ตอนที่ 166 : แผนระยะสั้น

อาจารย์ที่นั่งอยู่บนเวทีไม่ได้พูดอะไรออกมา

หวังเย่าเห็นแบบนั้นก็รออยู่ที่นั้นกว่า 5 วินาที เมื่อเห็นว่าไม่มีใครท้าสู้กับเขา มันก็ชัดเจนแล้วว่าเขาได้รับการยอมรับจากทุกคน

“เมื่อทุกคนได้เห็นความแข็งแกร่งของฉันแล้ว งั้นก็ขอบคุณ”  หวังเย่าตะโกนออกมา  “ถ้ามีใครอยากท้าสู้กับฉันใน 2 วันนี้ก็โทรหาฉันได้เลย ฉันจะรีบมา บอกให้อีกอย่าง วันนี้ฉันใช้พลังไปไม่ถึงครึ่งเลยด้วยซ้ำ”

เมื่อพูดจบ เขาก็ไม่สนใจสายตาของทุกคนที่จ้องมองมาที่เขาอีกต่อไปและหันกลับไปพยักหน้าให้กับไช่เหวินเซิง ก่อนกลับไปยังที่นั่งของตัวเอง

เขาตั้งใจว่าอีกสองวันที่เหลือจะไม่มางานประชุม วันนี้เขาได้ประกาศต่อหน้าคนกว่า 40,000 คนรวมถึงอาจารย์ด้วย ถึงมันจะฟังดูหลงตัวเองไปหน่อย แต่ที่เขาพูดมานั้นมันก็เป็นเรื่องจริงทั้งหมด

“ใช้พลังไปไม่ถึงครึ่งจริง ๆ หรือ ? ”

คำพูดของเขาได้สร้างความฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่าผู้คนจะยอมรับในความแข็งแกร่งของเขา แต่คำพูดของเขาก็ดูไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด นี่เขาถึงกับกล้าบอกว่าใช้พลังออกมาไม่ถึงครึ่งอย่างนั้นหรือ

“อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย ถึงฉันจะเอาชนะนายไม่ได้ แต่ก็ไม่ควรไม่เห็นหัวดูถูกคนอื่นแบบนี้ นิสัยแบบนี้ของนายเชื่อเถอะว่ามันจะสร้างปัญหาให้นายไม่สิ้นสุดแน่นอน โชคดีละกัน”

“ฉันอยากให้ใครสักคนมาสั่งสอนบทเรียนกับเขา เขาจะได้ถ่อมตัวกว่านี้หน่อย”

เสียงฮือฮาดังขึ้น แน่นอนว่าไม่ใช่คำวิจารณ์ที่ดีสำหรับหวังเย่าเท่าไหร่นัก

ยังไงซะเขาก็เป็นคนจากเมืองอรุณ มีไม่กี่คนที่รู้จักเขา คนที่สนับสนุนเขาก็ยิ่งน้อยลงกว่าเดิมอีก ดังนั้นยิ่งเขาแข็งแกร่งขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้คนไม่พอใจเท่านั้น

หวังเย่าไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิด ที่บอกแบบนั้นออกมาก็เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง แม้ว่าจะเป็นชื่อเสียงในด้านแย่ ๆ และทำให้ผู้คนไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องสนใจพวกนั้น เขาควรสนใจว่าจะทำอะไรต่อหลังจากนี้มากกว่า

หวังเย่ามองไปที่จ้าวเมิ่งซีที่อยู่ไม่ไกลออกไปด้วยสายตาอ่อนโยน

เป็นธรรมดาที่จ้าวเมิ่งซีก็รู้สึกยินดีกับเขาด้วย เธอยิ้มกว้างออกมาและยกนิ้วโป้งให้กับหวังเย่า

โชคร้าย เพราะเหตุผลบางอย่างทำให้ฟ่านฉิงเหมยไม่ได้มาที่งานประชุมครั้งนี้ด้วย เธอไม่ได้กลับมาที่มหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ เธอคงเจอกับปัญหาและไม่อาจจะกลับมาได้

ถ้าฟ่านฉิงเหมยเห็นความยิ่งใหญ่ของเขาที่เอาชนะฮวงจินเทียนและ เย่ฉิวเกาได้ เดาว่าเธอคงยิ้มกว้างออกมาแน่ ๆ

ยิ่งกว่านั้นเขาก็จะมีชื่อเสียงและอำนาจที่เพิ่มมากขึ้นและคู่ควรกับสองสาวงามนี่สักที

เขามีระบบอยู่กับตัว พรสวรรค์ของเขาไร้ขีดจำกัด เดาว่าด้วยบุคลิกของเขาแล้ว การที่ได้สองสาวมาครอบครองก็ยิ่งทำให้คนอื่นรับไม่ได้เข้าไปอีก

ดังนั้นเขาจึงต้องหาทางเพิ่มชื่อเสียงและอำนาจของตัวเองให้ได้ เขาจะได้ตายโดยไม่ต้องรู้สึกเสียดายอะไรอีก

ตอนนั้นเองไช่เหวินเซิงก็เดินเข้ามาหาหวังเย่าที่นั่งหลับตาอยู่ ก่อนจะมาสะกิดหวังเย่า

“หือ มีอะไร ? ”  หวังเย่าถามขึ้น

“ถ้าไม่มีอะไรอื่น นายก็ถือว่าเรียนจบแล้ว ฉันอยากจะจัดงานเลี้ยงฉลองให้กับนาย”  ไช่เหวินเซิงกังวลว่าหวังเย่าจะปฏิเสธ

“เรื่องนี้…”  หวังเย่าครุ่นคิดสักพัก ถึงจะเป็นงานเลี้ยงอำลารึงานเลี้ยงปิดเทอมแต่เดาว่าเขาคือตัวหลักของงานนี้แน่นอน

แม้เขาจะรู้สึกว่าไม่ได้อยากรู้จักกับคนเหล่านี้สักเท่าไหร่ แต่นักศึกษาที่ได้เข้าสาขาตรวจสอบห้อง A นั้น ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ใช่คนธรรมดา ตระกูลของพวกอยู่ในเมืองใหญ่ ๆ มีกิจการที่ใหญ่โตและมีขุมกำลังที่ไม่อาจจะมองข้ามได้

อย่างที่บอกไป การเข้ามหาวิทยาลัยนั้นนอกจากการเรียนรู้แล้วก็ยังเป็นการฝึกสร้างสัมพันธ์และการเข้าสังคม ในปีนี้พวกเขามัวแต่ยุ่งอยู่กับการฝึกฝนตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ค่อยรู้จักเพื่อนร่วมห้องของตัวเองสักเท่าไหร่

“ได้ ถ้านายรู้เวลาและสถานที่แล้วค่อยมาบอกฉันก็แล้วกัน” หวังเย่ารับปาก

สุดท้ายงานประชุมของวันแรกก็จบลง

ภายใต้สายตาทั้งหลาย หวังเย่าและจ้าวเมิ่งซีก็ได้เดินออกมาจากมหาวิทยาลัยด้วยกัน ก่อนจะไปยังร้านอาหาร

“หวังเย่า นายได้ใบประกาศนียบัตรรึยัง ? ”  จ้าวเมิ่งซียิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มอันน่าดึงดูด

“คงอีกไม่กี่วันฉันน่าจะจบอย่างเป็นทางการแล้ว” หวังเย่าพูดออกมาอย่างไม่แน่ใจนัก ยังไงซะมันก็ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน อะไร เพราะการยื่นเรื่องจบก่อนเวลาแบบนี้มันต้องใช้เวลาดำเนินการอยู่บ้าง

“งั้นนายจะไปทำอะไรต่อ ? ”  จ้าวเมิ่งซีกัดเนื้อเข้าไปเต็มปากเต็มคำและถามออกมา

“ฉันยังคิดอยู่ บางทีฉันอาจจะตั้งกองทหารของตัวเองขึ้นมาแล้วค่อยสร้างองค์กรเพื่อรับภารกิจระดับสูง”

แม้ว่าหวังเย่าจะทะเยอทะยานและอยากจะยึดมิติลับที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยของมนุษย์ รวมถึงครอบครองทรัพยากรในมิติลับ แต่ตอนนี้เขายังเด็กอยู่ เขายังไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก ตอนนี้อยู่แค่ช่วงตั้งตัว ดังนั้นเขาจึงไม่อยากคิดอะไรเกินตัวไปกว่านี้

ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่แผนระยะสั้นของเขาก็เหนือกว่าความฝันของหลายคน

เพราะมันคือการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวและการเดิมพันที่สูง

สำหรับคนอื่นแล้ว อย่างมากพวกเขาก็แค่อยากรวยและหาทางหาเงินได้อย่างมั่นคง

มีน้อยคนนักที่จะเป็นแบบหวังเย่า เพราะความคิดแบบนี้มันค่อยข้างเสี่ยงไม่ใช่น้อย พวกเขาไม่รู้ว่าจะเจอกับโชคดีรึโชคร้าย บางทีอาจจะหมดตัวรึตายไปเลยก็ได้

สำหรับความกังวลที่คนอื่นมีนั้น หวังเย่าไม่ได้ใส่ใจ เขาเป็นใคร ? เขามีระบบและมีเงินจำนวนมากอยู่กับตัว เขาสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว  อีกทั้งเขายังเป็นผู้ดูแลที่สามารถทำให้อสูรวิวัฒนาการตัวเองขึ้นมาได้

หากประกาศออกไป เดาว่าคงมีผู้ใช้อสูรนับไม่ถ้วนต่อคิวเพื่อให้เขาวิวัฒนาการอสูรให้

“ฟังไปแล้วก็น่าตื่นเต้นดี ใช่สิ ฉันว่างช่วงปิดเทอมพอดี ฉันจะช่วยนายด้วยก็ได้”  จ้าวเมิ่งซีหัวเราะออกมา

หวังเย่าแสดงสีหน้าจริงจังก่อนจะยิ้มออกมา “ได้สิ พอดีฉันขาดผู้ช่วยที่คอยดูแลบริการให้ฉันอยู่พอดี เมิ่งเอ๋อร์ ฉันว่าเธอก็เหมาะดีนะ เธอลองคิดดูละกัน”

“ให้ตายสิ จะให้ฉันทำแค่นั้นจริง ๆ หรือ พูดตามตรงฉันเองก็เรียนในสาขาของฉันมา ความรู้ที่ฉันมีน่ะมีประโยชน์ นายขาดคนพอดี ฉันก็ขาดเวทีที่จะแสดงฝีมือ ต่างคนต่างได้”  จ้าวเมิ่งซีพูดออกมาด้วยสีหน้าหยอกล้อซึ่งดูไปแล้วทำให้ทุกคนหลงใหลเธอได้ง่าย ๆ