ตอนที่ 363 อธิบาย? / ตอนที่ 364 เห็นแก่นายทั้งนั้น

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

ตอนที่ 363 อธิบาย?

คำพูดของไป๋จื่อไม่ต่างอะไรกับมีดที่แทงอวี๋ม่านน่าครั้งแล้วครั้งเล่า แทงทะลุไปถึงก้นบึ้งของหัวใจเธอทุกครั้ง เจ็บปวดจนเธอแทบจะยืนไม่อยู่แล้ว

“ไร้สาระ ฉันอวี๋ม่านน่าเป็นใคร ฉันเป็นถึงรองผู้อำนวยการของโรงพยาบาลหมิงซิง ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของประธานกรรมการหมิงซิงกรุ๊ป ต่อไปทั้งหมิงซิงกรุ๊ปก็จะตกเป็นของฉัน ไม่ว่าฐานะหรือหน้าตาก็เหนือกว่าเธอเป็นพันเป็นหมื่นเท่า ฉันต่างหากที่เหมาะสมกับหลินหยางที่สุด ส่วนคนที่ไม่คู่ควรกับเขาคือเธอ คือเธอต่างหากไป๋จื่อ เธอมันก็แค่เด็กกำพร้ายากจน มีสิทธิ์อะไรมาแย่งหลินหยางไปจากฉัน เธอมีสิทธิ์อะไร”

ไป๋จื่อพูดลอยหน้าลอยตา “มีสิทธิ์อะไร? อืม…ครอบครัวของฉันดีสู้เธอไม่ได้ก็จริง แต่แล้วไง? หลินหยางไม่ใช่คนตื้นเขินพรรค์นั้น เขาชอบฉัน ไม่ใช่เพราะฐานะของฉัน แต่เป็นเพราะฉันเป็นฉันต่างหาก เช่นเดียวกัน เขาไม่มีทางชอบเธอเพราะฐานะของเธอ อวี๋ม่านน่า เธอก็รู้ดีอยู่แก่ใจไม่ใช่เหรอ”

“หลินหยางเป็นคนตรงไปตรงมา เขาชอบสิ่งที่บริสุทธ์ เรียบง่าย รวมถึงคนด้วย ส่วนเธออวี๋ม่านน่า เธอเป็นคนแบบนั้นหรือเปล่า เธอรู้ดีแท้ๆ ว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับเขา”

ข้างนอกหน้าต่างเกิดเสียงฟ้าผ่าดังลั่น ลมกรรโชกโหม

ไป๋จื่อหันหน้าไปมองดวงจันทร์ข้างนอกหน้าต่าง เธอเห็นเมฆดำผืนใหญ่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วจนเริ่มบดบังดวงจันทร์ เธออ้าปาก ต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับรู้สึกว่าตนพูดไม่ได้อีกแล้ว ร่างกายล้มลงนอนอย่างไร้เรี่ยวแรง ดวงตาค่อยๆ ปิดลง

เธอยังคงได้ยินเสียงของอวี๋ม่านน่า แต่ไม่สามารถตอบสนองได้อีก จิตของเธอยังคงอยู่ในร่างกายนี้ แต่กลับควบคุมร่างกายไม่ได้

อวี๋ม่านน่าเห็นไป๋จื่อลงนอน เธอเรียกอีกฝ่ายอยู่สองเสียง ทว่าไม่ได้รับการตอบสนอง ตนจึงรวบรวมความกล้าสาวเท้าเข้าไปใกล้

จากนั้นเธอก็ยื่นมือไปตีลงที่ข้างแก้มของไป๋จื่อ “เธอเป็นอะไรไป อย่ามาแกล้งตายหน่อยเลย รีบลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้”

ไป๋จื่อยังคงไม่ตอบสนอง เหมือนกับเวลาที่เธอเห็นเป็นปกติไม่มีผิด

เธอยื่นมือไปทดสอบที่ใต้จมูกของไป๋จื่อ ลมหายใจของไป๋จื่อเป็นปกติ อัตราการเต้นของหัวใจกับค่าความดันโลหิตบนจอมอนิเตอร์ล้วนเหมือนเวลาปกติ เป็นไปได้ยังไง เมื่อกี้นี้ยังมีท่าทีอวดเก่งอยู่เลย ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นแบบนี้แล้วล่ะ

อวี๋ม่านน่ามองไป๋จื่ที่ยังคงมีสีหน้าขาวซีด ก่อนจะมองไปยังหมอนอิงบนพื้น นี่ถือเป็นโอกาสดี โอกาสดีที่สุด

หากพลาดไปแล้วก็อาจจะไม่มีโอกาสแบบนี้อีกเลย

สุดท้ายเธอก็หยิบหมอนอิงขึ้นจากบนพื้น แล้วกดมันลงบนใบหน้าของไป๋จื่ออีกครั้ง

ขณะที่ไป๋จื่อคิดว่าตนเองจะต้องตายด้วยน้ำมือของหญิงสาวจิตใจอำมหิตคนนี้จริงๆ ประตูห้องผู้ป่วยก็พลันเปิดออก เงาร่างสูงใหญ่ของหลินหยางเดินเข้ามา เขาเห็นอวี๋ม่านน่ายืนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย กำลังใช้หมอนกดหน้าไป๋จื่ออยู่ในทันที

“เธอกำลังทำอะไร” หลินหยางถลันเข้ามา ผลักอวี๋ม่านน่าออกไปโดยพลัน แรงของผู้ชายย่อมแตกต่างกับผู้หญิง ยิ่งในสถานการณ์แบบนี้ด้วยแล้ว เขาจึงไม่ออมแรงโดยสิ้นเชิง เพราะเขาอยากจะโยนเธอออกไปข้างนอกหน้าต่างด้วยซ้ำไป เขาออกแรงผลักครั้งนี้ ทำให้เธอล้มลงกับพื้นโดยตรง แขนกระแทกกับขาเก้าอี้ เจ็บจนเธอมีเหงื่อเย็นๆ ผุดออกมาเลยทีเดียว

หลินหยางโยนหมอนที่อยู่บนใบหน้าของไป๋จื่อทิ้ง ก่อนจะรีบตรวจการเต้นของหัวใจและชีพจรของเธอทันที หลังจากแน่ใจแล้วว่าทุกอย่างเป็นปกติ เขาถึงจะหันไปพร้อมใบหน้าเคร่งขรึม สายตาเย็นชาจ้องเขม็งไปยังอวี๋ม่านน่าที่ยังคงนั่งอยู่บนพื้น

อวี๋ม่านน่าอธิบายขณะที่หน้าซีด “ฉัน ฉันไม่ได้…หลินหยาง นายฟังฉันอธิบายก่อนนะ เรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่นายคิด ฉันแค่ ก็แค่…”

“แค่อะไร เธอสรรหาคำอธิบายที่ดีมาพูดเดี๋ยวนี้!”

“แค่…แค่…” ใบหน้าของเธอลนลานนัก ขณะเดียวกันก็มองหลินหยางอย่างทำอะไรไม่ถูก เธอจะอธิบายยังไงดี เธอควรจะอธิบายยังไง

……….

ตอนที่ 364 เห็นแก่นายทั้งนั้น

จะอธิบายเรื่องที่เธอกดหมอนลงบนหน้าของไป๋จื่อยังไงดี แค่ล้อเล่นกับผักที่หลินหยางเอาใจใส่อยู่เสมออย่างนั้นเหรอ

อวี๋ม่านน่าพลันลุกขึ้นจากพื้น เธอชี้ไปยังไป๋จื่อที่อยู่บนเตียง “เธอ เมื่อกี้เธอตื่นแล้ว แถมคุยกับฉันด้วย แต่จู่ๆ ก็สลบไปอีก ฉันอยากจะปลุกเธอ แต่เธอไม่สนใจ ฉันก็เลย ก็เลย…”

หลินหยางพูดต่อ “เธอก็เลยเอาหมอนมากดหน้าไป๋จื่อ อยากจะใช้วิธีนี้ปลุกไป๋จื่องั้นสิ”

อวี๋ม่านน่ามองหลินหยางด้วยความตะลึงลาน เธอไม่เคยเห็นหลินหยางมีสีหน้าแบบนี้เลย บนใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความดุดัน ดวงตาเฉียบคมราวกับอยากจะกลืนคนคนหนึ่งไปทั้งเป็น

หลินหยางในสายตาของเธอเป็นคนที่อ่อนโยน เป็นสุภาพบุรุษที่มีมารยาทของทุกคน คนที่อยู่ต่อหน้าเธอในตอนนี้ไม่เหมือนกับเขาเลยสักนิด

ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ออกมา ต่อสายไปหาตำรวจ

อวี๋ม่านน่าแย่งโทรศัพท์มือถือของเขามาในทันที ก่อนจะโยนมันลงบนพื้น ทำให้โทรศัพท์แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ เธอร้องเสียงแหลม “หลินหยาง ทำไมนายทำกับนายแบบนี้ ฉันทำแบบนี้ก็เพราะเห็นแก่นายทั้งนั้น เพื่อนายทั้งนั้น!”

“ขอแค่เธอตาย นายก็จะหลุดพ้น ไม่ต้องหมกตัวอยู่ที่นี่ทั้งวัน นายจะได้เริ่มชีวิตใหม่ ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อนายนะ!”

“เงียบเถอะ อวี๋ม่านน่า เธอไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น คนแบบเธอคู่ควรบอกว่ารักฉันเหรอ เธอรู้หรือเปล่าว่าความรักคืออะไร”

เสียงฟ้าร้องข้างนอกดังสนั่น หยดน้ำฝนเม็ดโตสาดกระเซ็น สติของไป๋จื่อที่นอนอยู่บนเตียงเริ่มเลื่อนลอย เสียงของหลินหยางและอวี๋ม่านไกลออกไปเรื่อยๆ มีเสียงของจ้าวหลานแจ่มชัดขึ้นแทนที่

“จื่อเอ๋อร์ จื่อเอ๋อร์เจ้าเป็นอะไรไป ตื่นเร็ว เจ้าอย่าทำให้แม่กลัวสิ ตื่นเถอะ!”

นางค่อยๆ ลืมตาขึ้น ก่อนจะมองเห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของจ้าวหลาน พร้อมกับดวงตาที่มีแต่ความลนลานจนทำอะไรไม่ถูก

“ท่านแม่ เหตุใดท่านถึงร้องไห้” นางรู้สึกเหนื่อยล้าอยู่บ้าง ทั้งยังรู้สึกหนาวอีกด้วย

จ้าวหลานปาดน้ำตาทิ้ง ทั้งยิ้มทั้งร้องไห้ “เจ้าตื่นแล้ว แม่ตกใจแทบตาย”

ไป๋จื่อใช้มือข้างหนึ่งยันเตียงลุกขึ้นนั่ง ถามด้วยความสงสัย “ท่านแม่ แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น”

“เมื่อครู่ข้ามาเรียกให้เจ้าตื่น แต่เรียกอย่างไรเจ้าก็ไม่ยอมตื่น ร่างกายของเจ้าเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็ง แม้แต่ลมหายใจก็ไม่มี ข้าเกือบคิดว่า คิดว่า…” จ้าวหลานกล่าวพร้อมน้ำตานองหน้า หากบุตรสาวของนางจากไป นางจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไร

ไป๋จื่อจับมือของจ้าวหลาน ยิ้มกล่าว “ข้าหลอกท่านเท่านั้น ข้าหลับลึกไปหน่อย จะเป็นอะไรไปได้เล่าเจ้าคะ ดูท่านร้องไห้เข้าสิ คนอื่นเห็นเข้าจะคิดว่าข้ารังแกท่านเอานะ”

จ้าวหลานเห็นบุตรสาวยังล้อเล่นอยู่ได้ ในใจก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง “เจ้าไม่เป็นอะไรจริงหรือ ไม่สบายตรงไหนหรือไม่”

เด็กสาวส่ายหน้า “ข้าไม่เป็นอะไรจริงๆ ทั้งยังสบายดีนัก” นางหาวครั้งหนึ่ง “แค่ง่วงนิดหน่อยเท่านั้น”

จ้าวหลานหันไปมองสีท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่าง ฟ้ายังคงไม่สว่างเต็มที่ ตื่นสายกว่านี้สักหน่อยก็ย่อมได้ จึงดันตัวบุตรสาวให้นอนลง “เช่นนั้นเจ้าก็นอนต่อเถอะ อีกเดี๋ยวซู่เอ๋อจะมา พวกข้าไปทำงานกันสองคนก็พอแล้ว”

ไป๋จื่อพยักหน้า ตอนนี้นางไม่มีเรี่ยวแรงจะไปทำงานจริงๆ รู้สึกสับสนอลหม่านนัก

หลังจากจ้าวหลานไปแล้ว นางไม่กล้าหลับตาลงอีก ดวงจันทร์ข้างนอกหน้าต่างยังคงลอยค้างอยู่กลางท้องฟ้า นางกลัวว่าหากหลับตาลงแล้วจะต้องกลับไปที่ห้องผู้ป่วยนั้นอีก

ร่างกายของนางเริ่มอบอุ่นขึ้น เรี่ยวแรงค่อยๆ กลับคืนมา นางก็อยากจะใคร่ครวญเรื่องนั้นให้เข้าใจเช่นกัน ในค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวงของทุกเดือน วิญญาณของนางจะกลับไปอยู่ในร่างกายเดิม เมื่อเมฆดำบดบังดวงจันทร์ และเมื่อแสงจันทร์สาดส่องมาที่ตัวนาง นางก็จะตื่นขึ้น ครั้นแสงจันทร์ถูกเมฆดำบดบัง นางก็จะควบคุมร่างกายของตนเองไม่ได้ จนกระทั่งแสงจันทร์สาดส่องมาที่ตัวนางอีกครั้ง