ตอนที่ 171 ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง

เดิมพันเสน่หา

เหลิ่งรั่วปิงลังเลอยู่พักหนึ่ง ยืนกรานในความคิดตนเอง “ไม่จำเป็นค่ะ ฉันพักที่โรงแรมได้”

“คุณเดินทางมาจากต่างประเทศ เพื่อมาทำงานที่บริษัทหนานกง ถ้าผมไม่เตรียมที่พักให้คุณ คนอื่นก็คงหัวเราะเยาะกับสิ่งที่บริษัทหนานกงปฏิบัติต่อพนักงานไม่ใช่เหรอ” หนานกงเยี่ยจับมือเหลิ่งรั่วปิง เดินเข้าไปในวิลล่า “ครับ อย่าดื้อเลย เข้าไปข้างในกับผมก่อน”

ในเมื่อไม่เหลือที่ว่างให้ปฏิเสธ เหลิ่งรั่วปิงจึงทำได้เพียงเดินตามเข้าไป ทุกอย่างในห้องรับแขกยังคงเหมือนเดิม แม้แต่ต้นบอนไซจิ๋วที่เธอเลี้ยงไว้ก็ยังคงวางเอาไว้บนโต๊ะ ถึงแม้เธอจะเคยอยู่ที่นี่มานาน แต่กลับมาอีกครั้ง เธอยังคงรู้สึกไม่คุ้นชิ้น เหลิ่งรั่วปิงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไร

พ่อบ้านเดินมาถอดเสื้อกันหนาวให้กับหนานกงเยี่ย “คุณชายเยี่ย คุณกลับมาแล้วเหรอครับ”

“อืม” หนานกงเยี่ยชี้ไปที่เหลิ่งรั่วปิง “เธอคือคุณฉู่ ดูแลเธอให้ดี ผมขึ้นไปเอาเอกสารชั้นบนก่อน”

“ครับ” พ่อบ้านโค้งตัวลงอย่างนอบน้อม ยิ้มแล้วเดินมาหาเหลิ่งรั่วปิง “คุณฉู่ เชิญนั่งครับ”

เหลิ่งรั่วปิงนั่งลงบนโซฟา มองไปที่ต้นบอนไซด้วยความเหม่อลอย สาวใช้ในบ้านยกน้ำชามาเสิร์ริฟ

พ่อบ้านยืนอยู่ข้างๆ มองดูเหลิ่งรั่วปิงเงียบๆ รู้สึกคุ้นเคยกับเธออย่างบอกไม่ถูก คุณชายเยี่ยไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนมาที่นี่เรื่อยเปื่อย คุณฉู่เป็นใครมาจากไหนกันแน่

เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกได้ถึงสายตาพิจารณาของพ่อบ้าน เธอจึงเงยหน้าขึ้นแล้วหันไปมองเขา พ่อบ้านตกใจรีบโค้งตัวลง ไม่กล้าเสียมารยาท แม้ว่าจะสบตากันแค่ครั้งเดียว แต่ในใจของพ่อบ้านกลับมีความคิดหนึ่งขึ้นมา แววตาของคุณฉู่เหมือนกับของคุณเหลิ่งมาก

เมื่อก่อน คุณชายเยี่ยกินไม่ได้นอนไม่หลับ เอาแต่ทรมานตัวเองทุกวัน กลับมาจากประเทศเอ้าตูในครั้งนี้ พาคุณฉู่กลับมาด้วย คุณชายเยี่ยดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา หรือเป็นเพราะบุคลิกของคุณฉู่ที่คล้ายกับคุณเหลิ่ง คุณชายเยี่ยตามหาคุณเหลิ่งไม่เจอ จึงพาคุณฉู่กลับมาแทน?

“คุณฉู่คะ คุณชายเยี่ยเชิญคุณขึ้นไปชั้นบนค่ะ” สาวใช้เดินมาตรงหน้าเหลิ่งรั่วปิงด้วยความนอบน้อม “คุณชายเยี่ยบอกว่ามีเอกสารบางส่วนที่คุณอาจจะสนใจ”

เหลิ่งรั่วปิงขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเธอก็ลุกขึ้น ตอนนั้นเธอหนีไปจากเมืองหลงด้วยความฉุกละหุก เธอไม่ได้เอาอะไรไปทั้งนั้น รวมถึงคอมพิวเตอร์และหนังสือของเธอ ตอนนั้นเพื่อความสะดวกในการทำงาน ร่างการออกแบบทุกชิ้นของเธอล้วนบันทึกเอาไว้ในแฟลชไดร์ฟ ดังนั้นคอมพิวเตอร์จึงไม่ได้สำคัญกับเธอเท่าไรหร่

เดินไปถึงชั้นสอง สาวใช้เดินนำหน้าพาเหลิ่งรั่วปิงเข้าไปในห้องทำงานเก่าของเธอ หนานกงเยี่ยกำลังยืนพิงโต๊ะ “เมื่อก่อนผู้หญิงที่ผมรักเธอทำงานในห้องนี้ ถ้าคุณโอเค คุณสามารถพักที่นี่ได้และก็ใช้ห้องทำงานห้องนี้ได้นะครับ”

เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะ “ฉันจะพักที่นี่ได้ยังไงคะ”

หนานกงเยี่ยพยักหน้า รู้ว่าเขาไม่สามารถบีบบังคับเธอไม่ได้ เขาหัวเราะแล้วพูดขึ้น “ตามใจคุณครับ ทั้งหมดนี้เป็นอุปกรณ์ที่เธอคนนั้นเคยใช้ และยังมีหนังสือต่างๆ รวมถึงภาพร่างของแลนด์มาร์คเมืองหลงบางส่วน คุณเอาไปใช้ได้ทั้งหมดเลยครับ ส่วนคอมพิวเตอร์ของเธอมีรหัส ผมไม่อยากปลดล็อกค คุณเองก็คงไม่ได้ใช้มัน ผมจะสั่งให้คนเตรียมคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ให้คุณก็แล้วกันนะครับ”

เหลิ่งรั่วปิงมองดูรอบๆ ห้อง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนไปทั้งนั้น ของที่เมื่อก่อนเธอวางไว้ยังไง ตอนนี้ก็ยังคงวางไว้แบบนั้น ในห้องไม่มีฝุ่นเกาะแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่ามีคนคอยมาทำความสะอาดทุกวัน

ภายในใจของเธอรู้สึกตื้นตัน “ฉันใช้ของที่มีเจ้าของแล้ว คงไม่เหมาะเท่าไหร่มั้งคะ”

“ไม่หรอกครับ ผมเคยบอกแล้วไง ขอแค่คุณยินดี คุณก็คือเธอ”

แววตาของหนานกงเยี่ยเป็นประกาย เหลิ่งรั่วปิงหลบสายตาของเขา เธอเข้าใจมาโดยตลอดว่าหนานกงเยี่ยไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร ดังนั้นเธอจึงไม่เข้าใจความหมายที่แฝงเอาไว้ในคำพูดของเขา เหลิ่งรั่วปิงคลี่ยิ้ม “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณคุณหนานกงมากนะคะ”

“ครับ ส่วนของพวกนี้ผมจะสั่งให้คนเก็บให้เรียบร้อย แล้วส่งไปที่คอนโดของคุณนะครับ”

เดินออกมาจากห้องทำงาน หนานกงเยี่ยอยากพาเหลิ่งรั่วปิงไปที่ห้องนอนของเธอมาก หวังว่าเธอจะคิดถึงวันเก่าๆ แต่เขาไม่มีเหตุผลดีๆ ที่จะพาเธอไป ดังนั้นหนานกงเยี่ยจึงถอดใจจากเรื่องนี้ พวกเขาเดินลงไปชั้นล่าง หนานกงเยี่ยขับรถมาส่งเหลิ่งรั่วปิงไปที่คอนโดมิเนียมที่เขาเตรียมเอาไว้

คอนโดมิเนียมอยู่ห่างจากวิลล่าหย่าเก๋อไม่มาก ขับรถประมาณสิบนาทีก็ถึง ความคิดของหนานกงเยี่ยเรียบง่ายมาก สาเหตุที่เขาให้เธอพักที่นี่ เป็นเพราะเวลาไปทำงานและเลิกงาน เขายังสามารถรับส่งเธอได้

คอนโดมิเนียมนี้เป็นหนึ่งในคอนโดมิเนียมหรูของเมืองหลง สิ่งแวดล้อมภายนอกเงียบสงบ มีพื้นที่สีเขียวบริเวณกว้าง ด้านในมีการตกแต่งอย่างหรูหรา ภายในห้องมีทั้งห้องนอน ห้องครัว ห้องรับแขก ห้องทำงาน ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำและห้องแต่งตัวครบถ้วน ทั้งยังมีระเบียงขนาดใหญ่ การตกแต่งที่หรูหราเหมาะสำหรับคนมีฐานะ

เหลิ่งรั่วปิงชอบมาก

เข้ามาในห้อง เธอเก็บข้าวของเรียบร้อย ไม่มีทีท่าจะรั้งให้หนานกงเยี่ยอยู่ต่อ “คุณหนานกง ขอบคุณมากนะคะ ฉันไม่รบกวนเวลาคุณแล้วค่ะ”

หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วเป็นปม ดูจากสีหน้าของเธอแล้ว เหมือนเหลิ่งรั่วปิงอยากจะให้เขารีบหายไปจากชีวิตของเธอ แต่เขาจะอยากกลับไปได้ยังไงล่ะ หนานกงเยี่ยพูดด้วยความหน้าหนา “คุณช่วยทำอาหารให้ผมกินสักมื้อได้ไหมครับ”

“คะ?” เหลิ่งรั่วปิงขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าผู้ชายตรงหน้าเป็นบ้าอะไรขึ้นมา

“ผมอยากกินไก่ตุ๋นเห็ด” หนานกงเยี่ยชี้ไปที่ห้องครัว “ในตู้เย็นมีวัตถุดิบครบ คุณทำให้ผมกินหน่อยสิครับ ผมขอตัวไปทำงานที่ห้องทำงานก่อน คุณทำเสร็จแล้วเรียกผมนะครับ”

พูดจบ ไม่รอให้เหลิ่งรั่วปิงแสดงความคิดเห็น เขาก็ตรงดิ่งไปที่ห้องทำงาน เปิดคอมพิวเตอร์ ทำงานทันที

“!!!” หน้าผากของเหลิ่งรั่วปิงมีขีดสามขีด เธอไม่สามารถไล่เขาออกไปไม่ได้ จึงทำได้เพียงกัดฟันกรอด เดินเข้าไปในห้องครัว

หนานกงเยี่ยแอบมองไปที่ห้องครัว มุมปากกระตุกยิ้มด้วยความพอใจ

หลังจากเหลิ่งรั่วปิงล้างข้าวสารเสร็จ เธอก็นำไปหุง จากนั้นหยิบเนื้อไก่ออกมาล้างให้สะอาด ใส่เข้าไปในหม้อตุ๋น ขณะที่รอเนื้อไก่สุก เธอก็เดินไปที่ห้องนอนแล้วกดโทรหาไซ่ตี้จวิ้น เพื่อรายงานความปลอดภัย

“ฉันถึงเมืองหลงแล้วนะคะ ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ”

“…”

“อืม ระหว่างทางเครื่องบินขัดข้องนิดหน่อย ต้องกระโดดร่มลงมา ทำให้เสียเวลาไปมาก”

“…”

“ค่ะ สบายดีค่ะ เรื่องที่พัก ฉันพักในคอนโดที่บริษัทเตรียมเอาไว้ให้ค่ะ”

“…”

“คุณสบายใจได้นะคะ ฉันจะรีบทำโปรเจคนี้ให้เสร็จแล้วกลับประเทศเอ้าตูทันที”

“…”

“ค่ะ ฉันก็คิดถึงคุณเหมือนกัน ไว้เจอกันนะคะ”

หลังจากวางสาย เหลิ่งรั่วปิงก็เดินกลับเข้าไปทำอาหารในห้องครัว ทว่าหนานกงเยี่ยที่นั่งทำงานในห้องทำงาน กลับโมโหขึ้นมาสุดขีด มือที่วางอยู่บนคอมพิวเตอร์กำหมัดแน่น คิ้วขมวดเป็นปม สีหน้าของเขาไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก

เขาทนเห็นผู้ชายคนไหนเข้ามายุ่งในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเหลิ่งรั่วปิงไม่ได้ เขาจะต้องถอนรากถอนโคลนไซ่ตี้จวิ้น!

ตอนที่ตุ๋นไก่เสร็จ ก็ถึงมื้อเที่ยงพอดี เหลิ่งรั่วปิงยกอาหารมาวางบนโต๊ะด้วยความไม่เต็มใจ จากนั้นเดินไปที่ประตูห้องทำงาน “คุณหนานกง อาหารเรียบร้อยแล้วค่ะ”

เธอคือฉู่หนิงซยา ไม่ใช่เหลิ่งรั่วปิง เธอไม่มีเหตุผลในการทำเรื่องพวกนี้ให้เขา ผู้ชายคนนี้ไร้ยางอายจริงๆ!

“ครับ”

หนานกงเยี่ยปิดคอมพิวเตอร์ หันกลับมาหาเธอด้วยรอยยิ้ม แต่เหลิ่งรั่วปิงกลับไม่ให้โอกาสเขาในการทำตัวน่ารัก เขายังไม่ทันคลี่ยิ้ม เธอก็กลรอกตามองบนให้เขา แล้วหันหลังเดินออกไป หนานกงเยี่ยยักไหล่ เดินตามออกไป สำหรับท่าทีหงุดหงิดและโมโหของเธอ เขารู้สึกชอบมาก

เมื่อก่อนเวลากินข้าวด้วยกัน เขาจะนั่งอยู่ข้างๆ เธอ คอยตักอาหารให้เธอตลอดเวลา หรือไม่ก็มองหน้าเธอและหอมแก้มเธอ แต่ตอนนี้เขากลับต้องนั่งฝั่งตรงข้ามกับเธอ ทำให้เขารู้สึกว่าอยู่ไกลจากเหลิ่งรั่วปิงมาก แต่เขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะนั่งข้างเธอ หนานกงเยี่ยทำได้แค่อดทน ครุ่นคิดในใจ หลังจากง้อเธอสำเร็จ เวลากินข้าว เขาจะกอดเธอเอาไว้ เพื่อชดเชยความทรมานที่เกิดขึ้นในตอนนี้

เหลิ่งรั่วปิงไม่สนใจเขาเลย เธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินอาหารในถ้วยตนเอง ไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าหนานกงเยี่ย ทว่าถึงอย่างนั้นหนานกงเยี่ยกลับไม่ได้รู้สึกประหม่าที่ถูกเธอเมิน เขากินอาหารฝีมือเธออย่างมีความสุข กินไปด้วยและแอบมองเธอไปด้วย มุมปากของเขามีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา

“คุณฉู่หนิงซยา คืนนี้คุณไปร่วมงานกับผมหน่อยสิ”

เหลิ่งรั่วปิงชะงัก ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา ปฎิเสธด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณหนานกง ฉันมาเมืองหลงเพราะต้องการออกแบบแลนด์มาร์คเมืองหลง ไม่ใช่ผู้หญิงคนใหม่ของคุณ ฉันไม่มีหน้าที่และความจำเป็นในการในไปงานเลี้ยงกับคุณ ไฮโซสาวและดาราแนวหน้าตั้งมากมายที่อยากควงคุณไป คุณเลือกมาสักคนก็จบแล้ว ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”

หนานกงเยี่ยยกมือทั้งสองข้างขึ้นเท้าคาง มองไปที่ผู้หญิงสวยตรงหน้า “เพื่อนสนิทของผมมู่เฉิงซี ช่วงนี้แฟนของมันจัดนิทรรศการภาพวาด ผมได้ยินมาว่าประสบความสำเร็จมาก มู่เฉิงซีก็เลยอยากพาแฟนไปฉลองที่ไนท์คลับเฟิ่งหวงไถ เมื่อก่อนแฟนของมันกับเหลิ่งรั่วปิงสนิทกันมาก ผมคิดว่าถ้าเวินอี๋ได้เจอคุณต้องดีใจมากแน่ๆ”

พูดจบ หนานกงเยี่ยก้มหน้าลง แม้จะเป็นเหตุผลไร้สาระ ต่อให้จะไร้สาระแค่ไหน แต่เขารู้ดีว่าเหลิ่งรั่วปิงต้องติดกับอย่างแน่นอน

เป็นจริงตามนั้น หลังจากเหลิ่งรั่วปิงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งเธอก็ตกลง “ได้ค่ะ คืนนี้กี่โมงคะ”

ไม่ได้เจอเวินอี๋มานานแล้ว เหลิ่งรั่วปิงคิดถึงเธอมาก อีกทั้งการศึกษาของเวินอี๋ก็ไม่ได้สูงมาก ก่อนหน้านี้เธอทำงานที่เสิ้งหวา แต่น่าเสียดายที่เสิ้งหวาถูกไฟไหม้เสียหายหมดแล้ว เวินอี๋จึงว่างงานมาโดยตลอด ตอนนี้เวินอี๋เรียนวาดรูปและละจัดงานนิทรรศการแล้ว ถือว่าชีวิตของเวินอี๋มีความหมายมากขึ้น เหลิ่งรั่วปิงอยากจะฉลองให้เธอ

หนานกงเยี่ยยิ้มร่า “หนึ่งทุ่มครับ คุณรอผมที่นี่นะ เดี๋ยวผมมารับเอง”

“ค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงไม่สนใจหนานกงเยี่ย เธอก้มหน้าลงกินอาหารต่อ

อาหารมื้อนี้ หนานกงเยี่ยกินอย่างมีความสุข ข้อหนึ่ง เป็นเพราะเหลิ่งรั่วปิงเป็นคนทำด้วยตนเอง ข้อสอง เป็นเพราะคืนนี้เธอตกลงจะออกไปกับเขา มันทำให้เขารู้สึกว่าทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน

หลังจากกินข้าวเสร็จ หนานกงเยี่ยก็รีบออกไป ที่บริษัทมีงานสำคัญที่เขาต้องจัดการ ระหว่างทางไปบริษัท เขาโทรหามู่เฉิงซี “นิทรรศการภาพวาดของเวินอี๋ประสบความสำเร็จดีไม่ใช่เหรอ คืนนี้ไปฉลองกันที่ไนท์คลับเฟิ่งหวงไถกันเถอะ เดี๋ยวฉันเป็นเจ้ามือเอง”

มู่เฉิงซีตกใจมาก “หนานกง แก…แกไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

หลายเดือนที่ผ่านมานี้ หนานกงเยี่ยเอาแต่ทรมานตัวเอง เขาทำให้คนรอบข้างแทบบ้า ทำไมการไปประเทศเอ้าตูในครั้งนี้ ถึงทำให้เสียงของเขาฟังดูมีความสุขขึ้นมาก ทั้งยังเป็นฝ่ายเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงฉลองให้กับเวินอี๋อีกด้วย หรือว่าเสียใจจนบ้าไปแล้ว

หนานกงเยี่ยเม้มปาก “แกอยากให้ฉันเป็นอะไรหรือไง”

“เปล่า แกไม่ทรมานตัวเองเพราะเหลิ่งรั่วปิงแล้วเหรอ”

หนานกงเยี่ยหัวเราะเสียงดัง “เธอกลับมาแล้ว”

“อะไรนะ?!” มู่เฉิงซีตกใจจนเกือบทำโทรศัพท์ตก เขาคิดไม่ถึงจริงๆ เหลิ่งรั่วปิงที่ตัดสินใจเด็ดขาดขนาดนั้น ยอมกลับมาเมืองหลงง่ายๆ นี่ไม่เหมือนเธอเลย

“ตอนนี้รั่วปิงใส่หน้ากากเอาไว้ เธอใช้ตัวตนใหม่ ชื่อฉู่หนิงซยา เป็นน้องสาวของหมอศัลยกรรมชื่อฉู่เทียนรุ่ยที่มีชื่อเสียงระดับโลกฉู่เทียนรุ่ย ดังนั้นพวกแกต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเธอ”