แววตาของกู้ชูหน่วนแวววับ นางกะพริบตาอย่างใสซื่อแล้วเอ่ยอย่างช่วยไม่ได้ “เมื่อคืนหม่อมฉันถูกลอบสังหารหลายครั้ง ระหว่างหลบหนีหยกพระจันทร์เสี้ยวจึงหลุดลงมา จากนั้น… มันเลยแตก”

พระพันปีเวียนพระเศียรและเกือบจะล้มลง พระนางชี้ไปที่กู้ชูหน่วนอย่างกริ้วโกรธและตรัสอะไรไม่ได้อยู่เป็นนาน

ที่กู้ชูหน่วนพูดมาก็มีเหตุผล นางเอ่ยอย่างจริงใจซื่อสัตย์ว่า “พระพันปีเพคะ นึกไม่ถึงเลยว่าคนพวกนั้นจะกล้าลอบสังหารนักเรียนจากสำนักศึกษาวังหลวงตามอำเภอใจ ทั้งที่อยู่ภายใต้สายพระเนตรขององค์จักรพรรดิ นี่นับเป็นการเหยียดหยามฝ่าบาทและพระพันปี เหยียดหยามกฎหมายบ้านเมืองของรัฐเยี่ย และที่น่ารังเกียจที่สุดก็คือการทำให้หยกพระจันทร์เสี้ยวที่องค์จักรพรรดิพระองค์ก่อนประทานให้องค์หญิงตังตังถูกทำลาย ขอพระพันปีโปรดจับกุมมือสังหารแล้วลงโทษอย่างถึงที่สุดด้วยเพคะ”

“สามหาว กู้ชูหน่วน หยกพระจันทร์เสี้ยวได้รับความเสียหายตอนที่อยู่ในมือของเจ้า เจ้าอย่าได้คิดแก้ตัว ทหาร จับตัวผู้หญิงคนนี้ให้ข้า”

พระพันปีทรงพิโรธหนัก ผู้คนในสำนักศึกษาวังหลวงต่างตื่นตระหนก หลายคนถึงกับคุกเข่าลงกับพื้น

เซี่ยวอวี่เซวียนรีบกล่าวว่า “กราบทูลพระพันปี เมื่อคืนมีมือสังหารหลายคนไล่ตามแม่สาวอัปลักษณ์จริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะนางวิ่งเร็ว เกรงว่านางคงจะตายไปนานแล้ว การที่หยกพระจันทร์เสี้ยวเสียหาย นางไม่ควรถูกลงโทษเลยพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าจะลงโทษคน มันใช่เวลาที่เจ้าจะมาพูดหรืออย่างไร”

พระพันปีที่ปกติอ่อนโยนและสุภาพเยือกเย็นเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เวลานี้พระนางพิโรธสุดขีด ในพระเนตรมีประกายแห่งความโหดร้ายที่ทำให้ทุกคนหวาดกลัว

ทุกคนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเซี่ยวอวี่เซวียนพูดอะไรอีกสักคำหนึ่ง แม้แต่เขาก็คงจะโดนหางเลขไปด้วย

บางคนกำลังดูอย่างสนุก บางคนเป็นกังวล ทว่าสิ่งที่ทุกคนคิดไม่ถึงก็คือคนที่เอ่ยปากขอความเมตตาเป็นคนต่อมาจะเป็นท่านอาจารย์หรง

อาจารย์หรงเอ่ยอย่างนอบน้อม “กราบทูลพระพันปี เพื่อระฆังวิญญาณสะบั้น คนเลวเหล่านั้นถึงกับลอบทำร้ายคุณหนูสามตระกูลกู้อย่างโจ่งแจ้ง คุณหนูสามไม่มีวรยุทธ แค่จะหลบหนีออกมาก็ยากแล้ว ที่หยกพระจันทร์เสี้ยวเสียหายก็นับเป็นความรับผิดชอบของนาง แต่ถ้าจะหาคนทำผิดจริงๆ ก็ต้องเป็นคนเลวพวกนั้น ขอพระพันปีโปรดทรงลงโทษสถานเบาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

กู้ชูหน่วนประหลาดใจเล็กน้อย นางกับอาจารย์หรงเข้ากันไม่ได้ นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะขอร้องเพื่อนาง

ทว่าประโยคสุดท้ายนั้น นางฟังอย่างไรก็ไม่สบายใจ

อาจารย์จากสำนักศึกษาวังหลวงเปิดปากขอร้องเช่นนี้ ความจริงพระพันปีควรจะให้เกียรติเขา ทว่าคราวนี้พระพันปีทรงโกรธจัดและตัดสินใจโยนความผิดทั้งหมดให้กู้ชูหน่วน พระนางจึงไม่ฟังคำพูดของท่านอาจารย์หรงเลย

“ข้ารู้แค่ว่าหยกพระจันทร์เสี้ยวเสียหายขณะที่อยู่ในครอบครองของนาง ถ้านางเก็บรักษาให้ข้าไม่ได้ก็ไม่ควรเอาติดตัวไปตั้งแต่แรก ยิ่งไปกว่านั้นหยกพระจันทร์เสี้ยวยังหักไปแล้ว นางยังมีหน้ามาขอเงินห้าสิบล้านตำลึงจากข้าอีก”

คิดว่าเงินของพระนางหล่นลงมาจากฟ้าหรืออย่างไร

ได้ยินดังนั้นกู้ชูหน่วนก็ยิ่งทำตัวใสซื่อ “พระพันปีเพคะ เมื่อครู่หม่อมฉันถามพระองค์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าพระองค์จะเสียใจหรือไม่ แต่พระองค์ตรัสว่าไม่ แล้วเช่นนี้จะตำหนิหม่อมฉันได้อย่างไรเพคะ อีกอย่าง พระองค์ก็ไม่ได้บอกนี่นาว่าจะต้องคืนหยกพระจันทร์เสี้ยวที่สมบูรณ์”

ทุกคนตัวสั่นสะท้าน แม้แต่อาจารย์หรงยังต้องปาดเหงื่อ

เวลานี้พระพันปีทรงกริ้วมาก นางยังกล้าเถียงหัวชนฝา นี่นางไม่คิดจะมีชีวิตแล้วหรืออย่างไร

ณ ที่แห่งนั้นมีเพียงอาจารย์ซั่งกวนผู้เดียวที่ยังสงบนิ่ง ราวกับว่าเรื่องทุกอย่างไม่เกี่ยวข้องกับเขาและเขาเป็นเพียงผู้ที่มาชมการแสดงเท่านั้น

“ดี ดีมาก เจ้าคิดว่าชนะที่หนึ่งในการชุมนุมแข่งขันวิชาการแล้วจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาหรือกำเริบเสิบสานอย่างไรก็ได้งั้นหรือ ข้าไม่สนว่าเจ้าจะอยู่ในฐานะอะไร ถ้าคราวนี้ไม่ได้ลงโทษเจ้าสถานหนัก ก็ยากที่จะปัดเป่าความคับแค้นในใจข้า ทหาร มาพาตัวนางไป”

ขณะที่เซี่ยวอวี่เซวียนและคนอื่นๆ กำลังเป็นกังวล อุณหภูมิภายในสำนักศึกษาก็ลดลงอย่างประหลาด เกิดความรู้สึกกดดันบางอย่างขึ้นมาจนทุกคนอดไม่ได้ที่หมอบลงไป

นี่คือการข่มขวัญของผู้ที่มีความเป็นเลิศ ทั้งยังเป็นการข่มขวัญของผู้ที่อยู่เหนือคนทั้งมวล

“ใครกล้าพาตัวพระชายาของข้าไป”

กลิ่นอายที่รุนแรงแบบนี้…