บทที่ 164 โชคดีจริงๆ ที่ได้เป็นพนักงานเถิงต๋า

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ช่วงนี้หม่าอี้ฉวินอารมณ์ดีมาก

เขารู้สึกว่าในที่สุดตนเองก็ได้รับการยอมรับเป็นพนักงานของเถิงต๋าอย่างเป็นทางการ

หม่าอี้ฉวินศึกษาดูงานอยู่สองเดือนเต็ม กว่าจะได้รับโอกาสให้ทำงานสำคัญ ดังนั้นเขาจึงให้ความสำคัญกับงานนี้มากๆ

เขาตั้งใจวางแนวเรื่องและเขียนเนื้อเรื่องๆ ต่างของอัปเดตใหม่ นอกจากนี้ยังช่วยปรับปรุงรายละเอียดเกมแม่ทัพผีที่หม่าหยางเขียนไปส่งๆ ด้วย

แน่นอนว่าเขาไม่ได้เขียนไปมั่วซั่ว แต่เขียนตามสไตล์ของแต่ละเกม

อย่างเกมแม่ทัพผีที่อิงจากเรื่องสามก๊ก มีเนื้อหามากมายให้เขาเขียนเกี่ยวกับแม่ทัพแต่ละคนได้

แต่ถ้าเขียนประวัติไปตามจริงก็จะไม่เข้ากับสไตล์ของเกม

ระหว่างที่แก้งานในส่วนนี้ หม่าอี้ฉวินพบว่าถึงคำอธิบายเดิมของแม่ทัพแต่ละคนจะดูเรียบง่าย แต่แนวคิดการออกแบบที่แฝงอยู่นั้นชัดเจนมาก ตรงกับสไตล์งานภาพสุดๆ!

เขารู้สึกยกย่องงานนี้ จึงไปถามดูว่าใครเป็นคนทำ

มารู้ที่หลังว่านักเขียนแรกเริ่มแซ่หม่าเหมือนกัน เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทกับบอสเผย ตอนนี้ไต่เต้าไปไกล ได้ย้ายจากธุรกิจเกมไปแสดงความสามารถในธุรกิจอื่น หม่าอี้ฉวินอิจฉาเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องนี้

ในที่สุดเขาก็ปรับงานให้ดีขึ้นโดยอ้างอิงจากแนวงานเดิม

นอกจากนี้หม่าอี้ฉวินยังตั้งใจเขียนบทบรรยายเกมฐานทัพกลางทะเลกับเกมนักออกแบบเกมให้ออกมาดีที่สุด

เขาไม่กล้าปล่อยให้มีจุดผิดพลาดเกิดขึ้นแม้แต่จุดเดียว เพราะนอกจากหัวหน้าฝ่ายวางแผนลู่หมิงเหลียงแล้ว งานของเขาอาจได้รับการตรวจสอบจากบอสเผยผู้เป็นนักออกแบบเกมฝีมือเยี่ยม

ถ้างานของเขาไม่ได้มาตรฐาน ถึงคนอื่นจะมองไม่ออก แต่บอสเผยต้องมองออกแน่ จะยอมเสี่ยงให้เป็นแบบนั้นไม่ได้

เขาไม่อยากเสียความไว้วางใจที่เพิ่งจะได้รับมาจากบอสเผยไปอย่างรวดเร็ว

พอทำงานทั้งหมดเสร็จ หม่าอี้ฉวินก็ถอนหายใจยาว

เขานึกถึงเพื่อนร่วมทุกข์ทั้งสองคน เฟยหวงสตูดิโอของหวงซื่อปั๋วกำลังไปได้ดี ตอนนี้ย้ายไปถ่ายทำงานใหม่ที่เซี่ยงไฮ้แล้ว ส่วนเยว่จือโจวก็ได้เป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผนของฉางหยางเกมส์ที่เขาเคยทำงาน ภายใต้การแนะนำแนวทางจากบอสเผย เยว่จือโจวสามารถชุบชีวิตเกมที่ตายไปแล้วขึ้นมาได้และสร้างชื่อให้กับเกมทั้งสองเกม หม่าอี้ฉวินรู้สึกประทับใจมากเมื่อคิดถึงเรื่องราวเหล่านี้

“ถ้ามองจากมุมนี้ บอสเผยถือเป็นผู้กอบกู้อุตสาหกรรมเกมของเมืองจิงโจวเลยนะเนี่ย!”

ยิ่งคิดหม่าอี้ฉวินก็ยิ่งรู้สึกประทับใจ

ระหว่างที่กำลังเลื่อนดูคอมเมนต์บนอินเทอร์เน็ต เขาก็พบว่า DLC ของพวกเขากลายเป็นกระแสร้อนแรงทั้งๆ ที่ยังไม่ได้วางจำหนาย

เกมโดดเดี่ยวเดียวดายกลางทะเลทรายที่มีโอกาสได้ตำแหน่งเกมกากที่สุดแห่งปีกำลังจะปล่อย DLC กากๆ ตัวใหม่ที่มัดรวมแผนที่ใหม่สิบแบบไว้ในชุดเดียว เรื่องนี้เป็นกระแสขนานใหญ่ ชาวเน็ตแชร์ต่อๆ กันอย่างร้อนแรง

เกมแม่ทัพผีเป็นเกมน้ำดีที่ไม่เคยอัปเดตมาเป็นหมื่นปี ทำให้มีคนตั้งหน้าตั้งตาคอยอัปเดตใหม่กันเพียบ

กระแสตอบรับของเกมนักออกแบบเกมไม่ค่อยร้อนแรงเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่เป็นเกมเสียดสีความเป็นจริง ผู้เล่นหลายคนจึงเลือกซื้อเกมนี้มาสะสมไว้ในคลังเกมของตัวเอง ถ้ามี DLC ตัวใหม่ที่เพิ่มฉากใหม่กับเสียงพากย์ใหม่ พวกเขาย่อมต้องซื้อมาไว้เพื่อยกระดับคลังสะสมของตัวเองอย่างแน่นอน

เกมที่มีการพูดถึงเยอะที่สุดคือเกมฐานทัพกลางทะเล

ตอนนี้ยังไม่มีภาพอาวุธในตำนานชิ้นใหม่หลุดออกไป แต่ข่าวเรื่องการจำกัดจำนวนขายแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว

ผู้เล่นหลายคนไม่เชื่อข่าวนี้ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง

บางคนสงสัยว่าอาวุธราคาแปดร้อยแปดสิบแปดหยวนจะขายได้ถึงห้าร้อยชิ้นจริงๆ เหรอ พวกเขาตั้งคำถามว่าผู้พัฒนาเกมคิดว่าจะดูดเงินผู้เล่นได้ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ จึงมองว่าการจำกัดจำนวนไม่ใช่เรื่องจำเป็นเลย

ผู้เล่นกลุ่มนี้ไม่ค่อยมีหัวคิดสักเท่าไหร่

บางคนอึ้งมากที่จำกัดจำนวนขายแค่ห้าร้อยชิ้น บริษัทไม่อยากได้เงินเยอะๆ เหรอ จำนวนแค่นี้ไม่กี่นาทีก็ขายหมด!

แต่เพราะข่าวนี้มีรายละเอียดที่ชัดเจนมาก ผู้เล่นบางส่วนจึงปักใจเชื่อ พวกเขาไม่ได้สนใจเนื้อหาใหม่ที่จะเพิ่มมาในอัปเดตเท่าไหร่ เพราะเอาแต่ตั้งตาคอยจะรีบจับจองอาวุธในตำนานชิ้นใหม่หลังมีการอัปเดต

พอเห็นเรื่องราวเป็นกระแสยกใหญ่ หม่าอี้ฉวินก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

รสชาติความสำเร็จมันเป็นแบบนี้นี่เอง!

ตอนยังทำงานที่ฉางหยางเกมส์ ผู้เล่นไม่ได้สนใจอัปเดตตัวใหม่ของเกมเลย มีฟีดแบ็กกลับมาแค่นิดหน่อย และเป็นคำติเตียนเสียส่วนใหญ่

หันกลับมามองบริษัทเถิงต๋า

ผู้เล่นเอาแต่อ้อนวอนขออัปเดตตัวใหม่กัน ยังไม่ทันจะปล่อยเนื้อหาของอัปเดตตัวใหม่ ผู้เล่นก็กำเงินกันไว้พร้อม

แตกต่างกันลิบลับ!

หม่าอี้ฉวินแทบอดใจรอดูไม่ไหวว่าหลังจากปล่อยอัปเดตออกไปจะเป็นยังไง

“ตืด…ตืด…”

เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะสั่น บนหน้าจอไม่ได้แจ้งว่าผู้โทรคือใคร มีแค่หมายเลขโทรศัพท์ที่ปรากฏอยู่

หม่าอี้ฉวินมองดูแล้วรู้สึกคุ้นๆ กับเบอร์บนหน้าจอ เขานึกลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกดตัดสายไป

พริบตาเดียวก็เที่ยงแล้ว

พนักงานส่งอาหารแต่งตัวดูดีสามคนมายืนรออยู่หน้าประตูบริษัท แต่ละคนมีกล่องส่งอาหารเก็บอุณหภูมิกล่องใหญ่คนละใบ

“หืม เปลี่ยนเครื่องแบบคนส่งอาหารเหรอ” หม่าอี้ฉวินอึ้งไป

เมื่อวานพนักงานส่งอาหารยังแต่งตัวสบายๆ ไม่ได้ใช้กล่องส่งอาหารเก็บอุณหภูมิ

แต่วันนี้คนพวกนี้ดูแปลกใหม่ไม่เหมือนเดิม!

พนักงานส่งอาหารทั้งสามคนใส่เครื่องแบบสีน้ำเงินเหลือง เครื่องแบบของพวกเขาแตกต่างจากเครื่องแบบปกติที่เป็นของราคาถูก คุณภาพต่ำ เครื่องแบบของทั้งสามใช้ผ้าคุณภาพดี ตัดเย็บอย่างประณีต ดูสวยทันสมัย

พนักงานส่งอาหารดูกระตือรือร้น พอมีเครื่องแบบกับกล่องส่งอาหารสั่งทำใหม่ก็ยิ่งทำให้ดูเป็นมืออาชีพขึ้นไปอีก

จุดเด่นที่เห็นได้ชัดคือคำว่าโมหยูเดลิเวอรี่ขนาดใหญ่!

พนักงานคนอื่นๆ ลุกขึ้นเตรียมออกไปรับอาหาร พวกเขาตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของพนักงานส่งอาหาร

แต่ยังไม่หมดแค่นั้น

เหล่าพนักงานเดินไปเตรียมกินอาหารเที่ยงที่โซนกินข้าว พวกเขาเห็นพนักงานส่งอาหารสามคนหยิบถ้วยชามลายครามสีขาวออกมาจากกล่องเก็บอุณหภูมิ แต่ละใบมีฝาปิดไว้อย่างมิดชิด

อาหารแต่ละอย่างจัดเสิร์ฟมาในถ้วยชามลายคราม บางคนสั่งเป็นชุดข้าวพร้อมกับ ซึ่งจัดใส่มาในกล่องอาหารแก้วใสสองชั้น แบ่งใส่ข้าวและกับเป็นส่วนๆ อาหารสะท้อนแสงเป็นประกาย ดูน่ากินยิ่งขึ้น

พนักงานส่งอาหารหยิบตะเกียบกับช้อนสีทองสุดหรูที่หุ้มด้วยถุงกระดาษปลอดเชื้อโรคออกมา แค่ดึงออกจากถุงก็พร้อมใช้งานทันที

พอทุกคนรับอาหารตามที่สั่งมาเรียบร้อย บางส่วนก็เดินไปรวมกลุ่มเปิดอาหารกินด้วยกัน

“บริษัทเพิ่มมาตรฐานอาหารให้เราเหรอ”

“ไม่นะ อาหารก็เหมือนเดิม ที่เปลี่ยนคือถ้วยชามที่ใส่มาต่างหาก!”

“จริงเหรอ เชฟคนเดิมงั้นเหรอ ทำไมฉันว่าอาหารมันน่ากินขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าเลย”

หม่าอี้ฉวินรับชุดอาหารของเขามา เป็นกล่องอาหารสองชั้น สัดส่วนของเนื้อกับผักเหมาะสมดี ไม่เหมือนพวกอาหารมันเยิ้มของร้านอาหารทั่วไป ถึงอาหารของพวกเขาจะเป็นอาหารบ้านๆ แต่พอเสิร์ฟมาในกล่องอาหารแก้ว อาหารก็ดูน่ากินยิ่งขึ้นไปอีกพอแสงตกกระทบใส่

ไม่นานพนักงานส่งอาหารก็จัดแจงอาหารทั้งหมดเสร็จ “กินให้อร่อยนะครับ เสร็จแล้วนำภาชนะกลับมาใส่กล่องได้เลย เดี๋ยวจะมีคนมาเก็บกลับไปตอนเย็นครับ”

“เก็บกลับด้วยเหรอ”

“ใช่ครับ เพราะภาชนะของเราราคาสูง”

“ก็จริง ขอบคุณทั้งสามคนมากนะ!”

“ความเป็นอยู่กับสวัสดิการของบริษัทนี้ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ…”

ครู่เดียวกลิ่นอาหารก็อบอวลไปทั่วโซนกินข้าว

หม่าอี้ฉวินสวาปามอาหารของตัวเอง เขารู้สึกว่านี่เป็นมื้ออาหารที่อร่อยที่สุดตั้งแต่เคยกินมา

เทียบกับร้านอื่นๆ แล้ว เถียงไม่ได้เลยจริงๆ ว่า ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูใส่เกลือกับน้ำมันน้อยกว่า วัตถุดิบก็สดสะอาดกว่า

ถึงรสชาติอาหารจะจืดกว่าและอร่อยน้อยกว่า แต่ก็ดีต่อสุขภาพมากๆ

ก่อนหน้านี้อาหารแพ็กมาส่งด้วยกล่องธรรมดา ถึงจะรสชาติดี แต่หน้าตาดูเหมือนอาหารราคาถูก เห็นแล้วรู้สึกเหมือนอาหารร้านริมถนนราคาสิบกว่าหยวน การกินอาหารผ่านกล่องพลาสติกและตะเกียบไม้ใช้แล้วทิ้งไม่ได้สร้างความจรรโลงใจให้พวกเขาเลย

“ตอนแรกฉันว่าจะทำอาหารห่อมากินเอง แต่ไม่เอาแล้ว ทำเองยังไงก็ไม่มีทางดีเท่านี้”

“สารอาหารครบ ดีต่อสุขภาพ กินแล้วไม่ต้องห่วงเรื่องสุขภาพเลย แถมยังเป็นเมนูพื้นๆ ทั่วไป กินยังไงก็ไม่เบื่อ โชคดีจริงๆ ที่ได้เป็นลูกน้องบอสเผย! ไม่น่าจะมีใครได้สวัสดิการดีเท่านี้อีก!”

“นายคิดว่าถ้าขายให้คนนอกจะราคาเท่าไหร่”

“ฉันว่าอย่างต่ำยี่สิบหยวน”

“ยี่สิบหยวนเอาเหรอ อย่าลืมนะว่าเขามาเก็บถ้วยชามกลับด้วย! ค่าแรงแพงกว่าเดลิเวอรี่เจ้าอื่นสองเท่า ฉันว่าต้องสักสามสิบหยวน”

“แพงไปหน่อยนะถ้าสามสิบหยวน แบบนั้นไม่น่าจะมีใครมาสั่งกินได้บ่อยๆ…”

“พวกแกพูดอะไรน่ะ อาหารพวกนี้คือสวัสดิการของพนักงานภายในบริษัท คิดว่าบอสเผยทำโรงทานเหรอ ทำไมบอสต้องขายของดีๆ แบบนี้ให้คนอื่นด้วย”

“แต่เห็นมีโลโก้โมหยูเดลิเวอรี่ด้วยนี่ ฉันว่าบอสต้องกำลังวางแผนทำแบรนด์เดลิเวอรี่อยู่แน่ๆ!”

หลินหวานถืออาหารชุดไปกินอย่างสุขใจ

ปกติเธอได้กินแต่อาหารหรูๆ ได้ลองกินอาหารพื้นๆ ที่ตระเตรียมมาอย่างประณีตแบบนี้ก็รู้สึกดีอยู่ไม่น้อย

เธอรู้สึกใจฟูระหว่างที่กิน

หกเดือนที่ผ่านมาที่เถิงต๋า หลินหวานรู้สึกประทับใจกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด

บอสเผยดูแลพนักงานดีจริงๆ! ทำไมโลกนี้ถึงไม่ใจดีกับบอสที่แสนจะจิตใจดีเลยนะ

หลินหวานตัดสินใจได้แล้ว เธอเลื่อนหาเบอร์โทรในมือถือ ตั้งใจว่าจะใช้พลังที่เธอมีทำอะไรสักอย่าง