ไทเฮาเวียนหัว แทบจะหกคะเมน ยังดีที่ข้างกายมีขันทีผู้น้อยพยุงนางไว้

บนหน้าของนางสีหน้าไม่น่าดู เป็นเวลานานที่จะประโยคหนึ่งออกมา

องค์หญิงตังตังแพ้จนดวงตาแดงก่ำ กล่าวตะคอก “กู้ชูหน่วน เจ้าโกง การเดิมพันรอบนี้ไม่นับ”

กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นงงงัน “ข้าโกงอย่างไร? ในห้องนั้นสามชั้นด้านในด้านนอกอีกสามชั้นล้วนเฝ้าระวังด้วยคนของพวกท่าน ข้ายังจะเหาะเข้าไปได้อีกอย่างนั้นหรือ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อครู่นอกจากข้าจะไปห้องสุขาแล้วก็ตากแดดอยู่ในลานด้านนอกมาโดยตลอด คนทั้งวิทยาลัยก็เห็นได้อย่างชัดเจน หรือองค์หญิงยังคิดว่าข้าจะมีวิชาแยกร่างหรือวิชาล่องหน ที่สามารถแยกร่างไปอยู่ข้างกายของเซียวหยู่เซวียนช่วยเขาเดินหมากได้งั้นหรือเพคะ?”

“เจ้า…….”

“หรือว่าพวกท่านแพ้แล้วก็เริ่มบิดพลิ้ว? ไทเฮาเพคะ พระองค์เป็นไทเฮาของคนใต้หล้า เป็นแม่ของแผ่นดิน เป็นตัวแทนของมารดาทั้งประเทศ ฐานะของพระองค์สูงส่ง จะบิดพลิ้วได้อย่างไรเพคะ นี่องค์หญิงตังตังกำลังทำให้พระองค์หม่นหมอง ตั้งใจทำให้พระองค์สูญเสียจิตใจจากราษฎรนะเพคะ”

กู้ชูหน่วนพูดบลาๆๆยกใหญ่ และแต่ละคำล้วนไม่ห่างจากคำว่าจิตใจของราษฎรและคนใต้หล้า ถึงแม้ว่าไทเฮาอยากจะกลับคำ ก็ไม่มีจุดยืนให้กลับคำ ทำได้เพียงยอมแพ้ ตอบรับมอบเงินห้าสิบล้านตำลึงให้โดยง่าย

องค์หญิงตังตังโกรธจนแทบจะเป็นลม “เสด็จแม่ นั่นเป็นเงินห้าสิบล้านตำลึงเชียวนะเพคะ แม้ว่าจะเป็นท้องพระคลัง ไม่กี่ปีมานี้ก็เกรงว่าจะไม่สามารถเก็บเงินได้มากมายขนาดนั้น มอบให้นางเปล่าๆก็ขาดทุนจนน่ากลัวเกินไปแล้วเพคะ”

“เพี๊ยะ…….”

ไทเฮายกมือขึ้นและตบหน้าขององค์หญิงตังตังอย่างรุนแรงฉาดหนึ่ง

“คนไม่รักดี ข้าเป็นถึงไทเฮาของประเทศ เจ้ากลับยุยงให้ข้าผิดสัญญา เจ้าจะให้ข้าสู้หน้าคนใต้หล้าได้อย่างไร? เจ้าก็เป็นองค์หญิงแห่งประเทศ ไม่เช่นนั้นก็ไม่ต้องเดิมพัน เดิมพันแพ้แล้วก็ทำตามสัญญาให้ดี ไม่เช่นนั้นคนที่ไม่รู้ ยังจะคิดว่าเจ้าองค์หญิงที่สูงส่งพระองค์หนึ่งวาจาไร้ความเชื่อถือ”

องค์หญิงตังตังถูกตบจนตะลึง กุมแก้มที่ร้อนผ่าวไว้แน่น

เสด็จแม่รักและเอ็นดูนางเป็นที่สุด ในวันปกติแม้แต่จะดุด่าก็ทำใจดุด่านางไม่ลงสักประโยค วันนี้กลับตบนางอย่างรุนแรงต่อหน้าทุกคน

องค์หญิงตังตังน้อยใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หนึ่งฝ่ามือเช่นนี้ ก็น้อยใจขึ้นอย่างอดไม่ได้ ร้องไห้โวยวายพุ่งออกไปจากราชวิทยาลัย

ความเดือดดาลของไทเฮาพุ่งเข้าสู้หัวใจ เป็นเวลาสักพักใหญ่ก็ผ่อนคลายไม่ลง

นางพยายามสงบรอยยิ้มไว้ ปริฝืนยิ้มออกมา

“คุณหนูสามกู้ เงินห้าสิบล้านตำลึงข้าจะให้คนส่งมาเข้ามาช้าหน่อย คำพูดของตังตัง ยังไงก็อย่าได้ใส่ใจ”

“หลานสาวอายุยังน้อย หม่อมฉันไม่ถือสาเป็นธรรมดาเพคะ”

กู้ชูหน่วนใช้คำว่าหลานสาวสามคำ มีความหมายเตือนไทเฮา ตอนนี้นางเป็นคนของเทพสงคราม หากว่ากล้าแตะต้องนาง ก็คือการเป็นศัตรูกับเทพสงครามอย่างโจ่งแจ้ง

เป็นดังคาด สีหน้าของไทเฮาซีดลงไปสองสามระดับ

“เช่นนั้น ข้าก็ขอบใจแทนตังตังด้วย คุณหนูสามกู้ หยกจันทร์เสี้ยวเป็นของที่ฮ่องเต้องค์ก่อนเหลือไว้ ยังไงก็ขอให้คุณหนูสามกู้รักษาไว้ให้ดีๆ อย่าได้ทำหายเด็ดขาด”

“นั่นแน่นอนอยู่แล้วเพคะ หม่อมฉันจะเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ไม่ให้คนอื่นแย่งไปได้เด็ดขาด”

รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้ชูหน่วนแฝงได้ด้วยความซื่อสัตย์เปิดเผย ดูแล้วบริสุทธิ์ไร้พิษภัย

แต่วาจาที่นางพูดกลับแอบแฝงไปด้วยการเตือนทุกคำ

จิตใจของไทเฮาปกคลุมไปด้วยไฟโทสะชั้นหนึ่งและอีกชั้นหนึ่ง แต่บนใบหน้ากลับยิ้มแล้วกล่าว “เช่นนั้น ข้าก็ขอบใจคุณหนูสามแทนฮ่องเต้องค์ก่อนด้วย”

กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างเย็นชา

คำหนึ่งก็ข้า หรือว่าไม่ควรเรียกแทนตัวเองว่าข้างั้นหรือ?

ยังเอาฮ่องเต้องค์ก่อนมากดดันนางอีก พูดเตือนนางว่าระวังอย่าทำหยกเสี้ยวจันทร์หาย

เหอะ

นางกู้ชูหน่วนเป็นคนที่ปล่อยให้คนอื่นข่มขู่ ชอบไม้อ่อนกลัวไม้แข็งหรือ?

ไทเฮามาอย่างเอิกเกริก ก็จากไปอย่างเอิกเกริก คนในราชวิทยาลัยยังคิดว่ากำลังฝันอยู่ ผ่านไปเป็นเวลานานก็ไม่ยอมตื่นขึ้นมา

เซียวหยู่เซวียนวิ่งเข้ามาด้วยความภาคภูมิใจ หัวเราะแล้วกล่าว “ยัยขี้เหร่ ข้าชนะเงินห้าสิบล้านตำลึงแทนเจ้า เจ้าจะขอบคุณข้ายังไง”