ตอนที่ 179 เติมไฟ

ปฏิญญาค่าแค้น

“เอ้อร์เส้าหน่ายนายเจ้าคะ ต้องการให้เติมน้ำร้อนลงไปอีกหน่อยหรือไม่เจ้าคะ” หยินหลิ่วเอ่ยถามหลังทดสอบความอุ่นของน้ำ

หลินหลันช้อนกลีบดอกกุหลาบขึ้นมาลูบไล้บนท่อนแขนแล้วกล่าวด้วยความพึงใจพอ “ไม่ต้องแล้วละ เช่นนี้กำลังพอดี”

หลายวันมานี้เหน็ดเหนื่อยเอาการ นอกจากกิจการภายในร้านยาที่เฟื่องฟูอย่างยิ่ง นางยังต้องวิ่งออกตรวจทั่วสารทิศ จนตอนนี้นางกลายเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านความงามของบรรดาภรรยาขุนนางจำนวนหลายท่านจนอยากจะแยกร่างให้รู้แล้วรู้รอด นอกจากนั้นยังต้องผลิตยาเป่าหนิง ยาเก้าพันเม็ดแลกมาด้วยป้ายทองคำพระราชทาน ทำให้นางแอบรู้สึกละอายแก่ใจอยู่ลึกๆ ดังนั้นครั้งนี้นางจึงตั้งใจว่าจะเพิ่มปริมาณยาส่งตามไปอีกเก้าพันเม็ด

“เอ้อร์เส้าหน่ายนายเจ้าคะ กิจการร้านยาของพวกเราแม้ว่าจะเป็นไปด้วยดี ทว่าเพิ่งเปิดกิจการเพียงเดือนเดียวก็บริจาคยาจำนวนมากถึงเพียงนี้แล้ว อีกทั้งคนเหล่านั้นที่ไม่มีเงินชำระค่ายา ท่านก็ให้พวกเขาไปเปล่าๆ ทำไปทำมากลายเป็นว่าผู้ที่ไม่มีเงินล้วนแห่กันมารักษาที่ร้านยาของพวกเรากันหมด หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ จะมิขาดทุนแย่หรือเจ้าคะ” หยินหลิ่วพูดพร่ำไปเรื่อยเปื่อยพลางหยิบเศษผ้ามาช่วยขัดถูบ่าให้นายหญิง

หลินหลันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็แค่ทำตามคำสั่งสอนของท่านอาจารย์ที่ว่าช่วยชีวิตมนุษย์ก็เท่ากับการช่วยโลกอย่างไรเล่า! หรือจะให้ข้าทนดูคนยากคนจนเพราะไม่มีเงินจึงต้องกล้ำกลืนฝืนทนอาการเจ็บไข้ได้ป่วยและเสียชีวิตไปด้วยเหตุนี้หรือ”

“ทว่าคนยากคนจนใต้หล้ามีมากมายถึงเพียงนี้ เอ้อร์เส้าหน่ายนายจะช่วยเหลือไหวหรือเจ้าคะ ไม่แน่ว่าบางคนอาจแสร้งทำเป็นยากจนเพื่อมากอบโกยยาไปเปล่าๆ ก็ได้นะเจ้าคะ” หยินหลิ่วกล่าวเชิงโต้แย้ง

หลินหลันครุ่นคิดอย่างเงียบๆ “ที่เจ้ากล่าวมาก็มีเหตุผลเช่นกัน ทว่าความตั้งใจแรกของข้าที่เปิดร้านยาก็ไม่คิดจะเอาเงินจากคนยากคนจนอยู่แล้ว ส่วนพวกแสร้งทำก็คงมีจำนวนไม่เท่าไหร่หรอก เจ้าวางใจเถิด! ข้าเองก็รู้จักประมาณอยู่ ถึงจะเป็นคนดีแต่ก็ต้องอยู่ในขอบเขตที่ข้ารับไหวด้วยเช่นกัน”

“หยินหลิ่ว นายหญิงเจ้าฉลาดหลักแหลมเสียยิ่งกว่าอะไร! มีหรือจะทำให้กิจการขาดทุนไปได้” หลี่หมิงอวินเลิกผ้าม่านขึ้นแล้วเดินเข้ามา

หลินหลันรีบมุดเรือนร่างดำดิ่งลงลึกกว่าเดิม นางขมวดคิ้วขณะกล่าวออกไป “เจ้าเข้ามาได้อย่างไรกัน ข้ากำลังแช่น้ำอยู่นะ!”

หยินหลิ่วร้องขึ้นทันที “ไอ้หยา! ข้าน้อยลืมไปสนิทเลยว่าแม่โจวให้ข้าน้อยไปหาครู่หนึ่งเจ้าค่ะ!” นางกล่าวพลางลุกขึ้นยืนแล้วหันไปคารวะให้นายน้อย ก่อนจะถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

“เอ๊ะ! ข้ายังอาบไม่เสร็จนะ!” หลินหลันส่งเสียงตะโกน ทว่าเสียงตอบกลับของนางดันเป็นเสียงประตูที่ปิดลงอย่างช้าๆ ดัง ‘แอ๊ด’ หลินหลันจึงได้แต่ตำหนิอยู่ภายในใจ เจ้าเด็กทรยศคนนี้นี่จริงๆ เลย

หลี่หมิงอวินกล่าวด้วยสีหน้าเบิกบาน “นับวันหยินหลิ่วยิ่งมีไหวพริบมากขึ้นเรื่อยๆ เสียแล้วสิ”

หลินหลันกลอกตามองบนใส่เขา “วันนี้ท่านพ่อไม่มีเรื่องสำคัญอันใดพูดคุยกับเจ้าหรือ ถึงได้ส่งเจ้ากลับมาแต่หัววันเพียงนี้ได้”

“ท่านพ่อมีแขกมาเยี่ยมเยียนก็เลยให้ข้ากับพี่ใหญ่กลับมาก่อน” หลี่หมิงอวินก้าวลงอ่างน้ำหลังปลดเปลื้องเสื้อผ้าเป็นที่เรียบร้อยระหว่างเอ่ยตอบ

หลินหลันขยับตัวหนีพลางบ่นอุบ “อยากจะแช่น้ำให้สบายๆ สักหน่อยก็ไม่ได้”

หลี่หมิงอวินดึงผ้าม่านลงมาปิดอย่างดิบดี ก่อนจะเผยสีหน้าทะเล้นอย่างไม่ปิดบัง “สามีช่วยปรนนิบัติเจ้าไม่ดีกว่าหรือ ได้รับการปรนนิบัติเช่นนี้ทั้งที เจ้าก็ควรเพลิดเพลินไปกับมันสิ”

หลินหลันใช้มือผลักเขา “ไปเลยๆๆ อยู่ให้ห่างจากข้าหน่อย เราต่างคนต่างแช่ต่างคนต่างอาบจะดีกว่า”

หลี่หมิงอวินหลุดหัวเราะ “ข้ามิได้จะกินเจ้าเสียหน่อย และต่อให้จะกิน ก็เป็นเจ้าที่กินข้าต่างหาก”

หลินหลันหน้าแดงระเรื่อทันที นางจ้องเขม็งใส่เขาแล้วบ่นพึมพำ “นับวันยิ่งทะเล้นเข้าไปใหญ่”

“เจ้าคิดไปถึงไหนแล้วหรือ มิใช่ว่าทุกครั้งเป็นเจ้าที่กัดข้าหรอกหรือ เจ้าดูสิ นี่ยังมีหลักฐานอยู่เลย” หลี่หมิงอวินชี้ไปที่บริเวณบ่าของเขาที่มีรอยฟันกลมๆ เพื่อแสดงหลักฐานความไร้เดียงสาของเขา และเป็นใครบางคนที่นึกคิดไปในทางไม่บริสุทธิ์เองต่างหาก

หลินหลันสาดน้ำใส่หน้าเขาด้วยความรู้สึกอับอาย “นี่แน่ะ นี่แน่ะ…”

หลี่หมิงอวินอาศัยจังหวะนี้คว้าตัวนางเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดพลางส่งเสียงหัวเราะร่าก่อนกล่าวขึ้น “เอาละๆ ไม่แกล้งแล้ว ข้ามีเรื่องสำคัญจะเล่าให้เจ้าฟังด้วย”

“เชอะ! ช่วยหยิบยกเรื่องสำคัญมาอ้างต่อข้าให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ” หลินหลันยังคงขัดขืน

หลี่หมิงอวินกล่าวเชิงตักเตือนด้วยเสียงเคร่งขรึม “อย่าเที่ยวขยับไปทั่วสิ! เกิดชนวนเพลิงดันจุดติดขึ้นมาข้ามิรับผิดชอบด้วยนะ”

เมื่อสัมผัสถึงความแข็งแกร่งส่วนล่างที่ชูชันขึ้น หลินหลันจึงไม่กล้าขัดขืนอีกต่อไป นางได้แต่จับบ่าของเขาเพื่อรักษาระยะห่างเอาไว้ “มิใช่เจ้าเอ่ยว่ามีเรื่องสำคัญจะพูดหรอกหรือ ข้าล้างหูรอเจ้าแล้วนี่อย่างไร รีบเอ่ยมาเร็วเข้า”

หลี่หมิงอวินมองดูผิวขาวเนียนผุดผ่องของนางที่เป็นสีชมพูระเรื่อทั่วเรือนร่าง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางเขินอายหรือถูกไอร้อนของน้ำกันแน่ แต่มันช่างชวนให้หลงใหลเป็นพิเศษ และเมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกสองวันจะเป็นวันที่รอบเดือนของนางมาเยือน เขาจึงอดรู้สึกหื่นกระหายขึ้นมามิได้ ทว่า…พูดเรื่องสำคัญก่อนแล้วกัน!

“วันสองวันมานี้ แม่มดชราให้นายซุนเที่ยวไปถามไถ่เรื่องนายกู่ทั่วสารทิศ” หลี่หมิงอวินบอกกล่าว

นี่นับว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งจริงๆ ด้วย! หลินหลันครุ่นคิดก่อนกล่าวขึ้น “นางเริ่มร้อนรนใจแล้วกระมัง!”

“ต้องร้อนรนอยู่แล้ว เพียงแต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าที่นางร้อนใจเป็นเพราะตัวนางเองที่เร่งรีบหรือเป็นเพราะได้ยินข่าวลืออันใดมากันแน่ คร่าวๆ คือวันนั้นในงานเลี้ยงฉลองครบรอบวันคล้ายวันเกิดของท่านหญิงชราเก๋อ แม่มดชรากลับมาก่อนตั้งแต่งานเลี้ยงยังไม่ทันเริ่ม จากคำบอกกล่าวของผู้เฝ้าประตู แม่มดชรากลับเข้ามาพร้อมสีหน้าไม่สู้ดีอย่างยิ่ง ทั้งยังเอ่ยเรียกนายซุนให้เข้าไปพบทันที” หลี่หมิงอวินกล่าวพลางขมวดคิ้ว

“พอได้ยินเจ้าเอ่ยเช่นนี้ ข้ากลับนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เมื่อวานข้าไปจวนของใต้เท้าชิว บุตรสาวของตระกูลชิวพูดคุยกับข้าด้วยความไม่พอใจว่าหมิงจูกล่าวถึงข้าในแง่เสียๆ หายๆ ต่อหน้าคุณหนูกลุ่มหนึ่ง ต่อมาภายหลังนางถูกจื่อชิ่งกับอู่หยางจวิ้นจู่อะไรนั่นสั่งสอนอย่างแรงไปหนึ่งยก นอกจากนั้นอู่หยางจวิ้นจู่ยังกำชับบุตรสาวตระกูลหวงว่าจะเชื่อมมิตรกับสหายสักคนต้องระมัดระวังเอาไว้ให้มากๆ และเอ่ยคำพูดประเภทที่ว่าภายภาคหน้าตระกูลใดสู่ขอหมิงจูแต่งงานเข้าไปอยู่ด้วยคงต้องเป็นอันเผชิญหายนะ” หลินหลันบอกกล่าวเท่าที่ระลึกได้ เผยจื่อชิ่งผู้นี้ก็เหลือเกิน มีเรื่องน่าสนุกๆ ถึงเพียงนี้กลับไม่บอกกล่าวนางสักคำ ทั้งๆ ที่นางเองก็ไปๆ มาๆ บ้านตระกูลเผยทุกวี่ทุกวัน หลี่หมิงจูหนอหลี่หมิงจู ข้าไม่หาเรื่องเจ้า แต่เจ้าก็ดันพาตนเองไปหาเรื่องจนได้ แล้วจะให้ข้าช่วยเจ้าพูดอันใดถึงจะดีล่ะ สรุปแล้วเจ้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพ่อหลี่ผู้ไร้ยางอายหรือไม่นะ ถึงได้ทำเรื่องโง่เขลาเหล่านี้อยู่เรื่อย

“หวงเสี่ยวเจี่ยะ หวงเสี่ยวเจี่ยะของตระกูลไหนหรือ” หลี่หมิงอวินเอ่ยถาม

หลินหลันครุ่นคิด “เหมือนจะเป็นบุตรสาวของใต้เท้าหวงที่ดำรงตำแหน่งกงปู้หยวนไว่หลางกระมัง!”

หลี่หมิงอวินฉุกคิดได้ทันทีทันใด “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง”

หลินหลันกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เจ้าคิดอะไรได้แล้วหรือ”

“หลายปีมานี้ใต้เท้าหวงท่านนั้นละโมบโลภมาก ยักยอกเงินของประชาชนเพื่อนำไปปรนเปรอความสำราญของตนเองจนกลายเป็นตระกูลร่ำรวยมั่งคั่ง ทว่ากับคนภายนอกกลับบอกกล่าวเพียงว่าครอบครัวบุตรเขยทำกิจการค้าขายใบชา ด้วยเหตุนี้ตอนแรกนายกู่จึงนำตระกูลหวงมาหลอกล่อแม่มดชราให้ติดเหยื่อ ข้าจึงคิดว่าในวันฉลองวันคล้ายวันเกิดของท่านหญิงชราเก๋อนั่น แม่มดชราคงได้เอ่ยถามหวงฮูหยินเข้าแล้วถึงได้ตื่นตระหนกเช่นนี้” หลี่หมิงอวินกล่าววิเคราะห์

หลินหลันอดเป็นกังวลขึ้นมาไม่ได้ “เช่นนั้นจะมีผลกระทบอันใดต่อแผนการของเจ้าหรือไม่”

“ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก ในเมื่อรู้ว่ามีประเด็นนี้อยู่ ไว้ถึงเวลาให้นายกู่หาข้ออ้างมาหลอกล่ออีกก็เป็นอันเรียบร้อยแล้ว” หลี่หมิงอวินกล่าวอย่างไร้ความกังวล

“อืม! นายกู่อุตส่าห์ช่วยพวกเราจัดการเรื่องนี้ให้ อย่าทำให้เขาต้องติดร่างแหจนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลไปด้วยก็พอ” หลินหลันกล่าวด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจ

หลี่หมิงอวินกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “จะปล่อยให้เขาตกต่ำถึงขั้นนั้นได้อย่างไรกัน เจ้าจะดูถูกความสามารถของสามีอย่างข้าเกินไปแล้วกระมัง ครานี้จะต้องเล่นงานแม่มดชราให้ไร้หนทางโต้ตอบ พวกเราไม่เพียงแต่ต้องนำห้องแถวและพื้นที่ไร่สวนของท่านแม่ข้ากลับคืนมาให้หมด แต่ยังต้องสอนให้ท่านพ่อรู้สึกเจ็บจนกระอักเลือดดูสักครั้ง”

“ท่านพ่อจะช่วยแม่มดชราเก็บกวาดเรื่องเละเทะนี่ด้วยหรือไม่ จะเป็นไปได้หรือไม่ที่เขาจะขายห้องแถวเพื่อนำเงินไปชำระหนี้สิน”หลินหลันรู้สึกสงสัยเป็นอย่างยิ่ง

“วางใจเถิด ทรัพย์สินอาคารและที่ดินซึ่งอยู่ในเมืองหลวง ท่านพ่อมิกล้าทำอันใดสุ่มสี่สุ่มห้าหรอก มิเช่นนั้นบรรดาขุนนางที่จ้องเล่นงานเหล่านั้นเกิดได้ยินเข้า เรื่องราวคงบานปลายไปกันใหญ่ อีกทั้งท่านพ่อผู้นี้ไม่ยอมเสียหน้าง่ายๆ เช่นกัน เขาคงทำได้เพียงนำส่วนของตนเองออกมาช่วยเหลือ แต่ปัญหาคือส่วนที่เขาต้องตามจ่ายมิใช่เพียงส่วนเดียวนี่สิ” หลี่หมิงอวินกล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา เขาชะงักไปชั่วขณะแล้วกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ท่านพ่อเหลืออดต่อแม่มดชรามาตั้งนานแล้ว หากเรื่องที่ซานซีเผยออกมา ท่านพ่อคงไม่อาจอดทนต่อนางได้อีกแน่นอน ครานี้วันพังพินาศของแม่มดชราก็อยู่อีกไม่ไกลแล้ว”

หลินหลันถอนหายใจยาว “ข้ารอให้วันนั้นมาถึงตั้งนานแล้ว ข้ากำลังคิดว่าควรต้องสุมฟืนเพิ่มไฟให้แม่มดชราอีกหน่อยหรือไม่ จะได้ทำให้นางพังพินาศอย่างราบคาบถึงที่สุด”

หลี่หมิงอวินอมยิ้มแล้วกล่าว “ได้สิ! เจ้ามีข้อเสนอแนะอันใดหรือ”

หลินหลันกลอกตาไปมาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อเจ้าใช้กลวิธีที่เรียกว่าเชิญท่านลงโอ่ง เช่นนั้นข้าก็จะใช้กลวิธีที่เรียกว่าผู้ใดเต็มใจก็รีบมาติดเบ็ดเสีย หลิวอี๋เหนียงกำลังตั้งครรภ์อยู่พอดีมิใช่หรือ ข้าเพียงแค่ปล่อยข่าวลือออกไปว่าหลิวอี๋เหนียงตั้งครรภ์บุตรชาย เจ้าเดาสิว่าแม่มดชราจะถึงขั้นคลั่งเลยหรือไม่ หากนางยังพอมีความเป็นมนุษย์อยู่บ้างก็แล้วไป แต่หากนางยังคงจิตใจอำมหิตเกินคน เช่นนั้นใครก็ช่วยนางมิได้เช่นกัน”

หลี่หมิงอวินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าทำอะไรต้องมั่นใจเสียก่อน อย่าให้เด็กในท้องของหลิวอี๋เหนียงได้รับผลกระทบไปด้วย ถึงอย่างไรเด็กก็มิได้รู้เรื่องรู้ราวอันใดด้วย”

หลินหลันตวัดสายตามองเขา “เห็นข้าเป็นพวกไม่รู้จักคิดหรือ”

หลี่หมิงอวินหลุดหัวเราะก่อนจะกล่าวออกไป “ข้าเพียงแค่ย้ำเตือนเจ้าเท่านั้นเอง”

“น้ำไม่ค่อยอุ่นเสียแล้ว ข้าขอตัวขึ้นก่อนล่ะ” หลินหลันเอ่ยพลางจะลุกขึ้นยืน แต่แล้วกลับถูกหมิงอวินกอดรัดไว้อย่างแนบแน่น ตามด้วยเสียงกระซิบอบอุ่นข้างใบหูของนาง “เดี๋ยวข้าช่วยเติมความอบอุ่นให้เจ้าเอง…”

หลินหลันถึงกับหูหน้าตาแดงด้วยความเขินอาย “เจ้ามิต้องหวังดีถึงเพียงนี้…อ๊ะ…เจ้ามันนิสัยไม่ดี…”

วันถัดมา ติงหลั้วเหยียนและหลินหลันไปโถงหนิงเฮ๋อเพื่อคารวะตามธรรมเนียมปฏิบัติ ขณะที่นางฮานยังคงดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ระหว่างนั้นชุนซิ่งมาบอกกล่าวติงหลั้วเหยียนมีสีหน้าประหลาดใจบางเบา พูดอะไรไม่ออกนางฮานพยักหน้าแล้วกล่าว “เจ้าให้ผู้ดูแลจ้าวเตรียมรถม้าไว้ให้พร้อม อีกเดี๋ยวข้าไปทักทายเหล่าไท่ไทเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทางกันทันที”

หลินหลันคิดในใจ แม่มดชราคงมิได้จะไปถามไถ่เรื่องที่ซานซีด้วยตนเองถึงที่หรอกนะ?

ติงหลั้วเหยียนเอ่ยถามเสียงแผ่ว “ท่านแม่จะไปเยี่ยมเยียนคนในครอบครัวของท่านใต้เท้าหวงหรือเจ้าคะ”

นางฮานเผยรอยยิ้มอ่อนๆ “ใช่สิ! เมื่อวานได้ยินว่าหวงฮูหยินไม่ค่อยสบาย ก็เลยว่าจะไปเยี่ยมเยียนสักหน่อย”

หลินหลันรีบกล่าวเสนอความช่วยเหลือทันควัน “หวงฮูหยินไม่สบาย หรือไม่ให้ลูกติดตามท่านแม่ไปด้วยดีหรือไม่เจ้าคะ!”

นางฮานกำลังเตรียมปฏิเสธหลินหลัน แต่กลับได้ยินติงหลั้วเหยียนเอ่ยขึ้นมาอย่างลังเลใจ “ท่านแม่…ลูกคิดว่า ที่ตระกูลหวงนั่น อย่าไปจะดีกว่านะเจ้าคะ”

หลินหลันและนางฮานรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง ติงหลั้วเหยียนอยู่ในบ้านโดยไร้ความคิดเห็นใดๆ เสมอมา เหตุใดวันนี้ถึงพูดประโยคดังกล่าวออกมาเสียได้

“ทำไมหรือ” นางฮานกล่าวด้วยความประหลาดใจ

ติงหลั้วเหยียนมองไปยังหลินหลันแล้วจึงมองไปยังสาวใช้ที่อยู่ภายในห้องด้วยท่าทีราวกับยากเกินกว่าจะพูดออกมาได้

นางฮานรู้สึกวิตกกังวลขึ้นมาชั่ววูบ หรือว่าหลั้วเหยียนไปรับรู้อันใดบางอย่างมาแต่ไม่สะดวกใจที่จะพูดต่อหน้าทุกคน นางจึงหันไปกล่าวกับหลินหลัน “ที่ร้านเจ้าคงยังยุ่งวุ่นวายน่าดู รีบไปก่อนเถอะ!”

หลินหลันกำลังครุ่นคิดด้วยความสงสัย หรือนางฮานจะไปบ้านตระกูลหวงด้วยเรื่องอื่น? ในเมื่อนางฮานตั้งใจไล่นางออกไป นางเองก็ไม่หน้าหนาพอที่จะอยู่ฟังเรื่องราวซุบซิบนินทาอะไรพวกนี้เช่นกัน จึงทำได้เพียงกล่าวลาแล้วถอยออกมา

ทันทีที่หลินหลันเดินพ้นประตูออกมา สาวใช้ที่อยู่ภายในห้องก็ถูกไล่ออกมาด้วยเช่นกัน หลินหลันจึงจงใจเดินด้วยฝีก้าวเชื่องช้าเพื่อรอชุ่ยจือให้เดินผ่านมาแล้วเอ่ยเรียกนางด้วยเสียบางเบา “ฮูหยินจะไปบ้านตระกูลหวงทำไมหรือ”

ชุ่ยจือตอบด้วยเสียงกระซิบ “เหมือนว่าจะไปเพื่อเรื่องการแต่งงานของเปี่ยวเสี่ยวเจี่ยะเจ้าค่ะ”

หลินหลันตกตะลึง ครั้งนี้นางเป็นอันเข้าใจได้เสียที เดิมทีแม่มดชราคิดจะเกี่ยวดองกับตระกูลหวงนี่เอง มิน่าล่ะ วันนั้นอู่หยางจวิ้นจู่ถึงได้เลือกตักเตือนบุตรสาวตระกูลหวงเป็นการเจาะจง หลินหลันเผยรอยยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา เห็นทีว่าแม่มดชราคงยังไม่รู้ว่าหมิงจูไปก่อเรื่องงามหน้าอันใดไว้สินะ มิเช่นนั้นต่อให้นางหนังหน้าหนาเพียงใดก็คงไม่กล้าพอที่จะไปทวงคำมั่นสัญญาถึงบ้านเขาหรอก! ติงหลั้วเหยียนหนอติงหลั้วเหยียน! เจ้าไม่ควรรั้งนางเลย มิเช่นนั้น แม่มดชราออกไปในวันนี้คงได้กระอักเลือดกลับมาอย่างแน่นอน