ตอนที่ 253 อาจารย์ส่งมาถึงหน้าประตู

พันธกานต์ปราณอัคคี

ไม่ว่าหลอมโอสถประเภทไหน สิ่งที่ต้องทำเป็นสิ่งแรกก็คือผสมสมุนไพร

 

 

ตั้งแต่เริ่มลองหลอมโอสถเมื่ออายุสิบกว่าปีถึงบัดนี้ก็ใกล้สามสิบปีแล้ว ในด้านผสมสมุนไพรมั่วชิงเฉินทำได้อย่างง่ายดายตั้งนานแล้ว ไม่จำเป็นต้องชั่งน้ำหนักเพียงแต่จับติดมือขึ้นมา ก็ผสมวัตถุดิบแต่ละชนิดเสร็จแล้ว

 

 

จากนั้นนางปล่อยเปลวไฟสีฟ้าออกกระจุกหนึ่ง ดีดนิ้วเบาๆ ไฟแก้วใจกระจ่างกระจุกนั้นบินไปใต้เตาโอสถแล้วกระจายออกในพริบตา

 

 

มองดูเตาโอสถที่เป็นสีฟ้ารางๆ ภายใต้การขับของไฟแก้วใจกระจ่าง มั่วชิงเฉินหัวเราะอย่างไร้เสียง ปล่อยจิตตระหนักออก รับรู้อุณหภูมิของเตาโอสถอย่างตั้งใจ

 

 

โยนวัตถุดิบลงในเตาในอุณหภูมิที่เหมาะสม เป็นก้าวสำคัญมากในการหลอมโอสถ ควบคุมอุณหภูมิได้ดี ขั้นตอนการละลายสมุนไพรก็ราบรื่นหน่อย กลับกัน ขั้นตอนการละลายสมุนไพรนี้ก็จะเกิดอุปสรรคไม่น้อย

 

 

โอสถมีเป็นร้อยเป็นพันชนิด โอสถแต่ละชนิดล้วนเหมาะกับอุณหภูมิไม่เหมือนกัน ส่วนในเทียบโอสถเพียงแต่บันทึกคร่าวๆ ถึงส่วนผสมโดยประมาณของการหลอมโอสถ ขั้นตอนและเคล็ดวิชานิ้ว รายละเอียดเช่นอุณหภูมิในการโยนสมุนไพรเช่นนี้ไม่ได้พูดถึงเลย และเป็นไปไม่ได้ที่นักหลอมโอสถคนหนึ่งจะเคยหลอมโอสถทุกอย่าง เมื่อเขาหลอมโอสถชนิดใหม่ตกลงต้องโยนสมุนไพรยามใด ก็ต้องดูการรับรู้ของนักหลอมโอสถแล้ว

 

 

พูดได้ว่าการควบคุมอุณหภูมิในการโยนสมุนไพร เหมือนเวลาที่เปิดเตา ล้วนอาศัยการรับรู้อย่างมหัศจรรย์ของนักหลอมโอสถ หรือก็คือพรสวรรค์

 

 

เมื่อเตาโอสถร้อนขึ้นเรื่อยๆ สูงถึงอุณหภูมิระดับหนึ่ง มั่วชิงเฉินเปิดฝาเตาออกทันที มือหนึ่งโยนวัตถุดิบที่เตรียมไว้แล้วลงไปทีละอย่าง อีกมือหนึ่งตีเคล็ดวิชานิ้วไม่หยุด หลังจากเปลวไฟที่พุ่งออกสี่ทิศใต้เตาโอสถอ่อนโยนลงภายใต้การข่มของตราวิญญาณ นางรีบปิดฝาเตาทันที แล้วถอนใจแผ่วเบาด้วยความโล่งอก แต่กลับจ้องเตาโอสถไว้ไม่กล้าชะล่าใจแม้แต่น้อย

 

 

การหลอมโอสถอายุวัฒนะซับซ้อนมาก จำเป็นต้องตีเคล็ดวิชานิ้วตั้งแต่เริ่มโยนสมุนไพร ส่วนเคล็ดวิชานิ้วที่ต้องการระหว่างการละลายสมุนไพรยิ่งมากมายนัก นับอย่างละเอียดเกรงว่าต้องมีร้อยพันท่า

 

 

พักผ่อนชั่วครู่ มั่วชิงเฉินเร่งไฟจริงให้แรงขึ้น ด้านหนึ่งตีเคล็ดวิชานิ้วตราวิญญาณไม่หยุด ด้านหนึ่งคอยสังเกตสถานการณ์การผสานกันของวัตถุดิบ

 

 

ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไร วัตถุดิบที่โยนลงเตาโอสถละลายช้าๆ กลายเป็นของเหลวข้น นางรีบเปิดฝาเตาออกแล้วโยนผลอายุผลหนึ่งเข้าไปอย่างระมัดระวัง จากนั้นเริ่มตีเคล็ดวิชานิ้วที่ซับซ้อนมาก แล้วเร่งไฟจริงไม่หยุด

 

 

ขั้นตอนนี้ดำเนินต่อไปอย่างยาวนานมาก ระหว่างนั้นมั่วชิงเฉินเติมพลังวิญญาณครั้งแล้วครั้งเล่า เริ่มค่อยๆ รู้สึกเหนื่อยล้าแล้ว ในที่สุดก็รอถึงเวลาที่ผลอายุค่อยๆ ละลาย

 

 

มั่วชิงเฉินตั้งสมาธิกลั้นหายใจ สังเกตเหตุการณ์ในเตาโดยไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย หลังจากรอผลอายุและของเหลวก่อนหน้านี้ผสานเข้าด้วยกันจนหมดแล้วรีบเปิดฝาเตาโยนหญ้าดอกเหลืองลงไป จากนั้นปิดฝาเตารอคอยต่อ

 

 

ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น มั่วชิงเฉินโล่งอก หญ้าดอกเหลือเป็นวัตถุดิบชนิดสุดท้ายแล้ว รอวัตถุดิบทั้งหมดผสานเข้าด้วยกันจนหมด ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนสำเร็จเป็นโอสถแล้ว

 

 

ละลายสมุนไพรว่าไปแล้วง่ายดาย ที่จริงขั้นตอนนี้ยาวนานที่สุดในขั้นตอนการหลอมทั้งหมด ระหว่างนี้หากไฟจริงไม่เสถียรเพียงเล็กน้อยหรือพลังวิญญาณไม่พอ น้ำสมุนไพรก็ไม่อาจผสานกันได้อย่างสม่ำเสมอ ยามที่สำเร็จเป็นโอสถเพราะของเหลวไม่สม่ำเสมอในชั่วพริบตาที่ควบแน่นเป็นโอสถก็จะแตกเป็นผุยผงทุกอย่างที่ทำมาเสียเปล่า ดังนั้นขั้นตอนนี้จึงสำคัญมาก

 

 

ดีที่มั่วชิงเฉินหลอมโอสถไม่ต่ำกว่าร้อยพันครั้ง ประสบการณ์นับวันยิ่งล้นหลาม อีกทั้งขั้นตอนนี้ก็ใจเย็นเป็นพิเศษ น้อยมากที่จะผิดพลาดในขั้นตอนละลายสมุนไพร

 

 

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ น้ำสมุนไพรในเตาในที่สุดก็ไม่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงอีก แต่ค่อยๆ สงบลง สีหน้ามั่วชิงเฉินเครียดขึ้น เวลาที่จะสำเร็จเป็นโอสถจะถึงแล้ว

 

 

ตราวิญญาณเป็นสายๆ ดุจผีเสื้อร่ายรำ เข้าสู่เตาโอสถไม่หยุด มั่วชิงเฉินใช้จิตตระหนักปิดเตาโอสถไว้แน่น สามารถเห็นได้ชัดเจนว่าน้ำสมุนไพรในเตาไม่พลุ่งพล่านอีกแล้ว หากแต่ควบแน่นขึ้นช้าๆ มีรูปร่างของโอสถแล้ว

 

 

มั่วชิงเฉินใบหน้าฉายแววยินดี โอสถอายุวัฒนะจะหลอมสำเร็จแล้ว!

 

 

นางกดความตื่นเต้นที่พุ่งขึ้นในใจ ตราวิญญาณนับไม่ถ้วนตีไปที่เตาโอสถพร้อมกัน จากนั้นยกมือเปิดเตาโอสถออก ทว่าในขณะที่เปิดเตาเก็บโอสถนั่นเอง โอสถสีขาวขนาดเท่าลำไยสามเม็ดก็แตกออกในทันใด กลายเป็นเศษซากกองหนึ่ง

 

 

มองดูเศษซากกองนั้น มั่วชิงเฉินปวดใจจนสูดลมเข้าอึดหนึ่ง ส่ายศีรษะ ขั้นตอนสุดท้ายตนรีบร้อนอยากสำเร็จเกินไป

 

 

ในฐานะนักหลอมโอสถฝีมือดีคนหนึ่งสิ่งสำคัญที่สุดก็คือต้องไม่วิตกกังวลกับผลได้ผลเสีย หลังจากผิดหวังเสียดายเพียงชั่วครู่ มั่วชิงเฉินจิตใจสงบลงอย่างรวดเร็ว เก็บเตาโอสถขึ้นแล้วนั่งสมาธิบำเพ็ญเพียรขึ้นมา

 

 

สามวันให้หลัง เมื่อหลังจากที่มั่วชิงเฉินรู้สึกว่าร่างกาย จิตใจล้วนฟื้นฟูถึงสภาพยอดเยี่ยมที่สุด จึงออกจากถ้ำเด็ดหญ้าดอกเหลืองสดใหม่มา หลอมโอสถอายุวัฒนะอีกครั้ง

 

 

ผสมสมุนไพร โยนสมุนไพร ละลายสมุนไพร สำเร็จเป็นโอสถ ขั้นตอนพวกนี้เสร็จในอึดใจเดียว มั่วชิงเฉินไปถึงขั้นตอนเก็บโอสถอย่างราบรื่นอีกครั้ง

 

 

ในใจอดรู้สึกตื่นเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ไม่ได้ มั่วชิงเฉินรีบกดความรู้สึกพวกนี้ลงไป สังเกตเหตุการณ์ในเตาอย่างตั้งใจเพียงอย่างเดียว

 

 

เวลานี้แหละ!

 

 

มั่วชิงเฉินตาเป็นประกาย ตราวิญญาณนับไม่ถ้วนดุจฝูงผีเสื้อโบยบิน เปล่งแสงวิญญาณที่สวยงามอย่างที่สุดกลางอากาศแล้วหายเข้าในเตาโอสถ ในขณะนั้นฝาเตาเปิดออก โอสถสามเม็ดเป็นรูปเป็นร่างที่ถูกตราวิญญาณห่อไว้บินไปหานาง

 

 

ในพริบตาที่โอสถอายุวัฒนะออกจากเตาโอสถ อัสนีสายหนึ่งก็ผ่าลงมาในทันใด จากนั้นก็เห็นโอสถสามเม็ดกลางอากาศเหมือนมีจิตวิญญาณ ออกแรงดิ้นหลุดจากการพันธนาการของตราวิญญาณแล้วบินออกข้างนอกไป

 

 

เคราะห์โอสถ!

 

 

โอสถฝืนลิขิตอย่างโอสถอายุวัฒนะเช่นนี้ มั่วชิงเฉินคาดไว้นานแล้วว่าเกรงจะล่อเคราะห์อัสนีมา เห็นสิ่งที่คาดไว้เป็นจริงแม้สะทกสะท้านอยู่บ้าง กลับอัญเชิญไหมเกล็ดน้ำแข็งออกมาอย่างไม่รีบร้อนขวางอัสนีไว้ ขณะเดียวกันนิ้วมือโบยบินตีมือประทับตราวิญญาณประหลาดออกมาสายหนึ่งไล่ตามโอสถอายุวัฒนะที่วิ่งหนีไป

 

 

เคราะห์อัสนีหกสายติดกันล้วนถูกไหมเกล็ดน้ำแข็งรับไว้ มือประทับตราวิญญาณไล่จนทันโอสถอายุวัฒนะแล้วขยายใหญ่ขึ้นโดยพลันห่อโอสถอายุวัฒนะไว้อย่างรวดเร็วแล้วบินมาที่มั่วชิงเฉิน

 

 

มองดูโอสถอายุวัฒนะขาวนวลเหมือนหยกสามเม็ดตกลงในมือ มั่วชิงเฉินถอนใจด้วยความโล่งอกเบาๆ เก็บไหมเกล็ดน้ำแข็งขึ้นแล้วนั่งลงอย่างหมดแรง

 

 

ยังดีที่โอสถอายุวัฒนะล่อเคราะห์อัสนีมาหกสาย หากล่อเคราะห์อัสนีมาเก้าสาย ต่อให้ในมือนางมีไหมเกล็ดน้ำแข็งที่พลังการป้องกันเป็นหลักก็ทนไม่ไหว แม้แต่ยามนี้ พลังวิญญาณในกายก็เหลือไม่เท่าไรแล้ว

 

 

มือประทับตราวิญญาณที่ตีออกเมื่อครู่ มีชื่อเรียกเฉพาะว่าตราผูกโอสถ เป็นสิ่งที่กู้หลีถ่ายทอดให้นางเพราะเห็นนางค่อนข้างสนใจในทางแห่งโอสถ

 

 

โอสถชั้นสูงบางอย่างในชั่วพริบตาที่ปรากฏต่อโลก ล้วนมีจิตวิญญาณ และคิดหนีโดยสัญชาตญาณ ประโยชน์ของตราผูกโอสถ ก็เพื่อในยามเก็บโอสถจับโอสถที่วิ่งหนีกลับมา พูดได้ว่าครั้งนี้หลอมโอสถอายุวัฒนะได้ราบรื่น จะขาดผลงานของตราผูกโอสถไปไม่ได้

 

 

นั่งสมาธิต่อฟื้นฟูพลังวิญญาณ สามวันให้หลังมั่วชิงเฉินเดินออกจากถ้ำอีกครั้ง นำหญ้าดอกเหลืองที่เพิ่งเด็ดได้ย้อนกลับมา

 

 

หญ้าดอกเหลืองนี้ช่างยุ่งยากจริงๆ เด็ดลงมาเจ็ดวันก็ไร้ประโยชน์แล้ว ทว่าการหลอมโอสถอายุวัฒนะเตาหนึ่งอย่างน้อยต้องใช้เวลาสิบวัน บวกกับเวลาในการฟื้นฟูพลังวิญญาณ ทุกครั้งที่นางเปิดเตาหลอมโอสถล้วนต้องไปเด็ดมาใหม่ ไม่สะดวกมากจริงๆ

 

 

ดีที่ในมือนางเหลือผลอายุเพียงผลเดียว หลอมเตานี้เสร็จแล้วก็ออกจากที่นี่ได้แล้ว

 

 

มีประสบการณ์การหลอมโอสถอายุวัฒนะมาสองเตาแล้ว โอสถอายุวัฒนะเตาที่สามมั่วชิงเฉินหลอมสำเร็จอย่างราบรื่นมาก ทำให้นางประหลาดใจเหลือคณา ไม่คิดเลยว่าครั้งนี้จะหลอมได้เต็มเตา ได้โอสถอายุวัฒนะมาห้าเม็ด เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ในมือนางก็มีโอสถอายุวัฒนะแปดเม็ดแล้ว!

 

 

มั่วชิงเฉินเก็บโอสถอายุวัฒนะที่เพิ่งออกจากเตาห้าเม็ดเข้ากำไลเก็บวัตถุอย่างดีใจ จู่ๆ รอยยิ้มที่มุมปากกลับแข็งทื่อทันที

 

 

มีคนมาแล้ว!

 

 

“แม่นางน้อย ในถ้ำร้อนจะตาย รีบออกมาดีกว่าน่ะ” เสียงอ่อนโยนเสียงหนึ่งลอยมา เมื่อเข้าสู่หูมั่วชิงเฉินกลับรู้สึกเย็นเยียบ

 

 

เกิดอะไรขึ้น หรือว่าตนถูกคนสะกดรอยตามแล้ว?

 

 

มั่วชิงเฉินตระหนกตกใจ สองครั้งนี้ยามที่นางออกไปคอยสังเกตอย่างถี่ถ้วนแล้ว ยิ่งกว่านี้เดิมทีที่นี่ก็ผู้คนร่อยหรออยู่แล้ว ไม่พบเบาะแสอะไรจริงๆ

 

 

ทว่าสภาพตรงหน้า เห็นชัดว่าถูกคนจับจ้องไว้แล้ว!

 

 

ทีนี้แย่แล้ว เพิ่งหลอมโอสถอายุวัฒนะเสร็จ พลังวิญญาณในกายตนเดิมทีก็เหลือไม่เท่าไรอยู่แล้ว ต่อให้กินโอสถเติมวิญญาณชั่วขณะหนึ่งพลังวิญญาณก็ไม่อาจฟื้นฟูได้ คนข้างนอกนั่นก็ไม่ใช่คนโง่อีก จะให้เวลานางเต็มที่ได้อย่างไร

 

 

และก็เป็นไปตามคาดยามที่มั่วชิงเฉินกลืนโอสถเติมวิญญาณลงไปพยายามฟื้นฟูพลังเต็มที่ ก็ได้ยินเสียงอ่อนโยนเสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้งว่า “แม่นางน้อย หากเจ้าไม่ออกมาอีก ข้าก็จะเข้าไปแล้วนะ”

 

 

ด้วยความจำใจ มั่วชิงเฉินสงบจิตใจ แล้วก้าวเท้าเดินออกไปข้างนอก

 

 

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว นางก็ได้แต่ทหารมาคอยต้านน้ำมาดินกลบแล้ว ขอเพียงคนที่มาไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณ อย่างมากนางก็กินโอสถระเบิดวิญญาณแข็งใจสู้กันสักตั้ง

 

 

ในชั่วพริบตาที่เดินออกจากปากถ้ำ มั่วชิงเฉินกัดริมฝีปาก อดถอนใจทีหนึ่งไม่ได้ นางโชคดีเกินไปหรืออย่างไร เหตุใดผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณที่ปกติไม่ค่อยปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนมักถูกนางเจอเข้า?

 

 

คนผู้นั้นชุดขาวโดดเด่น รอยยิ้มใจดีอบอุ่น สายตาตกลงบนใบหน้ามั่วชิงเฉินอย่างสนใจ ในสายตามั่วชิงเฉินกลับรู้สึกชั่วร้ายถึงที่สุด

 

 

“ขอคารวะท่านผู้อาวุโส” มั่วชิงเฉินคำนับอย่างใจเย็น

 

 

ในชั่วพริบตาที่เห็นคนที่มาเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณ นางก็รู้ว่าตนไม่มีทางชนะแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ยังไม่สู้เปิดเผยหน่อย ดูว่าคนผู้นี้มีแผนการอะไรกันแน่ ไหนๆ โอสถอายุวัฒนะก็ถูกนางเก็บเข้ากำไลเก็บวัตถุแล้วไม่มีทางถูกคนผู้นี้ค้นไป คิดว่าเขาเป็นถึงผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณ คงไม่ฆ่าคนโดยไร้สาเหตุกระมัง

 

 

“แม่นางน้อย เจ้าอายุยังน้อยกลับใจกล้าไม่เบานะ ลำพังตัวคนเดียวมาถึงที่นี่ ท่าทางคงจะหลอมโอสถอะไรสินะ?” ผู้บำเพ็ญเพียรชุดขาวอมยิ้มถาม

 

 

มั่วชิงเฉินสีหน้าสงบว่า “ท่านผู้อาวุโสกล่าวได้ถูกต้องเจ้าค่ะ”

 

 

“เหตุใดเจ้าไม่ไปห้องหลอมโอสถที่นิกายอิ่นตันสร้างล่ะ?” ผู้บำเพ็ญเพียรชุดขาวถามอีกประโยคหนึ่ง

 

 

“ผู้น้อยไม่มีเงิน” มั่วชิงเฉินเอ่ยนิ่งเรียบ

 

 

ผู้บำเพ็ญเพียรชุดขาวหัวเราะแล้ว แม่นางน้อยคนนี้น่าสนใจจริงๆ สิบวันก่อนเขาพบผู้บำเพ็ญเพียรคนหนึ่งสะกดรอยตามแม่นางน้อยคนหนึ่งโดยบังเอิญ ดูจากฝีมือแล้วผู้บำเพ็ญเพียรคนนั้นไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนของนิกายอั้นหลัว จึงคอยระวังไว้

 

 

นิกายอั้นหลัวเป็นหนึ่งในสำนักมาร เชี่ยวชาญการลอบฆ่าสะกดรอย เพราะเรื่องในอดีตเรื่องหนึ่งเขารู้สึกไม่ดีต่อคนของนิกายอั้นหลัวมาตลอดและจำฝังใจ หากเป็นผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่นเกรงว่าคงจะพบฐานะของเขาได้ยาก

 

 

ผู้บำเพ็ญเพียรนิกายอั้นหลัวนั่นเฝ้าอยู่หน้าปากถ้ำสิบกว่าวัน เมื่อครู่ไม่คิดเลยว่าท้องฟ้ามีเมฆเคราะห์กรรมลอยมา เคราะห์อัสนีฟาดลงมาติดกันหกสาย หลังจากอัสนีหยุดเมฆหายก็เห็นผู้บำเพ็ญเพียรมารคนนั้นแอบเข้าไปในถ้ำ จึงถูกเขาถือโอกาสจัดการเสีย ทว่าก็รู้สึกสนใจผู้บำเพ็ญเพียรหญิงที่อยู่ข้างในขึ้นมาเช่นกัน

 

 

ไม่รู้แม่นางน้อยนั่นหลอมโอสถอะไรกันแน่ ไม่คิดว่าจะล่อเคราะห์อัสนีมาได้

 

 

ที่จริงนางหลอมโอสถอะไรตนก็ไม่นับว่าสนใจหรอก เพียงแต่ด้วยตบะระดับสร้างรากฐานของนางกลับหลอมโอสถที่ล่อเคราะห์โอสถมาได้ เห็นชัดว่ามีพรสวรรค์ด้านหลอมโอสถสูงนัก นี่ถึงเป็นสิ่งที่ตนค่อนข้างให้ความสำคัญ

 

 

ผู้บำเพ็ญเพียรชุดขาวหัวเราะคิกคักขึ้นมาว่า “แม่นางน้อย ไม่สู้เจ้ากราบข้าเป็นอาจารย์เป็นเช่นไร ถึงเวลาอาจารย์ต้องให้เงินใช้จ่ายมากมายแน่นอน”

 

 

มั่วชิงเฉินกระตุกมุมปาก นี่มันเรื่องอะไรกัน ผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณคนหนึ่งดาหน้าเข้ามาจะเป็นอาจารย์ตน?

 

 

จึงคารวะทีหนึ่งทันทีว่า “ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่เมตตา ผู้น้อยมีอาจารย์แล้วเจ้าค่ะ”