม่เคยได้รับของขวัญที่แปลกประหลาดขนาดนี้มาก่อนในชีวิตเลย

มีใครเคยให้ของขวัญเป็นกระดาษบางๆแผ่นหนึ่งกันบ้าง?

หรือเป็นไปได้ไหมว่า…นี่จะเป็นเช็คเงินสด?

แม้แต่เหอจื่อเองก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเช่นกัน เธอเอื้อมมือไปคว้ากระดาษแผ่นนั้นออกมาจากมือของมู่เซียวหยานทันที

“เอามานี่ เดี๋ยวฉันช่วยดูให้”

มู่เซียวหยานรีบดึงกระดาษในมือกลับคืนมาทันที

“เห็นฉันเป็นพวกอ่านหนังสือไม่ออกรึไง? ทำไมต้องให้แกช่วยด้วย?”

เหอจื่อทำได้เพียงแค่ปล่อยมือไปอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะพูดทิ้งท้ายไปว่า

“ถ้าอ่านคำไหนไม่ออกก็อย่ามาเรียกให้ฉันช่วยก็แล้วกัน!”

”นีฉันเป็นแม่ของแกนะ ช่วยพูดจากับฉันให้ดีๆหน่อยสิ!”

มู่เซียวหยานคลี่กระดาษแผ่นนั้นออกมาดู ปรากฏเป็นตัวอักษรประมาณสองถึงสามบรรทัดที่ถูกเขียนไว้บนกระดาษแผ่นนั้น โดยด้านบนสุดของกระดาษ มีอักษรจีนตระหง่านอยู่ห้าตัว ‘ซุปหิมะยืดอายุขัย’

มู่เซียวหยานอ่านแล้วก็รีบเอ่ยถามขึ้นทันที

“ซุปหิมะยืดอายุขัย? มันคืออะไรเหรอจ๊ะฉีน้อย?”

“ผมเป็นอาจารย์แพทย์แผนจีน และที่ผ่านมาก็ได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องยาจีนเพื่อสุขภาพ และสิ่งที่ได้มาก็คือ สูตรซุปหิมะยืดอายุขัยที่สามารถช่วยชะลอความเหี่ยวย่น และเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้แก่ผิวพรรณและใบหน้า หลังจากดื่มซุปนี้เป็นประจำสม่ำเสมอสักช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซุปหิมะยืดอายุขัยนี้จะช่วยขจัดของเสียภายในร่างกายออกไป หรือถ้าจะให้อธิบายเป็นภาษาทางการแพทย์ก็คือ ซุปชนิดนี้จะช่วยชำระล้างของเสียที่อยู่ภายในเส้นลมปราณ มีฤทธิ์บำรุงธาตุหยินในร่างกายของผู้หญิง สามารถช่วยรักษาคงความอ่อนเยาว์ไว้ได้ตลอดไปครับ”

“ยิ่งรับประทานนานเท่าไหร่ ก็จะยิ่งช่วยชะลอความแก่ได้มากขึ้นเท่านั้น ไม่เพียงแค่นั้นนะครับ เพราะจะช่วยให้ใบหน้าของผู้ที่รับประทานซุปนี้ดูอ่อนวัยขึ้นอีกด้วย”

จากนั้นฉีเล่ยก็ได้อธิบายข้อมูลเกี่ยวกับซุปหิมะยืดอายุขัย และวิธีการตุ๋นซุปให้ฟังพอสังเขป ซุปชนิดนี้ถูกบันทึกอยู่ในตำรา ‘สิบสองผ้าไหมแห่งนิกายเต๋า’ เป็นหนึ่งในสมบัติล้ำค่าที่ได้รับสืบทอดมาจากบรรพบุรุษตระกูลเฉิน

ฉีเล่ยเคยทำให้คุณนายสกุลเฉินแม่ของเฉินอวี้หลัวลองดื่มดูเช่นกัน และผลลัพธ์ที่ได้มันก็น่าทึ่งมาก

ด้วยเหตุนี้ เมื่อเหอจื่อโทรชวนเขามางานวันเกิดของแม่เธอในวันนี้ ฉีเล่ยจึงตั้งใจเขียนสูตรยาจีนชนิดนี้เพื่อมอบให้กับมู่เซียวหยานเป็นของขวัญ

ผู้หญิงบางคนสามารถปฏิเสธรถหรูอย่างBMWได้ บ้างก็ถึงขนาดปฏิเสธบ้านหลังมหึมา หรือแหวนเพชรเม็ดโตได้เช่นกัน แต่สำหรับความอ่อนเยาว์ตลอดกาล ใครบ้างเล่าที่จะสามารถต้านทานได้ไหว?

อย่างที่คาดการณ์ไว้ไม่มีผิด ดวงตาคู่สวยของมู่เซียวหยานเป็นประกายขึ้นมาทันที แม้แต่เหอจือเองยังถึงกับตาโตเป็นไข่ห่าน

ทันทีที่ได้ยินสรรพคุณของซุปหิมะยืดอายุขัย มู่เซียวหยานก็กระโดดเข้ามากอดแขนของฉีเล่ยไว้ทันที พร้อมกับร้องถามด้วยความตื่นเต้นดีใจว่า

“ฉีน้อย นี่เธอพูดจริงๆใช่ไหม? ซุปนี่จะทำให้ฉันอ่อนเยาว์ไปตลอดกาลจริงๆน่ะเหรอ?”

ฉีเล่ยพยักหน้าตอบไปว่า

“อาจจะฟังดูเกินจริงจนเกินไป แต่ที่มั่นใจได้ก็คือ มันสามารถชะลอความแก่ได้อย่างแน่นอนครับ”

“ให้มาฟรีๆแบบนี้จะไม่เป็นไรจริงๆเหรอ? สรรพคุณของมันน่าอัศจรรย์มากเลยนะ! ฉีน้อย ฉันรักเธอจัง นี่เป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของฉันเลยนะรู้ไหม? ชาตินี้ฉันคงไม่มีทางได้ของขวัญดีๆแบบนี้อีกแล้ว.…”

“โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย…ไอ้ลูกคนนี้! มาหยิกหูแม่ทำไมกัน?!”