บทที่ 102 น้ำตาของนางฟ้า

บัญชามังกรเดือด

ในห้องส่วนตัวอีกห้องหนึ่งริมหน้าต่าง อู๋เฟยที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด หัวเราะคิกคัก

เขาหันกลับมา ยกนิ้วโป้งให้กับฉินเทียนซึ่งนั่งข้างเขาดื่มชาอย่างสบายๆ ข้าง เอ่ยอย่างจริงใจว่า “สูง!”

“พี่เทียน เยี่ยมจริงๆ!”

“อุบายเล็กน้อยของคุณ ก็ทำให้สามารถเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของเซวเหรินไอ้สารเลวนั่นได้ แบบนี้ พี่สะใภ้ของฉันจะต้องตายใจอย่างแน่นอน”

“นี่มันดีกว่าถ้าคุณออกโรงมาห้าม ผลลัพธ์มันดีกว่าเป็นล้านเท่านะ!”

ฉินเทียน ดื่มชา ยิ้มออกมาโดยไม่พูดอะไรสักคำ

ตอนรุ่งสาง เขาได้รับรายงานจากทางเหลยเป้าและโทรอนโต

จากรายละเอียดของหวางกังตาลและยาเม็ดจีนกังที่งานเลี้ยง เขาก็พอรู้แล้วว่าเซวเหรินเป็นอย่างไร

และในข้อมูลที่ส่งมาจากโทรอนโต พบวิดีโอขอแต่งงานนี้อีกครั้ง

ตอนนั้นเขาก็อยากเอาสิ่งเหล่านี้ให้ซูซูเห็น เพื่อที่เธอจะได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเซวเหริน แต่พอกลับมาคิดอีกที ซูซูต้องไม่เชื่อแน่นอน

ไม่แน่ อาจจะคิดว่าตนจงใจพยายามทำให้เซวเหรินเสียชื่อเสียง แบบนั้น ก็เหมาะที่จะสวนกลับ

พอดีที่อู๋เฟยโทรมา พี่เทียนอย่างนั้นอย่างนี้ประจบประแจงทุกคำ เขาคิดออกมาแว๊บนึง นึกแผนนี้ออกมาได้

เซวเหรินเข้ามาถึงหน้าประตูเพื่อเชิญซูซู ซึ่งสำหรับฉินเทียนแล้ว มันก็เหมือนเดินเข้าไปรนหาที่

“พี่เทียน พี่สะใภ้วิ่งออกไปแล้ว คุณจะไม่ตามไปเหรอ?”

อู๋เฟยถามอย่างระมัดระวัง

ฉินเทียนยิ้มเยาะ: “คุณรีบร้อนอยากจะรู้ ฉันจะให้ตระกูลอู๋อย่างพวกคุณขึ้นนั่งตำแหน่งหัวมังกรอสังหาริมทรัพย์ของหลงเจียงได้ยังไง?”

อู๋เฟยรีบเอ่ยต่อ: “พ่อของฉันพูดว่า เรื่องนี้เสร็จสิ้นแล้ว พี่เทียนเป็นผู้มีพระคุณของเรา!”

“เราสองคนพ่อลูก ต่อไปนี้เราจะเชื่อฟังเพียงพี่เทียน!”

ฉินเทียนถึงเอ่ยไปว่า: “ไปเถอะ จับตาเซวเหริน ถึงตอนนั้นควรทำอะไร ฉันจะบอกคุณเอง”

เขารู้ว่า เซวเหริน จะไม่ปล่อยมันไปง่ายๆ อย่างแน่นอน

หน้าแหกไปขนาดนั้นแล้ว ถ้าผู้ชายคนนี้มายุ่งกับภรรยาของเขาอีก ก็อย่าหาว่าเขาโหดเหี้ยมล่ะ

อู๋เฟยไม่กล้าถามมาก รีบกล่าวว่า “พี่เทียนวางใจได้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉัน!”

“ถ้าไอ้สารเลวนี้ไม่ยอมแพ้ จะให้มันตายโดยไม่มีที่ฝัง!”

เมื่อเห็นเซวเหรินเดินก่นด่าสาปแช่งออกจากร้านอาหาร เขาก็รีบไล่ตามไป

ผู้ชายคนนี้ถือได้ว่าเป็นพวกได้ประโยชน์จากความทุกข์ นับตั้งแต่การประชุมเปิดตัวบริษัทซูยู่ ครั้งล่าสุด ได้เห็นวิธีที่น่าอัศจรรย์ของฉินเทียน เขาก็รู้สึกทึ่ง

รู้ว่าถ้าตนพยายามดื้อรั้นต่อไป จะต้องตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าฝื้นคืนชีพไม่ได้แน่นอน

ผิดก็คือผิด ผิดก็แก้ไข

ส่วนเรื่องหย่าร้างกับซูหนาน ไม่ใช่เพราะซูหนานรุกรานฉินเทียนซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาต้องการขีดเส้นให้ชัดเจน แต่เป็นเพราะ เขาไม่ได้รักซูหนานตั้งแต่แรก

ยุติการแต่งงานที่เละเทะ เริ่มต้นชีวิตใหม่

ภายใต้การจัดการของพ่อของเขา เขาได้เข้าสู่จิ่นซิ่วกรุ๊ป เริ่มเรียนรู้เข้าสู่วิธีการทำธุรกิจ

ครั้งนี้ฉินเทียนขอให้เถียหลินเฟิงกระจายข่าว อู๋เทียนสงต้องการฝึกลูกชายของเขา ดังนั้นจึงส่งเขาให้มาติดต่อธุรกิจกับฉินเทียน

หากเรื่องนี้ทำได้จริงๆ ขับเจี้ยนเหรินกรุ๊ปออกไป จิ่นซิ่วกรุ๊ปดำรงตำแหน่งผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างมั่นคง จากนั้นอู๋เฟยจะได้ดี

อู๋เทียนสงสามารถดึงลูกชายคนนี้เข้าสู่คณะผู้บริหารได้อย่างสมเหตุสมผล

เหตุผลที่ฉินเทียนไม่รีบร้อนไปจากที่นี่ เป็นเพราะว่า เขายังต้องรอคนที่ยังไม่มา

ตึกตึกตึก!

เสียงบันไดดังขึ้น จากด้านนอก มีชายร่างใหญ่สองคนวิ่งเข้ามา

ในมือของพวกเขา พันไปด้วยผ้าพันแผล ดูน่าเกรงขาม เมื่อมองแวบแรกก็คิดว่าเป็นพวกกล้าได้กล้าเสีย

แต่ทว่า เมื่อเห็นฉินเทียน กลับหน้าแดง

ในช่วงเวลาหนึ่ง ไม่มีใครเอ่ยปากพูดก่อน

ฉินเทียนจิบชา พูดเบาๆ ว่า “บอกฉันมา พวกคุณตามมาตั้งแต่ฉู่โจวจนถึงที่นี่ ต้องการทำอะไรกันแน่”

“หรือไม่พอใจ ต้องการสู้กับฉันอีกสักรอบ?”

ชายร่างใหญ่สองคนหันมองหน้ากัน กัดฟัน เสียงปักดังขึ้น คุกเข่าต่อหน้าฉินเทียนพร้อมกัน

“พวกเราอยากตามพี่เทียนไป!”

“พี่เทียนกรุณารับพวกเรา!”

ฉินเทียนยิ้ม ก่อนจะเอ่ยพูดตามตรง เขามีความประทับใจที่ดีต่อถงชวนและเถียปี้ที่อยู่ตรงหน้านี้

ทั้งสองคนโดยไม่คำนึงถึงอาการบาดเจ็บ ไล่ตามมาถึงหลงเจียงเพื่อพักดีต่อตน เรียกได้ว่าเป็นแบบที่คิดเอาไว้

เพราะสวนสัตว์ร้ายกำลังขาดคน!

“พวกนายอยากตามฉัน ต้องได้รับการทดสอบ”

“มากับฉัน.”

เขาขับรถพาถงชวนและเถียปิ้ออกจากเมือง ไปที่สวนสัตว์ร้าย

ทางเขตหมาป่า เต็มไปด้วยเสียงก่นด่าตามมาติดๆ

บาดแผลที่ขาของเถียหนิงซวงเพิ่งจะปิดสนิท เธอไม่ยอมรับความพ่ายแพ้นี้ ดังนั้นจึงพุ่งเข้าไปต่อสู้อีกครั้ง

เธอสาบานว่าจะทำให้ฝูงหมาป่าเหล่านี้เชื่องให้ได้ ให้พวกมันเห็นว่าตัวเอง ก้มศีรษะจงรักภักดี

เสียงคำรามของสิงโตทำให้ท้องฟ้าสั่นสะเทือน เสียงเสือคำรามอยู่บนเนินเขา

เป็นเหมือนพวกภูตผีปีศาจ ดึงรถลากเหล็ก ลัดเลาะไปตามถนนหิน

ที่ลอยอยู่ในอากาศ เป็นกลิ่นคาวเลือดที่เต็มไปด้วยความป่าเถื่อน

ถงชวนและเถียปี้ต่างก็ตกตะลึง

คนธรรมดามาเห็นอะไรแบบนี้ คงจะตกใจจนขาอ่อน

พวกเขาทั้งสองคน ไม่เพียงแต่ไม่กลัว ภายในดวงตา กลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

กระตือรือร้นอยากที่จะลอง ทนไม่ไหวแทบอยากจะพุ่งเข้าไปทันทีร ต่อสู้กับพลังอันดุร้ายนี้

นี่เป็นจิตวิญญาณแห่งการนองเลือดและการต่อสู้ที่มีเฉพาะผู้ดุร้ายเท่านั้น

เพราะว่าเมื่อวานรีบมากเกินไปหน่อย เลยไม่มีเวลาจัดการบางเรื่อง ฉินเทียนพาถงชวนและเถียปี้ไปที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิด ให้ฉานเจี้ยนเรียกผีหวูฉางและเถียหนิงซวงกลับมา

ฉินเทียนเห็นว่าสร้อยคออัญมณีในคอของเถียหนิงซวงหายไป แทนที่ด้วยด้ายสีดำ ที่ผูกด้วยเขี้ยวหมาป่า

เขายิ้มก่อนจะพูดว่า “คุณรู้สึกอย่างไร”

เถียหนิงซวงเรียกได้ว่าเป็นคุณหนูคนแรกในหลงเจียง เมื่อก่อนเธอ หยิ่งผยอง ไม่เคยยอมรับความพ่ายแพ้

แต่ตอนนี้ เมื่อเผชิญกับคำถามของฉินเทียน เธอก้มศีรษะลง เอ่ยพูดอย่างมั่นใจ “หมาป่าฉลาดแกมโกง ดุร้ายมาก”

“ฉันรับรู้ได้ว่าตัวเองขาดและข้อบกพร่องอะไร”

“แต่ฉันสัญญา อีกไม่นาน ฉันจะเอาชนะพวกมันได้!”

ฉินเทียนพยักหน้าเห็นด้วย

เขาพูดเสียงดัง: “พวกคุณจำไว้ว่า เป็นศัตรูกับคนอื่น ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ไม่สำคัญ อยู่หรือตายต่างหากที่สำคัญ”

“คนที่รอดชีวิตเท่านั้น คือผู้ชนะในตอนสุดท้าย”

“พูดจากในมุมนี้ สัตว์เหล่านี้ เหมาะที่จะเป็นครูของพวกคุณมากกว่าฉัน”

“พวกเขาจะสอนพวกคุณ วิธีหลีกเลี่ยงการถูกฆ่า และฆ่าฝั่งตรงข้ามอย่างไร”

“ไปต่อสู้ และมีชีวิตรอด”

“นี่ เป็นคำขอเดียวที่ฉันมีต่อพวกคุณ มันเป็นหน้าที่สุดท้ายของคำสาปสวรรค์ด้วย”

ต่อจากนี้ ฉันจะแนะนำสั้น ๆ ให้ทุกคน

ถงชวนและเถียปี้ตื่นเต้นจนทนไม่ไหว พวกเขารู้สึกว่าในที่สุดก็หาทางได้แล้ว

ฉินเทียนพูดคุยกับทุกคนอีกครั้ง เพื่อวางแผนใหม่ สำหรับสวนสัตว์ร้าย

จำนวนสัตว์ร้ายในปัจจุบันไม่เพียงพอ การแบ่งอุทยาน ก็ไม่สมเหตุสมผล

ท้ายที่สุด เขาได้แบ่งป่าภูเขาหลายพันไมล์ แบ่งออกเป็นสวนเจ็ดแห่ง เฉพาะผู้ที่ผ่านทั้งเจ็ดด่านได้สำเร็จเท่านั้นที่จะถือว่าผ่านบททดสอบ

สวนเจ็ดแห่ง ได้แก่สวนหมาใน สวนหมาป่า สวนเสือดาว สวนสิงโต สวนหมี สวนสุดท้ายค่อนข้างจะพิเศษ เป็นที่เป็นร้อยไมล์ที่มีหนองน้ำอยู่ เรียกว่า “น้ำตาของนางฟ้า”

ฉานเจี้ยนเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้: “เจ้าสำนัก หนองน้ำนั่นเคยเลี้ยงนกกระเรียนมงกุฎแดง หรือว่า ท่านกำลังวางแผนจะเลี้ยงนกกระเรียน?”

“พูดขึ้นมาแบบนี้ นกกระเรียนมงกุฎแดงเหมือนนกนางฟ้าในตำนานมากกว่า”

“แต่ น้ำตาคืออะไร?”

ทุกคนดูไม่ค่อยเข้าใจ

นอกจากนี้ นกกระเรียนมงกุฎแดงมีอะไรน่าต่อสู้ ทำไมมันถึงกลายมาเป็นด่านสุดท้าย?

ฉินเทียนยิ้มและพูดว่า “แน่นอนว่าไม่ได้เลี้ยงนกกระเรียน ใช้จินตนาการของพวกคุณ ลองคิดดีๆ ดูอีกที”

“น้ำตาของนางฟ้า…” ทันใดนั้นเถี่ยหนิงซวงก็พูดขึ้น “คุณจะเลี้ยงจระเข้เหรอ?”

จระเข้?

ทุกคนอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ