บทที่ 295 การตามหาจิ้งจอกวิญญาณ + บทที่ 296 ข่าวเกี่ยวกับหนานเจียง

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 295 การตามหาจิ้งจอกวิญญาณ

คำพูดของอวี้เฟิงทำเอาหนิงเมิ่งเหยาและคนอื่นๆ สับสน “นี่หมายความว่าอย่างไรกัน”

“ที่ปรึกษาของหนานกงเช่อเป็นชาวพื้นเมืองจากหนานเจียง และฐานะของเขาก็ไม่ได้ต่ำต้อยเลยทีเดียว เราจะต้องสืบหาว่าเหตุใดเขาจึงไปอยู่ข้างกายหนานกงเช่อได้ อีกเรื่อง ข้าได้ข้อมูลเรื่องยามาด้วย พวกเจ้าสองคนลองดูสิ” ขณะพูด เขาก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา ก่อนส่งให้เฉียวเทียนช่างและหนิงเมิ่งเหยา

เฉียวเทียนช่างคลี่มันออกและอ่านเนื้อหาด้านใน หลังจากอ่านจบร่างของเขาก็พลันเย็นเฉียบ

หากพวกมันใช้ยานี้กับหนิงเมิ่งเหยาจริงๆ ผลสุดท้ายคงจะ… เฉียวเทียนช่างไม่กล้าคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น

เมื่อเห็นเฉียวเทียนช่างมีท่าทีเช่นนั้น หนิงเมิ่งเหยาจึงยื่นมือไปกุมมือเย็นๆ ของเขาไว้ “เทียนช่าง จะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับข้าแน่นอน” แม้นางจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างไป แต่นางจะไม่มีวันลืมเฉียวเทียนช่าง

ยาชนิดนี้ไม่เพียงแค่สามารถควบคุมจิตใจของผู้คนได้ แต่มันยังค่อยๆ กลืนกินความทรงจำของคนผู้นั้นจนกระทั่งทำให้พวกเขากลายเป็นหุ่นเชิดไร้ชีวิตจิตใจได้อย่างสมบูรณ์อีกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เฉียวเทียนช่างจะรู้สึกหวาดกลัวถึงเพียงนี้

เฉียวเทียนช่างกอดหนิงเมิ่งเหยาแน่น “อยู่ให้ห่างจากหนานกงเช่อให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เจ้าห้ามแตะต้องสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับเขาโดยเด็ดขาด และพาชิงซวงไปกับเจ้าด้วย”

“ข้าเข้าใจแล้ว” หนิงเมิ่งเหยาไม่สามารถโต้แย้งคำพูดของเฉียวเทียนช่างได้ นางทำได้เพียงแค่พยักหน้าและเห็นดีเห็นงามไปกับสิ่งที่เขาพูดเท่านั้น

เฉียวเทียนช่างยังคงรู้สึกกังวลใจอยู่เล็กน้อย แต่เขาก็นึกได้ว่าหนิงเมิ่งเหยาในตอนนี้นั้นไม่เหมือนกับตัวนางในอดีตอีกแล้ว เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาก็โล่งใจขึ้นมาบ้าง

“พวกเจ้าไม่ต้องกังวลกันขนาดนั้นก็ได้ ตราบใดที่พวกเราหาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนานเจียงเจอ ยาชนิดนั้นก็จะไร้ผล มันไม่สามารถทำอะไรพวกเจ้าได้แน่” อย่างไรเสียตัวยาก็ทำมาจากกู่พิษ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนานเจียงสามารถต้านทานกู่พิษได้ทุกชนิด

“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนานเจียงคืออะไรหรือ” เฉียวเทียนช่างนิ่วหน้าแล้วถามด้วยความสงสัย

“จิ้งจอกวิญญาณ เลือดของจิ้งจอกวิญญาณนั้นสามารถรักษาพิษได้มากมายหลายชนิด ทว่าเขี้ยวของมันก็มีพิษร้ายแรงอยู่ในตัว ไม่เพียงเท่านั้น ยิ่งกู่พิษแข็งแกร่งเท่าใด ก็ยิ่งเป็นตัวเสริมพลังให้กับจิ้งจอกวิญญาณมากขึ้นเท่านั้น คนจากหนานเจียงเรียกขานมันว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ พวกข้าเองก็กำลังตามหามันอยู่ แต่ก็ยังไม่ได้ข่าวคราวอะไรเลย” อวี้เฟิงห่อไหล่เมื่อเขาอธิบายมาถึงตรงนี้

ทว่าหนิงเมิ่งเหยากลับยิ้มออกมาแทน “มีทางแก้ไขก็ยังดีกว่าไม่มี”

เฉียวเทียนช่างเห็นว่าเป็นจริงดังนั้น เขาจึงเรียกตัวหลินจือโยวเข้ามา “จือโยว ส่งหนานชีไปตามหาจิ้งจอกวิญญาณเสีย”

หลินจือโยวที่รีบร้อนเข้ามาถึงกับชะงัก เขามองเฉียวเทียนช่าง “นายท่าน ท่านจะส่งเสี่ยวชีกลับไปจริงๆ หรือขอรับ”

เฉียวเทียนช่างสูดหายใจเข้าปอดก่อนหลับตาลง “ถ้าเป็นไปได้ ข้าเองก็ไม่อยากส่งเขากลับไปนักหรอก เพียงแต่เรื่องนี้ดันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถรอได้น่ะสิ” เฉียวเทียนช่างเล่าเรื่องที่ปรึกษาของหนานกงเช่อรวมถึงเรื่องยาที่ได้รับการพัฒนาขึ้นให้หลินจือโยวฟัง

หลังจากฟังจบหลินจือโยวก็เข้าใจถึงความสำคัญของเรื่องนี้ในทันที เขาพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “นายท่าน ขออย่าได้เป็นกังวลไป ข้าจะจัดการให้ขอรับ”

เฉียวเทียนช่างรู้สึกโล่งใจ เขาพยักหน้า “ข้าไม่เคยกังวลกับงานของเจ้าไปเถอะ”

“ขอรับ”

หนิงเมิ่งเหยามองเฉียวเทียนช่าง “มีชาวพื้นเมืองจากหนานเจียงอยู่กับเจ้าด้วยหรือ”

เฉียวเทียนช่างพยักหน้า “มีสิ หนานชีกับหนานอวี่เป็นพี่น้องที่เราช่วยมาเมื่อพวกเขายังเด็ก พวกเขาถูกชาวพื้นเมืองในหนานเจียงมองว่าเป็นตัวนำพาโชคร้ายมาให้ ก็เลยถูกขับออกจากหมู่บ้าน สองคนนั้นเกือบตายแล้ว แต่ได้ข้ากับชวี่เฟิงช่วยเอาไว้เสียก่อน ตั้งแต่นั้นมาพวกเขาก็ติดตามพวกข้ามา” หลังจากนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ใกล้ชิดกันมากขึ้นจนราวกับเป็นพี่น้องกันจริงๆ

หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้ารับด้วยความเข้าใจ “เช่นนี้นี่เอง”

“หนานอวี่ก็จะกลับมาด้วย หากมีเขากับชิงซวงอยู่ด้วย ข้าก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก” หนานอวี่นั้นเป็นผู้มีความสามารถเลี้ยงกู่พิษ เขาเลี้ยงพวกมันไว้เป็นจำนวนมาก และแต่ละตัวก็มีความพิเศษของมันเอง ทว่าพวกเขาก็ไม่เคยเห็นมันกับตามาก่อน

อวี้เฟิงนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งและมองเฉียวเทียนช่างขณะที่ทั้งสองคุยกัน “เจ้าแน่ใจหรือว่าสามารถเชื่อใจสองคนนั้นได้”

เฉียวเทียนช่างพยักหนา “เชื่อใจได้แน่นอน พวกข้าช่วยสองคนนั้นออกมาจากซากศพที่กองทับกันอยู่ ในตอนนั้น หากไม่ใช่เพราะเขาทั้งคู่มีร่างกายต่างจากคนธรรมดา ป่านนี้พวกเขาคงตายไปแล้วแน่” เขาจำได้ว่าตอนที่ช่วยทั้งสองออกมานั้น ทั้งสองอยู่ในสภาพจวนเจียนจะหมดลมเต็มที หากไม่ได้เป็นเพราะความเกลียดชังของหนานอวี่ที่มีต่อชาวหนานเจียงช่วยประคับประคองชีวิตเอาไว้ พี่น้องคู่นี้คงจะสิ้นใจไปนานแล้วก่อนที่พวกเขาจะไปถึง

หลังจากนั้นหลายคนก็คิดว่าพวกเขาแปลกเกินไปความจริงเซียวชวี่เฟิงเองก็สั่งให้คนไปตรวจสอบเรื่องนี้ แต่ก็พบว่าทั้งสองคนไม่มีความผิดปกติใดๆ นอกเสียจากความเกลียดชังอันมากล้นที่มีต่อหนานเจียงก็เท่านั้น

บทที่ 296 ข่าวเกี่ยวกับหนานเจียง

ในหนึ่งตระกูล หลายสิบชีวิตดับสูญด้วยน้ำมือของชาวหนานเจียง เพียงเพราะคนเหล่านั้นล้วนใกล้ชิดกับกู่พิษมาตั้งแต่เกิด และได้รับเลือกจากราชากู่ของหนานเจียง

การเลือกฮ่องเต้ของหนานเจียงนั้นต่างจากภายนอกลิบลับ เพราะจะขึ้นอยู่กับการเลือกของราชากู่เท่านั้น และคนที่ถูกเลือกจากราชากู่จะกลายเป็นฮ่องเต้แห่งหนานเจียงองค์ต่อไป

หนานอวี่ได้รับเลือกจากราชากู่ตอนเขาอายุได้แปดขวบ ทว่าตระกูลของเขากลับต้องพบกับหายนะก่อนที่ตนจะได้ฉลองตำแหน่งนั้นเสียอีก หนานอวี่ในวัยแปดขวบพาหนานชีวัยหกขวบหนีออกมาได้ พวกเขาหนีจากคนที่ฮ่องเต้แห่งหนานเจียงส่งมา แต่ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเกือบตาย ทั้งสองคงตายไปแล้วหากไม่ได้พบกับพวกเฉียวเทียนช่าง

“เช่นนั้นก็เอาตามนั้นก็แล้วกัน” อวี้เฟิงพยักหน้า

เมื่อมีผู้มีความรู้เรื่องกู่พิษของหนานเจียงเพิ่มเข้ามา ก็เหมือนกับการติดปีกเพิ่มให้กับเสือ

“จะว่าไป ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ราชากู่แห่งหนานเจียงนั่นจริงๆ แล้วอยู่ในตัวของหนานอวี่” เฉียวเทียนช่างทิ้งระเบิดลูกใหญ่ในวินาทีที่พวกเขาเพิ่งถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา

อวี้เฟิงมองเฉียวเทียนช่างด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ “เจ้าพูดจริงหรือ”

“จริง หลังจากราชากู่เลือกผู้สืบทอดได้แล้ว มันจะจดจำกลิ่นของอีกฝ่ายและจะหาทางไปอยู่ข้างๆ เขาเสมอไม่ว่าเขาจะอยู่แห่งใดก็ตาม” เฉียวเทียนช่างบอกสิ่งที่เขาเคยได้ยินจากหนานอวี่ให้พวกเขาฟัง

ผู้สืบทอดที่จะขึ้นเป็นฮ่องเต้ของหนานเจียงนั้นจะต้องเป็นผู้ที่ได้ครอบครองราชากู่

คนที่อยู่กับหนานกงเช่ออาจจะเป็นคนที่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันของหนานเจียงส่งมา เขาคงจะมาที่จงหยวน เพื่อตามหาราชากู่อย่างแน่นอน

“ข้าเข้าใจแล้ว” อวี้เฟิงคิดไม่ถึงว่าจะได้ฟังความเป็นมาเช่นนี้กับหูของตน ช่างน่าแปลกใจจริงๆ

หนิงเมิ่งเหยารู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก “ราชากู่นี้ใช้ทำอะไรหรือ”

ทันใดนั้นอวี้เฟิงก็ตบศีรษะตัวเอง “ดูสิ ข้าลืมไปได้เช่นใดกัน ไม่ว่าจะเป็นกู่พิษชนิดใด พวกมันก็ไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าราชากู่ มิหนำซ้ำตัวยานั้นมันก็ทำมาจากกู่พิษเสียด้วย”

“แล้วอย่างไรหรือ”

“ก็หมายความว่าถึงจะกินยาเข้าไป แต่ก็จะไม่มีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นหากมีราชากู่อยู่ด้วย เพราะว่าราชากู่จะกลืนกินกู่พิษพวกนั้นเข้าไปอีกทีอย่างไรเล่า” เขาไม่เคยนึกถึงเรื่องของราชากู่มาก่อนเพราะมัวแต่เพ่งความสนใจอยู่กับเรื่องจิ้งจอกวิญญาณที่ไม่มีตัวตน

คำพูดของอวี้เฟิงทำให้เฉียวเทียนช่างโล่งใจมากขึ้น “เช่นนั้นก็ดี ข้าจะบอกให้หนานอวี่รีบมาที่นี่”

“เทียนช่าง เช่นนั้นพวกเราขอมอบคนสำคัญของพวกเราให้เจ้าดูแล” ตอนนี้หนิงเมิ่งเหยามีปัญหามากมาย และยังมีเรื่องคนผู้นั้นที่คอยตามสืบเรื่องของหนิงเมิ่งเหยาอยู่อีก ในตอนนี้พวกเขาสามารถยืนยันได้ว่าคนผู้นั้นไม่ได้มีเจตนาร้ายอันใด แต่มันก็เพียงชั่วคราวเท่านั้น ใครจะรู้เล่าว่าเขาจะไม่เปลี่ยนความคิดไปเสี เหมยรั่วหลินรู้สึกว่าควรจะหาทางป้องกันเอาไว้ก่อน ดีกว่าจะต้องมานั่งเสียใจภายหลัง

เฉียวเทียนช่างพยักหน้า “เหยาเหยาก็เป็นคนสำคัญของข้าเช่นกัน”

เหมยรั่วหลินมองหน้าเฉียวเทียนช่าง “และนางก็เป็นน้องสาวของพวกเรา”

“แล้วนางก็เป็นภรรยาของข้า” เฉียวเทียนช่างพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน

เหมยรั่วหลินพูดไม่ออก ก็ได้ สถานะของภรรยานั้นคงแข็งแกร่งกว่าสถานะของน้องสาวมากนัก

หนิงเมิ่งเหยาหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่เมื่อเห็นทั้งสองเถียงกัน

ดูเหมือนความกดดันอันหนักอึ้งที่อยู่ภายในหัวใจของนางจะเบาบางลงแล้ว

ณ พระราชนิเวศน์นอกเมือง หนานกงเช่อตามหาหนานกงเยว่ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก “หนานกงเยว่ เจ้ามันช่างไร้ประโยชน์”

หนานกงเยว่ขมวดคิ้วของตนเข้าหากันขณะมองหนานกงเช่อ แต่นางก็ไม่ได้แย้งเขากลับไป ไม่ใช่เพราะนางไม่กล้า แต่เพราะนางรู้สึกว่ามันไม่จำเป็น

ที่ปรึกษาที่อยู่ข้างกายเขามองไปที่หนานกงเช่อ ในดวงตาของเขามีแววเยาะหยัน “สิ่งที่องค์รัชทายาทต้องทำตอนนี้หาใช่การชี้นิ้วไม่ แต่คือการหาทางเข้าใกล้หนิงเมิ่งเหยาต่างหากพ่ะย่ะค่ะ”

หนานกงเช่อเงียบเสียง นั่นเป็นเรื่องสำคัญที่สุดจริงๆ

หลังจากมองหนานกงเยว่ หนานกงเช่อก็นึกบางสิ่งขึ้นมาได้

“หาทางเข้าใกล้หนิงเมิ่งเหยาและตีสนิทกับนางเสีย”

หนานกงเยว่มองหนานกงเช่อด้วยดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ นางรู้สึกว่าในหัวของหนานกงเช่อต้องมีปัญหาเป็นแน่

นางเพิ่งจะวิวาทกับหนิงเมิ่งเหยาที่งานเลี้ยงไปหมาดๆ แล้วเขาอยากให้นางเข้าไปผูกสัมพันธ์กับหนิงเมิ่งเหยาเอาตอนนี้น่ะหรือ มีแต่คนที่สมองมีปัญหาเท่านั้นล่ะที่จะสามารถคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้

“เจ้าเอาจริงหรือ”

“หนานกงเยว่ เจ้าอย่าลืมฐานะของตนเสีย” หนานกงเช่อมองหนานกงเยว่อย่างเย็นชาขณะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธ

หนานกงเยว่ยิ้มเยาะ “ข้าทำไม่ได้ หาทางอื่นที่จะเข้าใกล้หนิงเมิ่งเหยาเอาเองก็แล้วกัน”

เมื่อครั้งก่อนหนิงเมิ่งเหยาทำให้นางต้องอับอายขายขี้หน้า แต่เขายังอยากให้นางเข้าไปตีสนิทหนิงเมิ่งเหยาอยู่อีก นางไม่ใช่คนโง่เขลาหรอกหนา