บทที่ 269 บีบเค้นไปทีละขั้น / บทที่ 270 สถานการณ์กลับตาลปัตร โดย Ink Stone_Romance
บทที่ 269 บีบเค้นไปทีละขั้น
เพื่อนบ้าน “เฮอะๆ ดาราดังทำอนาจารลูกสาวเขาเหรอ? เป็นโจรตะโกนให้จับโจรน่ะสิ! ไม่รู้ใครกันแน่ที่วันๆ เอาแต่ทำเรื่องสกปรกแบบนั้น…”
เกาเฟย “คุณพูดแบบนี้หมายความว่าอะไรเหรอครับ”
เพื่อนบ้าน “เฮ้อ ทำไมคนเมืองอย่างพวกคุณถึงได้ซื่อบื้อขนาดนี้ ก็หมายความว่าเขาเล่นลูกสาวของเขาเองน่ะสิ!”
เกาเฟย “ตัวเขาเอง? ทำไมคุณถึงพูดแบบนี้ล่ะครับ นั่นเป็นลูกสาวแท้ๆ ของเขาเลยนะ เขาจะทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง คุณมีหลักฐานอะไรหรือเปล่าครับ”
เพื่อนบ้าน “หลักฐาน? ฉันอยู่ข้างบ้านเขา เรื่องเลวๆ แบบนั้นของบ้านเขาฉันจะไม่รู้อย่างนั้นเหรอ ความเคลื่อนไหวในบ้านทุกคืนนั่น จึๆๆ…ไม่ใช่ฉันคนเดียวที่ได้ยิน ถ้าไม่เชื่อคุณก็ลองไปถามคนอื่นดูสิ!”
เกาเฟย “แล้วแม่ของเด็กเขาไม่สนใจเลยเหรอครับ?”
เพื่อนบ้าน “ภรรยาเขาทำงานกะดึก ตอนกลางคืนมีแค่พวกเขาอยู่บ้านกันสองคน แต่ต่อให้จะอยู่บ้าน ฉันเดาว่าเขาก็คงไม่สนใจหรอก! สองผัวเมียนี่ใจดำอำมหิตกันทั้งคู่!”
……
บทสัมภาษณ์นานกว่าสิบนาทีจบลงอย่างรวดเร็ว ตอนหลังยังมีบันทึกเสียงสัมภาษณ์ของเพื่อนบ้านคนอื่นๆ ด้วย หลายคนต่างแสดงออกว่าตอนกลางคืนมักจะได้ยินเสียงร้องตะโกนของเด็กผู้หญิงและเสียงด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายของจ้าวต้าหย่ง
เนื้อหาต่างๆ นานาที่เผยออกมาจากบทสัมภาษณ์เป็นสิ่งที่น่าตกใจมาก!
ทุกคนต่างก็คิดไม่ถึง พ่อผู้มีความเมตตาในสายตาของทุกคน พูดพร่ำอยู่เสมอว่าจะปกป้องลูกสาวคนนี้โดยไม่หวั่นเกรงต่ออำนาจอิทธิพล ที่แท้ก็เป็นโรคใคร่เด็กชั้นต่ำ ทั้งยังเสียสติถึงขั้นลงมือกับลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองได้ลงคอ
“จ้าวต้าหย่ง! ตอนนี้คุณยังมีอะไรจะแก้ตัวอีกไหม?” เกาเฟยแผดเสียงดังถาม
จ้าวต้าหย่งได้ฟังคำชี้ตัวจากเพื่อนบ้าน เผชิญหน้ากับคำถามของเกาเฟย อีกทั้งสายตาแปลกประหลาดของบรรดาสื่อมวลชนรอบด้าน ก็โมโหจนแทบเสียสติ “หลักฐานบ้าบออะไร! ของพวกนี้ใช้เป็นหลักฐานได้ด้วยงั้นเหรอ จ้าวเฉียงปินไอ้คนไร้อารยะคนนั้นชอบหาเรื่องกับฉันเป็นประจำ หมอนั่นตั้งใจยัดข้อหาโยนความผิดให้ฉัน!”
“คุณจ้าว ไม่มีมูลหมามันไม่ขี้หรอก! อีกอย่าง คนที่มาชี้ตัวคุณก็ไม่ใช่เพื่อนบ้านคนเดียว!”
“นั่น…นั่นเป็นเพราะลูกสาวทำความผิด ฉันก็แค่สอนเขา! รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี ลูกไม่เชื่อฟัง พ่อแม่จะดุด่าหรือตีก็เป็นเรื่องสมควรอยู่แล้ว!”
“อ้อ ดังนั้นวิธีการสั่งสอนของคุณก็คือลงโทษทางร่างกายและคุกคามทางเพศเหรอ?” เกาเฟยเค้นหนักขึ้น
จ้าวต้าหย่งโมโหจนหน้าบวมแดง หอบหายใจฟืดฟาดเหมือนสัตว์ร้าย “โธ่เว้ย! ฉันบอกไปแล้วว่าฉันเปล่า! กูไม่ใช่พวกบ้ากามคลั่งเด็กอะไรนั่น และก็ไม่เคยล่วงละเมิดลูกสาวตัวเองด้วย!”
แววตาของเกาเฟยยิ่งเย็นชา คำพูดรุนแรงขึ้นไปอีก “เฮอะๆ มีทั้งพยานบุคคลพยานวัตถุ ถึงตอนนี้คุณก็ยังเถียงข้างๆ คูๆ ไม่สำนึกผิดเลยสักนิด ไร้มโนธรรมสิ้นดี! สัมผัสที่ส่วนบุคคลส่วนล่างของร่างกาย บังคับให้ร้องอะไรนั่น ความจริงแล้วเป็นเรื่องที่คุณเคยกระทำกับลูกสาวคุณมาก่อนสินะ!”
“ไอ้ xx ทวดแกสิไอ้นักข่าวขยะ! พูดพอหรือยังหา!” ในที่สุดจ้าวต้าหย่งก็อดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ยกเท้าถีบเก้าอี้ของตัวเองจนคว่ำ แล้วพุ่งตัวเข้าไป ยกหมัดซัดเข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่าย
“โอ๊ย!” เกาเฟยโดนชกไปหนึ่งหมัดอย่างแรงจนบวมไปครึ่งหน้า
จ้าวต้าหย่งยังคิดจะชกต่อ นักข่าวคนอื่นๆ ด้านข้างและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองสามคนเข้ามาห้ามอย่างรวดเร็ว รีบจับจ้าวต้าหย่งที่กำลังอารมณ์เดือดพล่านเอาไว้
เกาเฟยปาดคราบเลือดที่ไหลซิบตรงมุมปาก กล่าวอย่างจงเกลียดจงชัง “ตอนนี้ทุกคนเชื่อหรือยัง? คนคนนี้ไม่เพียงเป็นโรคจิต ยังเป็นพวกชอบใช้กำลังความรุนแรงด้วย พอจะจินตนาการได้หรือยังว่าตอนที่ลูกสาวอยู่ในมือเขาจะต้องพบกับการปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรมแบบไหน!”
ได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของจ้าวต้าหย่งก็ยิ่งน่าเกลียดน่ากลัว คำรามอย่างกราดเกรี้ยว ทั้งตะโกนอย่างบ้าคลั่ง พยายามจะกระโจนใส่เกาเฟย “กูจะฆ่ามึง! จะฆ่ามึง! ฝากไว้ก่อนเถอะ! ฝากไว้ก่อน…”
…………………………………
บทที่ 270 สถานการณ์กลับตาลปัตร
ต่อหน้าหลักฐานอันชัดเจนแจ่มแจ้ง จ้าวต้าหย่งไม่เพียงแม้ตัวตายก็ไม่สำนึกผิด ทั้งยังต่อยนักข่าวกลางงาน เป็นการกระตุ้นต่อมโมโหของทุกคนให้ระเบิดถึงขีดสุดในเพียงพริบตา
ยอดวิวและการคลิกเข้าชมการถ่ายทอดสดผ่านอินเทอร์เน็ตทะลุสถิติในช่วงเวลาสั้นๆ ข้อความแล้วข้อความเล่าที่ฝากเข้ามาเลื่อนผ่านอย่างรวดเร็ว…
“มุมมองชีวิต มุมมองของคุณค่า และมุมมองต่อโลกถูกโค่นล้มแล้ว! ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเราโดนกากเดนคนเดียวหลอกมานานถึงขนาดนี้เลย!”
“ต้องวิปริตขนาดไหน ถึงลงมือกับลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองได้ลงคอ?”
“เขายังกล้ามาพูดว่าหานเซี่ยนอวี่เป็นเดรัจฉานอีก ที่แท้ตัวเขาเองนั่นแหละที่เป็นเดรัจฉานยิ่งกว่าหมูหมา! ปีศาจร้าย!”
หลังจากด่าอย่างบ้าคลั่ง ชาวเน็ตแน่นอนว่าต้องเริ่มคิดถึงอีกด้านหนึ่ง…
“แล้วคำพูดของเดรัจฉานไร้มนุษยธรรมทำลายศีลธรรมแบบนี้จะเชื่อถือได้เหรอ? โอ้มายก๊อด! หานเซี่ยนอวี่คงไม่ได้ถูกใส่ร้ายป้ายสีจริงๆ หรอกนะ?”
“เรื่องนี้มีความเป็นไปได้สูงมาก!”
“แม่เจ้า! เซี่ยนอวี่ของพวกเราถูกใส่ร้ายตั้งแต่แรกแล้วไหมล่ะ เพราะว่าพวกเขาเป็นคนด้อยโอกาส พวกเธอเลยยืนอยู่ข้างพวกเขาอย่างไม่รู้จักแยกแยะถูกผิด ไม่เปิดโอกาสคนอื่นพูดอธิบายเลย พวกเราอธิบายมาประโยคหนึ่งก็ถูกด่าว่าพวกแฟนคลับสมองเสื่อม! ตอนนี้คงรู้แล้วสินะว่าใครกันแน่ที่เป็นคนไร้ยางอายที่แท้จริง!”
“คนน่าสงสารต้องมีมูลเหตุให้เป็นที่น่ารังเกียจ เซี่ยนอวี่ช่วยครอบครัวพวกเขาขนาดนั้น ผลสุดท้ายคนพวกนั้นกลับกล้าใส่ร้ายเซี่ยนอวี่อย่างนี้ ถ้าวันนี้ไม่ได้นักข่าวคนนั้นช่วยเปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของจ้าวต้าหย่ง ตลอดชีวิตนี้ของเซี่ยนอวี่ต้องได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ร้ายทำลายทั้งชีวิตของเขาแน่!”
“ในที่สุดก็ถึงวันที่กอบกู้ชื่อเสียงอันบริสุทธิ์กลับมาได้สักที! เซี่ยนอวี่เป็นผู้บริสุทธิ์!”
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าหานเซี่ยนอวี่ไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นได้!”
……
กลางดึก คอนโดระดับไฮเอนด์แห่งหนึ่ง
เฟยหยางเห็นเกาเฟยเปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของจ้าวต้าหย่งไปทีละขั้น และเห็นเสียงด่าทอเป็นชุดต่อจ้าวต้าหย่ง
ของสื่อมวลชนในงานและของบรรดาชาวเน็ตบนหน้าการถ่ายทอดสด กระทั่งเริ่มมีคนสงสัยในคำพูดของจ้าวต้าหย่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เริ่มเรียกร้องความยุติธรรมให้กับหานเซี่ยนอวี่…สถานการณ์กลับตาลปัตร!
ช่างน่าตื่นตกใจโดยแท้!
เฟยหยางตื่นเต้นแทบจะกอดโน้ตบุ๊กตะโกนร้องลั่น “เซี่ยนอวี่ นายเห็นหรือยัง? เห็นหรือยัง? มติมหาชนเริ่มกลับตาลปัตรแล้ว เริ่มกลับตาลปัตรแล้วจริงๆ!”
คนสกุลเยี่ยคนนั้นสุดยอดไปเลยจริงๆ พวกเราโกลบอลส่งคนไปจับตาดูไอ้สารเลวอย่างจ้าวต้าหย่งตั้งนาน ก็ขุดได้แค่เรื่องเล็กน้อยทั่วไปที่ว่าเขาเล่นพนันติดเหล้าซ้อมลูกเมีย เยี่ยไป๋ทำยังไงถึงรู้ว่าจ้าวต้าหย่งเป็นพวกใคร่เด็กได้?
หานเซี่ยนอวี่จ้องภาพถ่ายทอดสด อ่านกองทัพข้อความที่เดือดดาลด่าจ้าวต้าหย่งข้อความแล้วข้อความเล่าบนหน้าจอ แล้วค่อยๆ เอนตัวพิงเก้าอี้ข้างหลัง หลับตาลง เงียบไม่พูดอะไรอยู่นาน
เฟยหยางโมโหด่าไปขณะที่ยังตื่นเต้นอยู่ตรงนั้น “จ้าวต้าหย่งไอ้เดรัจฉาน นึกว่าจะแค่โลภไม่รู้จักพอ เป็นพวกเนรคุณคนก็เท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าจะเลวได้ถึงขั้นนี้ ที่แท้ตัวเองนั่นแหละที่เป็นพวกใคร่เด็ก และที่น่าขยะแขยงยิ่งกว่าคือไอ้เวรนี่แม้แต่ลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองก็ยังไม่เว้น!”
ได้ยินคำด่าเป็นชุดของผู้จัดการ หานเซี่ยนอวี่จึงลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ชำเลืองมองไปทางเขา “พี่หยาง…พี่คิดว่าจ้าวต้าหย่งเป็นพวกใคร่เด็กจริงเหรอ?”
ได้ยินหานเซี่ยนอวี่จู่ๆ ก็ถามเช่นนี้ เฟยหยางเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “หรือว่าไม่ใช่งั้นเหรอ? มีหลักฐานมากมายขนาดนี้มากองอยู่ตรงนี้แล้วยังจะเป็นเรื่องไม่จริงได้เหรอ”
หานเซี่ยนอวี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มองผิวเผินก็มีหลักฐานมากมายจริงๆ แต่ว่าถ้าพี่แยกหลักฐานแต่ละอย่างมาดูทีละอัน แล้วใช้มาตรฐานทางกฎหมายมาพิจารณา จะยังรู้สึกว่าหลักฐานเหล่านี้ฟังขึ้นอยู่ไหม?”
…………………………………