บทที่ 168: ได้โปรดปกป้องเธอให้ดี

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 168: ได้โปรดปกป้องเธอให้ดี

ตลอดทั้งวัน​ โรเอลได้สัมผัสกับความแตกต่างเชิงกลยุทธ์ ของการมีผู้ใช้คาถาฟื้นฟูในกลุ่ม เมื่อรู้ว่าเขาสามารถวางใจให้ชาร์ล็อตรักษาเขาได้ เด็กชายก็สามารถใช้ความสามารถของเขาได้โดยไม่ต้องกังวลถึงเรื่องใด ๆ อีก

รอดูเหล่าศัตรูโดนล้างบางด้วยพลังเวทอันเย็นยะเยือกของฉันได้เลย!

ตอนนี้โรเอลได้รู้ถึงความสามารถอันยิ่งใหญ่ของสัมผัสแห่งธารน้ำแข็งแล้ว เขาจึงเลือกที่จะไล่ล่ากำจัดศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าเดิม ด้วยความจริงที่ว่าแม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บ ทั้งหมดที่เขาต้องทำก็มีเพียงแค่ขอ ‘พลาสเตอร์มหาอำนาจ’ จากชาร์ล็อตเพื่อรักษาเขาให้หาย เพราะยังไงเด็กสาวก็จำเป็นจะต้องฝึกการควบคุมของจิตวิญญาณทองคำให้ได้อยู่ดี

นอกจากนี้การกอดชาร์ล็อตเองก็ทำให้โรเอลรู้สึกสบายตัว และมันก็ช่วยรักษาเขาในแง่ของจิตวิญญาณอีกด้วย

แน่นอนว่าโรเอลเป็นคนที่มีคุณธรรม เขาจึงหลีกเลี่ยงที่จะไม่ทำอะไรที่ไม่เหมาะสมกับชาร์ล็อต เขาไม่ได้ตั้งใจใช้คาถาเวทใหม่นี้เพื่อใช้ประโยชน์จากเธอเสียหน่อย โรเอลเองก็จำเป็นจะต้องทำความคุ้นเคยกับความสามารถใหม่ของตัวเองด้วยเช่นกัน

สัมผัสแห่งธารน้ำแข็ง เป็นคาถาเวทหายาก ที่แสดงผลโดยตรงมาจากคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดมงกุฎ​ของเขา ตามที่ระบบกล่าวไว้ ผู้สร้างธารน้ำแข็งได้ส่งเสริมการกลายพันธุ์ของศิลามงกุฎ​ ซึ่งโรเอลก็ไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงเบื้องหลังความหมายนั้น แต่อย่างน้อย ๆ เขาก็สามารถบอกได้ว่านี่เป็นคาถาพิเศษเฉพาะสำหรับเขาเพียงคนเดียว

ต่างจากคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดความแข็งแกร่งและคาถาเวทฟื้นคืนชีพอันเดธที่เขาได้รับมาจากกรันด้า สัมผัสแห่งธารน้ำแข็งเป็นคาถาของโรเอลโดยแท้จริง หมายความว่ามันเป็นไปได้สำหรับเขาที่จะพัฒนามันขึ้นไปอีก ยิ่งเขาใช้มันมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น

อันที่จริงโรเอลพยายามยกระดับความเชี่ยวชาญที่เขามีต่อสัมผัสแห่งธารน้ำแข็ง ก็เพื่อบรรเทาความไม่สบายใจที่เขารู้สึก

โรเอลคิดว่าการแทรกแซงยับยั้งพลังของไข่ของเขา ทำให้เรือเอสเอส เซนต์แมรี่ ซึ่งเป็นเรือธงสามารถเร่งความเร็วได้อย่างมาก ด้วยวิธีนี้​ กองเรือทองคำน่าจะสามารถสลัดศัตรูออกได้แล้ว และเขากับชาร์ล็อตก็น่าจะสามารถกลับไปอย่างปลอดภัยได้ภายในเวลาสองวัน ทว่าในตอนบ่ายที่ผ่านมา โรเอลได้ยินคำพูดบางอย่างจากอิซาเบลลาที่ทำให้เขาต้องกังวล

“นี่ไม่ดีแล้ว เหยี่ยวเงินสูญเสียการมองเห็นกองเรือของกอร์ดอนเมื่อสองวันก่อน และนับจากนั้นพวกเราก็ไม่ได้เห็นพวกเขาอีก”

เหยี่ยวเงินคืออุปกรณ์เวทที่ใช้ในการสำรวจบริเวณใกล้เคียง เพื่อค้นหาข่าวกรองของศัตรู มันทำมาจากแร่เงินและอัญมณี เติมพลังงานด้วยพลังเวท ทำให้พวกมันสามารถเดินทางได้เร็วกว่านกปกติทั่วไปมาก

อิซาเบลลาและกอร์ดอนต่างคอยจับตาดูกองเรือของกันและกันอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ทว่านับตั้งแต่ที่โรเอลและชาร์ล็อตมาถึง กองเรือของกอร์ดอนก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เห็นได้ชัดว่าการมาถึงของพวกเขาทำให้กอร์ดอนต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ต่างไปจากเดิม ปิดบังอนาคตด้วยม่านแห่งความไม่แน่นอน

ภายนอกโรเอลดูไม่สะทกสะท้านกับข่าวการหายตัวไปของกองเรือของกอร์ดอนเท่าไหร่ แต่เขารู้สึกไม่สบายใจในใจอย่างไม่ต้องสงสัย กลายเป็นความกระสับกระส่ายทำให้เขาไม่สามารถอยู่นิ่ง ๆ ได้เลย

เด็กชายรู้สึกว่าอย่างน้อยตนเองก็ควรจะพยายามเพิ่มความแข็งแกร่ง แม้ว่าจะเป็นเพียงเล็กน้อย เพื่อเตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

นี่เป็นผลให้มนุษย์เกล็ดหลายตัวต้องจบลงด้วยการถูกแช่แข็งเป็นไอติม ก่อนที่จะจมลงไปในทะเลลึก แม้แต่สัตว์ประหลาดทะเลยักษ์ที่มีหนวดก็เริ่มที่จะหลีกเลี่ยงโรเอลตามสัญชาตญาณหลังจากตระหนักได้ถึงภัยคุกคามที่เขามี นอกจากนี้หนวดที่แข็งติดอยู่กับดาดฟ้าก็เป็นหลักฐานบอกได้เหมือนกัน

หลังจากการปะทะกันหลายครั้ง ศัตรูก็เริ่มไม่กล้าเข้าใกล้กองเรือทองคำอีกต่อไป​ เพราะเกรงกลัวในพลังเวทของโรเอล ดังนั้นโรเอลที่ยังคงกระสับกระส่ายจึงตัดสินใจทดลองควบคุมสัมผัสแห่งธารน้ำแข็ง เพื่อดูว่าเขาสามารถปรับมันให้เข้ากับการใช้งานในประจำวันได้หรือไม่ บางทีอาจจะใช้สร้างตู้เย็นหรือเครื่องปรับอากาศ ทว่าในไม่ช้าเด็กชายก็ตระหนักว่ามันคงเป็นไปไม่ได้

พลังเวทที่เกิดจากผู้สร้างธารน้ำแข็ง ไม่ใช่อากาศเย็นธรรมดา ๆ ความสามารถของมันไม่สามารถลดทอน​ลงได้ แม้จะเพียงไอเย็นเล็ก ๆ น้อย ๆ มันก็สามารถแช่แข็งหนวดที่เหมือนหอคอยของสัตว์ทะเลได้ ยิ่งไปกว่านั้น การละลายสิ่งที่สัมผัสกับพลังเวทอันเย็นยะเยือกก็เป็นเรื่องที่ทำได้ยากเช่นกัน หนวดของสัตว์ประหลาดนั้นยังคงแข็งติดอยู่กับดาดฟ้าอย่างแน่นหนา แม้จะผ่านไปหนึ่งวันแล้วก็ตาม นี่ถือเป็นหลักฐานที่ดีที่สุดของพลังจากสัมผัสแห่งธารน้ำแข็ง

ช่วงเย็น เมื่อโรเอลกอดชาร์ล็อตเป็นครั้งที่ห้าของวัน อีกฝ่ายก็บีบเอวของเขาอย่างแรง ทำให้เด็กชายได้รู้ว่านี่มันมากเกินไปแล้ว ท้ายที่สุดโรเอลจึงถูกปล่อยให้เดินไปรอบ ๆ ดาดฟ้าอย่างกระสับกระส่าย คิดหวังว่าบางทีลมทะเลยามเย็นอาจทำให้จิตใจของเขาเย็นลง แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นผล

ทันใดนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีแขกปรากฏ​ตัวขึ้น

“รับไปสิ มันเป็นไวน์แปะก๊วยคุณภาพสูงเชียวนะ”

โรเอลรับขวดไวน์ที่บรรจุไวน์ชั้นดีเอาไว้ก่อนที่จะหันไปมองหญิงสาวผมสีน้ำตาลแดงที่กำลังเดินเข้ามาหาด้วยรอยยิ้ม

“พี่สาวอิซาเบลลา ผมยังเด็กอยู่ ไวน์นี้มันหนักเกินไปสำหรับผมนะ”

“ผู้ชายชอบดื่มสุราแรง ๆ เพื่อความผูกพัน เจ้าควรจะชินกับมันให้ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ นะ”

“ผู้ชาย? แต่พี่สาวก็ดื่มมันเหมือนกันนี่นา…”

“แนวคิดเรื่องเพศใช้ไม่ได้กับผู้ปกครอง”

อิซาเบลลาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะดื่มไวน์อึกใหญ่จากขวดของเธอเองลงคอ แล้วเดินไปยืนข้าง ๆ โรเอลตามราวบันได มองดูท้องทะเลอันมืดมิดที่สามารถมองเห็นแสงไฟจากเรือหลายสิบลำที่แล่นอยู่เหนือน้ำ พร้อมเสียงร้องเพลงของลูกเรือที่ดังมาลาง ๆ อย่างคลุมเครือ

เด็กชายจึงเปิดขวดและจิบหนึ่งอึก ก่อนจะสำลักความเผ็ดของมัน ทำให้อิซาเบลลาหัวเราะเยาะกับภาพที่เห็นตรงหน้าแล้วคว้าไวน์แปะก๊วยจากมือของเขามาเปลี่ยนกับเบียร์ที่เธอถือมาด้วย

“ช่างมันเถอะ ดื่มนี่แทนก็แล้วกัน เบียร์เหมาะกับคนอายุเท่าเจ้ามากกว่า”

คำพูดด้วยใบหน้าอันยิ้มแย้มของอิซาเบลลาทำให้โรเอลยิ้มตามเธอไปด้วย เมื่อมองไปยังหญิงสาวผู้สวยงามและอ่อนโยนตรงหน้า ทันใดนั้นโรเอลก็รู้สึกอิจฉาวินสเตอร์เล็กน้อย

ด้วยส่วนผสมทางรูปลักษณ์ที่ดูดีของวินสเตอร์กับโชคชะตาอันน่าพิศวงที่ทำให้เขาได้รับความรักจากผู้หญิงคนนี้ ผู้ชายธรรมดา ๆ คงจะต้องประหม่าในทันทีที่ได้ยืนอยู่ต่อหน้าเธอ ไม่ต้องพูดถึงความกล้าที่จะไปรักกับเธอ พวกผู้ชายทั่ว ๆ ไปไม่มีทางทำได้อย่างแน่นอน

“พี่สาวอิซาเบลลา ตามหาผมอยู่งั้นเหรอครับ?”

โรเอลจิบเบียร์ดื่มด่ำกับรสชาติอันคุ้นเคยในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาก่อนจะเริ่มบทสนทนา อิซาเบลลาก้มหน้าครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะถาม

“ไม่มีอะไรมากหรอก ข้าก็แค่อยากถามเจ้าว่า เจ้าคิดยังไงกับชาร์ล็อต?”

“ชาร์ล็อต?”

“ใช่ ข้าได้ยินมาว่าพวกเจ้าทั้งสองคนเพิ่งได้เจอกันเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง ถึงแม้ว่าเธอคนนั้นจะมีสัญญาหมั้นหมายกับเจ้า แต่ข้าก็ยังอยากจะรู้ว่าเจ้าคิดอย่างไรกับเธอ?”

ด้วยปอยผมสีน้ำตาลแดงที่ปลิวไสวตามสายลมทะเลยามเย็น​ อิซาเบลลาจ้องมองไปที่โรเอลอย่างจดจ่อ ทำให้เด็กชายรู้สึกราวกับกำลังเผชิญหน้ากับพ่อแม่ของคู่รัก ความคิดที่อธิบายไม่ได้นี้ทำให้เขารู้สึกประหม่าเล็กน้อย

“ผม… ผมคิดว่าชาร์ล็อตเป็นผู้หญิงที่วิเศษมาก”

“วิเศษมาก? แล้วยังไงล่ะ?”

“เอ่อ… ทุกอย่าง พวกเราประสานงานกันได้ดีเมื่อต่อสู้เคียงข้างกัน และเธอก็คอยรักษาผมทุกครั้งที่ผมต้องรับผลข้างเคียงจากคาถาเวท แม้ว่าพวกเราจะทะเลาะกันบ่อย ๆ แต่พวกเราก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อกัน…”

ภายใต้การจ้องมองของอิซาเบลลา โรเอลได้พูดถ้อยคำเล่าเรื่องต่าง ๆ ออกมามากมาย ช่วงแรกอิซาเบลลาพยักหน้าค่อนข้างบ่อย​ ตอบสนองต่อคำพูดของโรเอล ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปการแสดงออกของเธอก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย

เดี๋ยวนะ พวกเจ้าเรียกอะไรระดับนั้นว่าการทะเลาะงั้นเหรอ?

อิซาเบลลานึกถึงปฏิสัมพันธ์ที่เธอได้เห็นระหว่างโรเอลกับชาร์ล็อตจนถึงตอนนี้ คิ้วของหญิงสาวเลิกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเธอก็จิบไวน์ก่อนที่จะตรงเข้าประเด็น

“โรเอล เจ้าชอบชาร์ล็อตไหม?”

“… ถ้าถามว่าผมชอบเธอไหม แน่นอนผมต้องบอกว่า ผมชอบเธอ แต่สถานการณ์ระหว่างเรามันยังค่อนข้างซับซ้อน”

โรเอลเลือกที่จะตอบออกมาด้วยคำตอบที่คลุมเครือ เด็กชายอดไม่ได้ที่จะหวนคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้ทำร่วมกับคู่หมั้นในนาม จากนั้นใบหน้าของเขาก็เริ่มร้อนขึ้น เมื่อเห็นสิ่งนี้​ ริมฝีปากของอิซาเบลลาก็เชิดขึ้นเล็กน้อย

“เข้าใจแล้ว ข้าพอจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ในเมื่อเป็นแบบนี้ ข้าขอมอบหมายภารกิจให้เจ้าได้ไหม?”

อิซาเบลลาจับราวบันไดไว้ข้างหน้าก่อนจะจ้องมองออกไปยังทะเลอันกว้างใหญ่ด้วยรอยยิ้มอันราบเรียบบนริมฝีปาก เสียงของเธอนั้นฟังดูสงบมาก

“เจ้าน่าจะรู้ดีว่าภารกิจของข้าในการส่งไข่นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง หากผู้สร้างธารน้ำแข็งฟักออกมา ได้ มันอาจทำให้อารยธรรมมนุษย์ที่พวกเรารู้จักถึงจุดจบ ข้าไม่รู้ว่าตัวเองจะทำมันได้สำเร​็​จไหม นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ข้าต้องระมัดระวังในด้านความปลอดภัยให้มากขึ้น”

“ผนึกถาวร นั่นคือประกันที่ข้าได้ทำเอาไว้สำหรับภารกิจนี้ ผนึกถาวรจะละลายจิตวิญญาณทองคำที่แข็งตัวอยู่ในกระดูกงูของเรือเข้าห่อหุ้มไข่ไว้ ลากต้นกำเนิดแห่งหกภัยพิบัติลงไปในส่วนลึกของทะเลอันไม่มีที่สิ้นสุดจนกว่าผนึกจะสลายไป”

“เดิมทีข้าเป็นคนเดียวที่มีสายเลือดบริสุทธิ์เพียงพอที่จะเรียกใช้ผนึกถาวรได้ แต่ตอนนี้มีชาร์ล็อตด้วยอีกคน ซึ่งกอร์ดอนนั้นได้ล่วงรู้เกี่ยวกับผนึกถาวรและต้องการที่จะขัดขวางมันและชิงไข่ไป ดังนั้นข้าคือเป้าหมายแรกของเขา ทว่าถ้าหากเขารู้ว่าชาร์ล็อตสามารถใช้ผนึกถาวรได้ด้วยล่ะก็… เจ้าเข้าใจใช่ไหม ว่าข้ากำลังหมายถึงอะไร?”

อิซาเบลลาหันไปมองโรเอลที่กำลังเบิกตากว้างด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึม น้ำเสียงของเธอฟังดูจริงจังกว่าที่เคย

“ความเป็นไปได้มีน้อยมาก แต่ถ้าเกิดการต่อสู้ขึ้นมาจริง ๆ พวกเขาก็อาจสังเกตเห็นถึงการมีอยู่ของชาร์ล็อตและพยายามที่จะกำจัดเธอ ข้าหวังว่าเจ้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องเธอเมื่อถึงเวลานั้น”

“…”

โรเอลเงียบไปครู่ใหญ่ ๆ เขานึกถึงอ่าวต้องคำสาป ทันใดนั้นหัวใจของเขาก็หนักอึ้งขึ้นมา เขาจ้องกลับไปที่ดวงตาสีมรกตของอิซาเบลลา ก่อนจะตอบคำถามของเธอในที่สุด

“ชาร์ล็อตเป็นคู่หมั้นของผม มันจึงเป็นความรับผิดชอบของผมที่จะต้องปกป้องเธอ เรามาที่นี่ด้วยกัน และผมก็จะทำให้แน่ใจว่าพวกเราจะออกไปจากที่นี้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะอยู่เคียงข้างเพื่อปกป้องเธอเอง”

“… เข้าใจแล้ว”

อิซาเบลลาพยักหน้าอย่างพึงพอใจกับคำตอบของโรเอล ความกล้าหาญของเขาได้ปลุกเร้าความทรงจำบางอย่างในหัวของเธอ ทำให้หญิงสาวมองไปยังทะเลอันไกลโพ้นอย่างโหยหา

“เจ้าเหมือนเขามากจริง ๆ”

“เขา?”

“ข้าหมายถึงวินสเตอร์ เขามักจะพูดถ้อยคำที่วิเศษด้วยใบหน้าที่ตรงไปตรงมาแบบนั้นเหมือนกัน เดี๋ยวก่อนนะ นั่นเป็นลักษณะเฉพาะของตระกูลเจ้ารึเปล่า?”

อิซาเบลลาลูบคางอย่างครุ่นคิด ทำให้โรเอลหัวเราะออกมาเล็กน้อย เด็กชายมองดูพี่สาวที่ปฏิบัติต่อเขาและชาร์ล็อตเหมือนครอบครัว ลมทะเลที่พัดโชยมาทำให้เขารู้สึกขมขื่น เขานึกถึงบรรพบุรุษของตระกูลแอสคาร์ดที่ล่วงลับไปแล้วในวัยรุ่งโรจน์ และอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามที่วนเวียนอยู่ในจิตใจของเขามาเป็นเวลานาน

“พี่สาวอิซาเบลลา โชคชะตา… มันเปลี่ยนแปลงกันไม่ได้งั้นเหรอ?”

“หืม? ไม่มีทาง”

อิซาเบลลารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับสีหน้าอันเคร่งขรึมของโรเอลขณะที่เขาถามคำถามนี้ เธอรู้สึกตกใจแต่หญิงสาวก็เลือกที่จะไม่ถามลึกลงไปกว่านี้ และตอบคำถามด้วยตัวเธอเอง

“เจ้าได้เห็นมันรึเปล่า? ความเท่าเทียมแห่งโชคชะตา เจ้าเคยสงสัยไหมว่าทำไมเทพธิดาแห่งโชคชะตาถึงได้ถือตราชั่งเอาไว้ในมือ?

“หืม?”

“ไม่ว่าจะเป็นหิน คาถาเวท หรือไพ่ทำนาย มีวัตถุมากมายที่สามารถนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งโชคชะตาได้ แต่ไม่ค่อยมีใครเชื่อมโยงมันกับตราชั่ง แล้วทำไมเจ้าถึงคิดว่าเทพธิดาแห่งโชคชะตาถึงถือตราชั่งเอาไว้ในมือของเธอกันล่ะ?”

“…”

โรเอลไม่มีคำตอบสำหรับคำถามของอิซาเบลลา และเธอก็ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะสามารถตอบมันได้เช่นกัน สักพักหนึ่งอิซาเบลลาก็เผยคำตอบออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ

“นั่นเป็นเพราะโชคชะตาเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา พวกเราผู้ที่ศรัทธาในเทพธิดาแห่งโชคชะตาย่อมรู้ดีเป็นที่สุด ทุก ๆ วินาที ทุก ๆ การกลับมาพบกันใหม่ และการจากลา จะทำให้สมดุลแห่งโชคชะตาเอียงไป ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามีชะตากรรมแบบไหน แต่ไม่ต้องกลัวไปหรอก จงยื่นมือออกไปทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะเขย่าสมดุลแห่งโชคชะตาซะ นั่นคือสิ่งที่เจ้าควรทำ”

ใบหน้าของอิซาเบลลามีสายตาอันแข็งแกร่งและแน่วแน่ ขณะที่เธอจ้องมองไปยังทะเลอันไร้ขอบเขตตรงหน้า เธอยกมือขึ้นดื่มไวน์แปะก๊วยอึกใหญ่จนเต็มปาก

“โชคชะตาไม่ได้มีอยู่เพื่อที่จะให้พวกเราต้องยอมจำนนต่อมัน มันมีไว้เพื่อให้พวกเราเปลี่ยนแปลงสร้างโลกที่เราต้องการได้ต่างหาก”

ขณะที่อิซาเบลลาพูดคำเหล่านั้น เธอก็ยื่นขวดไวน์ที่แทบจะว่างเปล่าใส่มือของโรเอลและมองมาที่เขาด้วยความคาดหวังในดวงตาของเธอ

“อย่าได้ทำหน้าขมขื่นอย่างนั้นอีกนะ โรเอล แอสคาร์ด หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล”

อิซาเบลลาทิ้งคำพูดเหล่านั้นไว้ด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินจากไป หญิงสาวรู้ดีว่าเธอควรให้เวลาเด็กคนนี้ได้คิดทบทวนด้วยตัวเอง โรเอลมองดูเงาของอิซาเบลลาที่กำลังจะจากไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะดื่มไวน์แปะก๊วยอึกสุดท้ายลงคอ

“ขอบคุณครับ”

แม้มันจะเป็นยามเย็นที่มีลมพัดแรง แต่ลมหนาวนั้นก็ไม่สามารถดับประกายแสงแห่งความหวังที่จุดขึ้นในใจของเด็กชายได้